เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1139 ความโกรธของหญิงสาว
……….
บทที่ 1139 ความโกรธของหญิงสาว
องค์หญิงรัชทายาทเลือกที่จะไม่ถามต่อไปเมื่อเห็นว่าเฉินซือไม่ประสงค์จะอธิบาย นางกลับไปที่หัวข้อก่อนหน้า “ผู้เบิกเท็จมีคำแนะนำใด ๆ ให้เราเกี่ยวกับการทดสอบครั้งใหญ่ของรัชทายาทในครั้งนี้หรือไม่?”
ผู้เบิกเท็จกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “องค์หญิงรัชทายาทควรทราบว่าผู้เฒ่าผู้นี้ไม่เคยมีส่วนร่วมในการเมืองของราชสำนัก”
ปี่หลิงหลงตกใจ “องค์รัชทายาทถูกคนร้ายลอบทำร้ายเมื่อทรงพระเยาว์ทำให้พระสติปัญญาเสื่อม การทดสอบที่เข้มงวดแบบนี้ไม่ยุติธรรมต่อพระองค์ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าตัดสินใจมาขอคำแนะนำจากผู้เบิกเท็จ”
“ถูกคนทำร้าย…” ผู้เบิกเท็จยิ้มและพูดว่า “องค์หญิงรัชทายาทไม่ต้องเป็นกังวล แม้ว่าองค์รัชทายาทจะดูเฉื่อยชาไปบ้าง แต่พระองค์ก็ได้รับพรจากสวรรค์อย่างล้นเหลือ สามารถเปลี่ยนโชคร้ายให้เป็นโชคดีได้”
องค์หญิงรัชทายาทไม่พอใจกับคำพูดกำกวมของเฉินซือ นางเบื่อที่จะได้ยินเรื่องนี้ที่ได้ฟังทุกวันที่พระราชวังตะวันออก
น่าเสียดาย ไม่ว่านางจะถามอย่างไรผู้เบิกเท็จก็ได้แต่ยิ้ม แต่ไม่ยอมพูดอะไร นางถอนหายใจ รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับราชันลมปราณ ปี่หลิงหลงทำได้เพียงขยับตัวอย่างอึดอัด
…
ในอีกด้านหนึ่ง เจียงลั่วฝูอดไม่ได้ที่จะเผยความประหลาดใจเมื่อได้ยินซูอันท่องบทกวีเหล่านั้น “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมด้วย หากศิษย์พี่สามพบเจ้า เขาจะรู้สึกสนิทสนมกับเจ้าอย่างแน่นอน”
“ผู้อาวุโสสาม เซียนกระบี่เมามายไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงจะสนิทกับข้าล่ะ?” ซูอันอยากรู้อยากเห็น แม้ว่าเขาจะดื่มได้ แต่มันไม่ใช่งานอดิเรกจริง ๆ สำหรับเรื่องกระบี่นั้น เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย ชายคนนี้ถูกเรียกว่าเซียนกระบี่เมามาย ดังนั้นซูอันจึงไม่คิดว่าทักษะกระบี่ของเขามีค่าควรแก่การกล่าวถึง แต่แน่นอนว่าถ้าเราพูดถึงความไร้ยางอาย เขาก็ไม่เชื่อว่าตัวเองด้อยกว่าใคร
เจียงลั่วฝูอธิบายว่า “ศิษย์พี่สามเป็นคนแปลกประหลาดมาโดยตลอด เขาอ้างว่าตัวเองเก่งกาจในบทกวี สุรา และกระบี่ โดยกวีนิพนธ์ต้องมาก่อน สุราเป็นอันดับสอง และทักษะกระบี่เป็นอันดับสาม แต่เราทุกคนรู้ว่าบทกวีของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่ากลอุบายราคาถูก แต่เขาก็ยังภูมิใจในตัวเองมาก ในความเห็นของเรา ความรู้ของเขาลึกซึ้งที่สุดในทักษะการใช้กระบี่ ตามด้วยสุรา และบทกวีของเขา… เป็นขยะ แต่เขารักบทกวีมากที่สุด นั่นเป็นเหตุผลว่า ถ้าเจ้าพบเขา แค่บทกวีเพียงไม่กี่คำนี้ก็ทำให้เขาคิดว่าเจ้าเป็นผู้รู้ใจ”
“ศิษย์พี่สามของท่านคนนี้ฟังดูน่าสนใจทีเดียว” ซูอันครุ่นคิด ศิษย์สายตรงของผู้เบิกเท็จทุกคนดูเหมือนเด็กมีปัญหา! จิ๊ ข้าสงสัยว่าเขาสอนคนพวกนี้ได้อย่างไร?
“ไปหาอาจารย์กันเถอะ” เจียงลั่วฝูพยักหน้าให้เขา จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในป่าสนอันเงียบสงบ
ซูอันอดไม่ได้ที่จะถามระหว่างทาง “อากาศบนนี้ค่อนข้างเย็น มันไม่เหมาะที่จะปลูกดอกบัวเลยใช่ไหม?”
เจียงลั่วฝูพยักหน้า “อาจารย์เปลี่ยนสภาพอากาศในสระน้ำ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมดอกบัวที่สวยงามถึงสามารถเติบโตได้” ขณะที่อธิบายสถานการณ์ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความชื่นชม เห็นได้ชัดว่านางคิดว่าการกระทำนี้เป็นงานศิลปะที่เหนือธรรมชาติ
ซูอันถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วทำไมเขาถึงดันทุรังจะเลี้ยงดอกบัวที่ไม่เหมาะกับสภาพอากาศ? อย่าบอกนะว่าเป็นเพียงการอวดว่าตัวเองมีความสามารถ?”
