เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1132 ชาวนา? ศิษย์พี่เจ็ด?
บทที่ 1132 ชาวนา? ศิษย์พี่เจ็ด?
นักศึกษาเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“ผู้ชายคนนี้มาจากไหน?”
“ข้าไม่รู้ รู้แค่ว่าเขามากับแม่นางเจียง”
“ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นศิษย์คนใหม่ของแม่นางเจียงเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้! แม้แต่แม่นางเจียงก็ไม่สามารถเถียงชนะท่านอิน แล้วศิษย์ของนางจะชนะได้ยังไง?”
“เจ้าพูดถูก… แล้วเขาเป็นคนรักของแม่นางเจียงหรือเปล่า?”
“ดูสิ พวกเขากำลังจับมือกัน ข้าไม่คิดว่าแม่นางเจียงจะเป็นแม่เสือสาวแบบนี้…”
“เฮ้อ ถ้านางเป็นแม่เสือ ข้าก็อยากให้นางกินข้าเหมือนกัน…”
นักศึกษาต่างกระซิบกระซาบกันทั่วไป แต่เจียงลั่วฝูไม่สนใจเลย นางมองไปที่อินซือด้วยความตกใจและถามว่า “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงคำนับเด็กที่อายุน้อยกว่าแบบนี้”
อินซือกล่าวด้วยท่าทางที่แน่วแน่ว่า “ในเส้นทางแห่งการแสวงหาความจริง ผู้ที่ประสบความสำเร็จมากกว่าถือว่ามาก่อน เหตุใดจึงต้องยึดติดกับอายุด้วย” จากนั้นเขาก็มองซูอันอย่างกระตือรือร้น “ข้าขอถามท่านได้ไหมว่ามีชื่อแซ่ว่าอะไร? ถ้ามีโอกาส ข้าอยากจะปรึกษาท่านเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม”
ซูอันกังวลว่าเรื่องนี้อาจนำไปสู่ปัญหาได้ ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะบอกชื่อมั่ว ๆ และจากไป แต่หมี่ลี่เคยบอกว่าเขาต้องสั่งสมชื่อเสียงและบารมีให้มากขึ้น นอกจากนี้ ในที่สุดเขาก็ยืนยันเต๋าของตัวเองเมื่อสองสามวันก่อนว่าเขาจะเป็นบุรุษที่ทรงพลังที่สุดในโลก การหลบซ่อนไม่เข้ากับเต๋าของเขาเลยจริง ๆ ด้วยเหตุนี้ซูอันจึงยิ้มและกล่าวว่า “ท่านสุภาพเกินไปแล้ว ผู้น้อยคือซูอัน”
อินซือเป็นศิษย์สายตรงของผู้เบิกเท็จ สถานะของเขาในสถาบันหลวงนั้นไม่ธรรมดา หากนี่คือโลกก่อนหน้าของซูอัน อย่างน้อยที่สุดเขาก็ต้องเป็นศาสตราจารย์ของซิงหัวหรือมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และยิ่งไปกว่านั้นคือ คนผู้นี้ต้องเป็นอาจารย์ผู้สอนนักศึกษาระดับปริญญาเอก การมีความสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ดีเสมอ
“ซูอัน… ทำไมชื่อนี้ถึงคุ้นหูจัง?” อินซือพึมพำ จากนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น “ท่านคือคนที่มอบวิชาวัฏจักรหงส์อมตะให้กับฝ่าบาท สุดท้ายก็ทำลายแผนการของขั้วอำนาจต่าง ๆ จนหมดสิ้น? ซูอัน วีรบุรุษผู้โดดเด่นแห่งพระราชวังตะวันออกคนนั้นน่ะเหรอ?”
ซูอันตกตะลึง ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าเขาชอบที่นี่ ผู้คนที่นี่น่ารักมากและพูดจาดีมาก การที่อินซือได้รับการยอมรับในฐานะนักตรรกศาสตร์เป็นสิ่งที่สมควรได้รับอย่างแท้จริง ถ้าเจ้าชมข้าถึงขนาดนี้ ถึงข้าจะหน้าด้านแค่ไหน ข้าก็ยังหน้าแดงอยู่ดีรู้ไหม?
นักศึกษาที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็รู้ว่าซูอันเป็นใครเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
“เป็นสามีของคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่!”
“เจ้าคิด? ข้าไม่คิดว่าเขาดูเหมือนใครเป็นพิเศษ”
“ข้าไม่นึกเลยว่าอาจารย์คนสวยของสถาบันหลวงจะชอบเขาด้วย! ทำไมข้าถึงไม่มีโชคแบบนี้…”
ซูอันตอบว่า “พี่อิน ชมเกินไปแล้ว สิ่งที่ข้าได้ทำมานั้นไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึง”
“ท่านดูเป็นสุภาพบุรุษและถ่อมตัวมาก ไม่น่าแปลกใจที่พี่แปดโปรดปรานท่าน” อินซือจับมือของเขา “ข้าจะไปทบทวนแนวความคิดที่ท่านชี้แนะเมื่อครู่ ไม่รบกวนท่านแล้ว ไว้ถ้าข้ามีข้อติดขัดสงสัยจะขอรบกวนท่านซูอีก” หลังจากที่พูดจบ เขาก็กลายร่างเป็นลูกบอลกลิ้งจากไปตามเส้นทางที่มีร่มเงา
นักศึกษารอบข้างรีบเดินตามหลังเขา “อาจารย์ อาจารย์! รอพวกเราด้วย!”
