เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1135 เซียนหมากล้อม
บทที่ 1135 เซียนหมากล้อม
หลังจากได้ยินคำถามของซูอัน เจียงลั่วฝูเริ่มนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ “มันเป็นมิติลับที่ข้าบังเอิญไปเจอเข้า ข้าจำได้ว่านอกจากเสื้อผ้าเหล่านี้แล้ว ยังมีหุ่นจำลองด้วย พวกมันคล้ายกับคนจริง ๆ แม้แต่…” ใบหน้าของนางแดงซ่านและเปลี่ยนเรื่องที่ตั้งใจจะพูด “ยังมีสิ่งประหลาดบางอย่างที่ดูเหมือนผิวหนังมนุษย์”
“หนังมนุษย์?” ซูอันสะดุ้งตกใจ
เจียงลั่วฝูพยักหน้า “หนังแปลก ๆ มีรูที่ดูเหมือนว่าควรสูบอากาศเข้าไป จากนั้นพวกมันก็จะกลายเป็นเหมือนคน มีเสียงแปลก ๆ ออกมาด้วย… พวกมันทำให้ข้านึกถึงศิลปะเชิดหุ่น แต่ดูเหมือนจะมีร่องรอยของพลังชี่อยู่รอบตัวพวกมันเลย”
ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ ฟังเหมือนตุ๊กตาเป่าลมไม่ใช่เหรอ? “ท่านยังมีหนังมนุษย์พวกนั้นอยู่ไหม?” เขารีบถาม ต้องการตรวจสอบว่าสิ่งเหล่านั้นจากมิติลับมาจากโลกเก่าหรือไม่ และโลกนี้มีความเกี่ยวข้องกับโลกก่อนหน้าของเขาหรือไม่?
เจียงลั่วฝูส่ายหัวและพูดว่า “มีคนอื่นอยู่ในมิติลับในตอนนั้น เราทำลายหนังมนุษย์ขณะต่อสู้โดยไม่ได้ตั้งใจ”
ซูอันตกตะลึง เขาถามว่า “ท่านได้อะไรมาจากที่นั่นอีกไหม?”
เจียงลั่วฝูพยักหน้า “ข้าพบรากวิญญาณของเนื้อหนังสองสามชิ้น”
“รากวิญญาณของเนื้อหนัง?” ซูอันตกตะลึง มันคืออะไร?
เจียงลั่วฝูเห็นด้วย “พวกมันดูเหมือนรากวิญญาณ แต่ก็คล้ายกับผิวหนังมนุษย์ ข้าถามหลายคนเกี่ยวกับพวกมัน แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกมันทำมาจากวัสดุประเภทใด”
“ท่านช่วยอธิบายรูปร่างคร่าว ๆ ให้ข้าฟังได้ไหม?” น้ำเสียงของซูอันฟังดูตื่นเต้น
“อืม ข้าคิดว่ามันเป็นทรงกระบอกกลม ขนาดประมาณนี้…” เจียงลั่วฝูแสดงท่าทางขณะพูด
ยิ่งฟังความคิดของซูอันยิ่งขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมมิติลับนี้ถึงฟังดูแปลก ๆ? นางเข้าไปในร้านขายของเล่นสำหรับผู้ใหญ่หรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า? ไม่แปลกใจเลยที่เสื้อผ้าที่นางใส่จะเหมือนกับสาวออฟฟิศและอาจารย์สุดเซ็กซี่ในวิดีโอโป๊เหล่านั้น… ไม่! เมื่อเทียบกับนาง ผู้หญิงเหล่านั้นไม่จัดว่ามีค่าอะไรให้พูดถึง! ช่างมันเถอะ ข้าคิดว่าจะดีกว่าถ้าไม่บอกนางว่าของพวกนั้นคืออะไร ไม่งั้นนางอาจจะรับไม่ได้
ซูอันต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกในมิติลับนั้น แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะแว่วมาจากบริเวณใกล้เคียง
“ฮะ! แพ้อีกแล้ว”
“อาจารย์ ข้าจะเอาชนะท่านได้ยังไง?”