“ย่อมไม่ใช่” เจียงลั่วฝูขมวดคิ้ว “อาจารย์จะเป็นคนประเภทสนใจเพียงชื่อเสียงแต่หน้าซื่อใจคดได้ยังไง? ในสถานะปัจจุบันเขาต้องอวดตัวเองด้วยเหรอ? ตอนนี้เราใกล้จะถึงบ้านพักอาจารย์แล้ว ดังนั้นเจ้าควรระวังคำพูด อย่าทำให้ท่านอาจารย์ขุ่นเคืองใจ”
ซูอันมองเห็นลานภายในหมู่ต้นสนได้อย่างคลุมเครือ เขาถามด้วยรอยยิ้ม “ผู้เบิกเท็จเป็นคนแบบไหน? เขาจะไม่ทะเลาะกับรุ่นเยาว์อย่างข้าในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอก ท่านบอกว่าผู้เบิกเท็จไม่ใช่คนประเภทที่ชอบโอ้อวด ข้าจึงคิดว่าเขาคงทำทั้งหมดนี้เพื่อระลึกถึงสหายเก่า”
องค์หญิงรัชทายาทเห็นว่าผู้เบิกเท็จได้หลับตาพักผ่อนแล้ว นางถอนหายใจเบา ๆ แล้วโค้งคำนับด้วยความเคารพ “หลิงหลงจะไม่รบกวนผู้เบิกเท็จอีกต่อไป ขอลาแล้ว”
“โปรดดูแลพระวรกายด้วย” ผู้เบิกเท็จพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตา
ปี่หลิงหลงเต็มไปด้วยความกระวนกระวายและวิตกกังวล ไม่รู้ว่ารัชทายาทจะผ่านการทดสอบได้อย่างไร แต่ในขณะที่กำลังจะจากไป นางเห็นร่างกายของผู้เบิกเท็จสั่นสะท้าน แล้วทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น นางดีใจมาก คิดว่าผู้เบิกเท็จเปลี่ยนใจแล้วและมีเรื่องจะบอกนาง
อย่างไรก็ตาม ผู้เบิกเท็จไม่ได้ตั้งใจจะพูดใด ๆ ในทางกลับกัน เขาไม่มีความเฉยเมยตามปกติที่ดูเหมือนจะมองข้ามโลกทั้งใบอีกต่อไป แต่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกอย่างอื่นแทน เขาค่อย ๆ ยืนขึ้น จากนั้นเดินไปที่ภาพวาดบนฝาผนังด้วยความงุนงง
ปี่หลิงหลงตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับผู้เบิกเท็จ? นางรีบมองว่ามีอะไรอยู่บนภาพวาดนั้น น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็มองเห็นเพียงหมอกรอบ ๆ ภาพวาดเท่านั้น นางมองไม่เห็นสิ่งที่วาดบนนั้นเลย
ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็แว่วเข้ามา นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองนอกหน้าต่างด้วยความประหลาดใจ “ซูอัน?”
นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบเขาที่นี่ นางไม่ได้บอกให้ชายคนนั้นพักผ่อนที่บ้านเหรอ? เขากำลังพยายามทำอะไรในขณะที่ตัวเองยังบาดเจ็บอยู่? แล้วผู้หญิงข้าง ๆ เขาคือใคร? คิ้วที่สวยงามของนางขมวดมุ่นเมื่อเห็นชุดของเจียงลั่วฝู ทำไมผู้หญิงคนนี้แต่งตัวไม่สำรวมขนาดนี้? นางเชี่ยวชาญในการยั่วยวนผู้ชายเหรอ?
ทว่าความคิดหนึ่งผ่านเข้ามาในหัว นางจำได้ว่ามีใครบางคนที่แต่งตัวค่อนข้างแปลก นี่อาจเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจียงใช่หรือไม่? นางเคยได้ยินว่าในตอนนั้น แม่นางเจียงเป็นตัวเลือกแรกที่จะได้เป็นองค์หญิงรัชทายาท แต่จู่ ๆ แม่นางเจียงก็หายตัวไปเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงาน จึงเป็นสาเหตุที่ราชวงศ์เลือกนางแทน
เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ปรารถนาที่จะเป็นองค์หญิงรัชทายาท ดังนั้นนางกลับมาทำอะไรที่เมืองหลวง นับประสาอะไรกับการแต่งตัวที่ยั่วยวนซูอันเช่นนี้ เขามีคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่อยู่แล้ว แต่กลับงับเหยื่อของนางทันที
—
ท่านยั่วยุปี่หลิงหลงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +233 +233 +233…
—
ซูอันสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อเห็นแถบคะแนนความโกรธแค้น เขาทำอะไรให้องค์หญิงรัชทายาทไม่พอใจอีกงั้นเหรอ? นางโกรธข้าอยู่ที่วังตะวันออก? มีคนพูดถึงข้าลับหลังหรือเปล่า?
ข้าจะต้องถามเผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภายหลัง ข้าไม่อยากถูกแทงข้างหลังโดยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
ไม่มีทางที่เขาจะรู้ได้เลยว่าองค์หญิงรัชทายาทก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากข้างหน้า และมีเสียงหนึ่งพูดขึ้น “ข้าเป็นคนสร้างถนนสายนี้ ข้าเป็นคนปลูกต้นไม้เหล่านี้ หากเจ้าต้องการเดินทางบนถนนสายนี้ก็ทิ้งค่าผ่านทางไว้”