เจียงลั่วฝูเดินหนีออกจากกลุ่มนักศึกษา แต่จู่ ๆ นางก็ลังเลเล็กน้อย
ซูอันหัวเราะเบา ๆ และถามว่า “อาจารย์ใหญ่คนสวย ท่านกำลังคิดอะไรอยู่? นี่ไม่เหมือนตัวท่านเลยนะ”
เจียงลั่วฝูกล่าวว่า “อย่าใส่ใจกับคำพูดของพวกนักศึกษาเลย ข้าไม่มีความรู้สึกอื่นให้เจ้า เราสองคนเป็นแค่สหายของกันและกัน”
ซูอันดูผิดหวัง “เฮ้อ มันเจ็บใจจริง ๆ ที่ท่านพูดแบบนี้ ข้าคิดว่าอย่างน้อยท่านก็มีความประทับใจในเชิงบวกกับข้า”
เจียงลั่วฝูอธิบายว่า “ข้ามีความประทับใจที่ดีในตัวเจ้า แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกระหว่างชายหญิง…”
“ข้ารู้” ซูอันตัดบท “เรามีความสัมพันธ์แบบชายหญิงที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน”
เจียงลั่วฝูกะพริบตา นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสิ่งที่ซูอันเพิ่งพูดมา แต่บอกไม่ได้ว่าผิดปกติที่ตรงไหน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอื่นมากกว่า “ควอนตัมนั่นคืออะไรกันแน่? ทำไมเจ้าถึงทำให้อินซือเป็นแบบนั้นได้?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ ใครจะคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะเชื่อข้าจริง ๆ” ซูอันคิดกับตัวเองว่าเขาเคยเรียนทฤษฎีเบย์มาก่อน แต่ตอนนี้ลืมไปหมดแล้ว
สำหรับเรื่องควอนตัม มันเป็นเพียงบทความที่เขาเคยอ่านทางออนไลน์เพื่อเพิ่มพูนความรู้รอบตัวไว้โต้เถียงกับคนอื่น ถ้าเขาเข้าใจกลศาสตร์ควอนตัมจริง ๆ แล้วทำไมถึงยังเป็นนักรบคีย์บอร์ดโง่ ๆ ที่ไม่พัฒนาไปไหนล่ะ?
เจียงลั่วฝูพูดไม่ออก นางคิดถึงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยคิดว่านี่จะเป็นคำตอบ นางทำได้เพียงพูดอย่างหมดหนทาง “ไอ้อ้วนบ้านั่นอาจจะพ่นไฟทำลายล้างโลกนี้ ถ้ารู้ว่าถูกเจ้าหลอกเข้าให้แล้ว”
ซูอันถามอย่างเขินอาย “พี่ใหญ่คนสวยจะไม่ขายข้าใช่ไหม?”
อีกฝ่ายไม่ได้เป็นอาจารย์ใหญ่อีกต่อไป การเรียกนางว่า ‘อาจารย์ใหญ่คนสวย’ ดูเหมือนจะไม่เหมาะอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเปลี่ยนเป็นคำอื่นเท่านั้น
เจียงลั่วฝูชอบเสียงที่ถูกเรียกว่า ‘พี่ใหญ่คนสวย’ นางตอบว่า “ไม่ต้องห่วง เจอเขาแต่ละทีข้าก็ปวดหัวทุกที ทุกวันนี้ก็หนีจะตายอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องไปบอกเขาด้วยล่ะ”
ซูอันพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ว่า “ดีแล้ว”
ทั้งสองยังคงเดินไปด้วยกัน แต่ทันใดนั้น ซูอันก็เปล่งเสียงประหลาดใจ เกือบจะคิดว่าตัวเองถูกเจียซืออี๋ส่งไปยังโลกแห่งภาพลวงตา
ไม่มีทุ่งหญ้าที่เงียบสงบและต้นไม้สูงตระหง่านในสายตาอีกต่อไป ทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยฟาร์มสีเขียวขจี มีข้าวสาลีงอก รวมทั้งผักและผลไม้ทุกชนิด ชาวนาจำนวนมากกวัดแกว่งจอบ ไถพรวน และเก็บเกี่ยว
“ทั้งหมดนี้คืออะไร?” ซูอันมองเจียงลั่วฝูอย่างไม่เชื่อ
เจียงลั่วฝูยิ้ม จากนั้นนางเดินตรงไปยังนาข้าวที่ใหญ่ที่สุดและทักทายผู้อาวุโสผิวคล้ำในชุดสีเทา “ศิษย์พี่เจ็ด!”
“ศิษย์พี่เจ็ด?” ซูอันรู้สึกสับสน ไม่ว่ามองอย่างไรเขาก็ดูเหมือนชาวนาที่มากประสบการณ์! แต่สุดท้ายเป็นศิษย์พี่เจ็ดของเจียงลั่วฝู ซึ่งเป็นศิษย์สายตรงของผู้เบิกเท็จ!
เมื่อนึกถึงอินซือที่น่ารำคาญก่อนหน้านี้ ซูอันเริ่มสงสัยเกี่ยวกับรสนิยมของผู้เบิกเท็จ พวกนี้เป็นศิษย์ประเภทไหนกัน? เจียงลั่วฝูเป็นคนที่ดูปกติที่สุดในบรรดาลูกศิษย์ของเขาทั้งหมด
……….