“ไม่เป็นไร ข้าแค่อยากแกล้งเจ้าสนุก ๆ”
“ข้าขอเปลี่ยนตำแหน่งได้หรือไม่?”
ทั้งคู่หันไปเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เห็นชายสองคนกำลังเล่นหมากล้อมอยู่ในศาลา คนหนึ่งหน้าตาสะสวยจนดูเหมือนหญิงสาวจะเป็นใครได้อีกนอกจากเซี่ยซิว? ขณะนี้เขากำลังเล่นหมากล้อมด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ในขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงข้ามดูผ่อนคลายมากกว่า เขาแต่งกายด้วยชุดลายตารางหมากรุกสีขาวดำ มีผมหงอกอยู่รอบขมับ แต่ไม่ได้ทำให้ดูเฒ่าชราเลย ใบหน้าที่เรียบเฉยกอปรกับแขนเสื้อที่กว้างและเสื้อคลุมยาวระพื้น ทำให้เขามีรูปลักษณ์ที่สง่างาม ในวัยเยาว์คงเป็นที่นิยมของเหล่าเด็กสาว แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็มีบุคลิกที่เป็นอันตรายต่อใจสำหรับหญิงสาวหลายคน
ซูอันมองเสื้อคลุมที่ยาวระพื้น เขาเคยเห็นเสื้อผ้าแบบนี้ในละครเท่านั้น ยาวขนาดนี้ เจ้าไม่กวาดเอาขยะบนพื้นตอนเดินไปด้วยเหรอ? ชายเสื้อจะไม่เละเทะจริงเหรอ?
“นี่คือศิษย์พี่ห้าของข้า เฮยไป๋จื่อ” เจียงลั่วฝูแนะนำเขาให้ซูอันรู้จัก “เขาคืออาจารย์ของเซี่ยซิว”
ซูอันคิดกับตัวเอง ดูเหมือนว่าเซี่ยซิวคนนี้ทำตัวซ่อนคมอยู่ไม่น้อย เขามักพูดเสมอว่าอิทธิพลของตระกูลเซี่ยในเมืองหลวงนั้นไม่ดีนัก บอกว่าตัวเองเป็นเพียงลูกชายของเจ้าเมืองขี้ปะติ๋ว แต่ดูเขาตอนนี้สิ! การเข้าสู่สถาบันหลวงถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว แต่กลับได้รับการยอมรับจากศิษย์ของผู้เบิกเท็จแห่งภูเขาด้านหลัง ดูเหมือนว่าภูมิหลังของตระกูลเซี่ยจะไม่มีอะไรน่าเย้ยหยันอย่างที่เขาพยายามบอกใครต่อใคร
ทันใดนั้น เซี่ยซิวก็เห็นทั้งสองเช่นกัน เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ราวกับว่าได้เห็นผู้กอบกู้ “แม่นางเจียง อาซู!”
เจียงลั่วฝูพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายชายวัยกลางคนด้วยความเคารพ “คารวะศิษย์พี่ห้า”
“เป็นศิษย์น้องแปดนั่นเอง” เฮยไป๋จื่อหันกลับมามองทั้งสองคน เขาตอบแบบสบาย ๆ จากนั้นจึงมองมาที่ซูอัน ดวงตาของเขาสว่างขึ้นทันที “ท่านคือซูอันจากพระราชวังตะวันออกที่คิดเกมห้าแถวขึ้นมาใช่ไหม?”
ซูอันพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “มันเป็นแค่เกมเล็ก ๆ”
เฮยไป๋จื่อลูบเคราแพะของเขาและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “จะเรียกว่าเป็นแค่เกมเล็ก ๆ ได้ยังไง? ใครก็ตามที่คิดค้นวิธีการเล่นหมากล้อมขึ้นใหม่ ย่อมเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ข้าโอ้อวดตัวเองว่าเป็นเซียนหมากรุกมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่กลับไม่เคยคิดเกมด้วยตัวเองเลย การเล่นห้าแถวของท่านดูเหมือนเรียบง่าย แต่กลับมีความซับซ้อนมากมายอยู่เบื้องหลัง มันทำให้ข้าชื่นชมจริง ๆ”
ซูอันพูดด้วยความลำบากใจ “ข้าไม่สมควรได้รับคำชมเช่นนี้” อะไรกัน?… เป็นเพราะข้าเล่นหมากล้อมไม่เป็น ข้าเลยเรียนรู้วิธีการเล่นแบบห้าแถว ข้าจะกล้าโอ้อวดต่อหน้าปรมาจารย์หมากล้อมตัวจริงได้อย่างไร?
เฮยไป๋จื่อคว้ามือของเขาและลากเข้าไปข้างใน “มา มาเล่นกันเถอะ เซี่ยซิวเจ้าขยะ รีบไปให้พ้นอย่ามาขวางทาง ตั้งใจดูให้ดีว่าปรมาจารย์ที่แท้จริงเขาเล่นกันยังไง”
ซูอันตื่นตระหนก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ระวังตัว แต่อีกฝ่ายก็สามารถคว้ามือของเขาได้ทันที หมายความว่าการจับจังหวะและความแข็งแกร่งของเฮยไป๋จื่อนั้นยอดเยี่ยมทั้งสองอย่าง การบ่มเพาะของบุคคลนี้ไม่มีอะไรให้เย้ยหยัน
เซี่ยซิวไม่ได้รู้สึกแย่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขารีบลุกออกจากที่นั่ง “อาซู รีบมานั่งเร็ว!”
ในที่สุดก็มีคนพาเขาออกจากความทุกข์นี้ได้ แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะไม่เก่ง แต่เพื่อเกี้ยวสาว ๆ เขาจึงฝึกฝนศิลปะทั้งสี่อย่าง พิณ หมากล้อม คัดลายมือ และวาดภาพ เขาไม่กล้าอ้างว่าเป็นอันดับหนึ่งของหมากล้อมในเมืองจันทร์กระจ่าง แต่แน่นอนว่าชื่อเซี่ยซิวย่อมเป็นหนึ่งในห้าอันดับแรกหรืออาจจะเป็นสามอันดับแรกด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่เขาถูกเฮยไป๋จื่อลากมาเล่นหมากล้อมที่นี่ทุกวัน ในตอนแรกเขาค่อนข้างมีความสุข รู้สึกว่าในที่สุดก็สามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้บ้าง แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าแม้อาจารย์คนนี้จะมอบแต้มต่อให้ แต่เขากลับถูกบดขยี้บนกระดานอยู่ทุกวัน?
การแพ้ให้กับเซียนหมากล้อมที่มีชื่อเสียงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่แล้ว แต่เขาถูกลากมาวันแล้ววันเล่า ถูกทารุณกรรมทุกรูปแบบในแต่ละครั้ง จนถึงจุดที่เขาเริ่มตั้งคำถามกับชีวิต เขาเริ่มจะกลายเป็นโรค PTSD*[1] จากเกมกระดานงี่เง่านี้ ในที่สุดก็มีคนมาช่วยเขาให้พ้นจากความทุกข์ทรมาน แล้วเขาจะไม่มีความสุขได้อย่างไร?
เฮยไป๋จื่อมองเขา “เจ้าเด็กหน้าด้าน แม้แต่อาจารย์ของเจ้าก็ยังยกย่องเขาให้อยู่ในระดับเดียวกัน รุ่นเยาว์อย่างเจ้ารีบเรียกเขาว่าท่านอาเดี๋ยวนี้!”
เซี่ยซิวพูดไม่ออก
*[1] โรคจิตเภทชนิดหนึ่งที่เกิดจากการกระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง เช่น ทหารผ่านศึก
……….