เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1143 ข้ายุ่งเกินไป
บทที่ 1143 ข้ายุ่งเกินไป
……….
บทที่ 1143 ข้ายุ่งเกินไป
ในขณะที่องค์หญิงรัชทายาทกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด ฉีเหยากวงถามซูอันด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างมากว่า “แม้ว่าเฮยไป๋จื่อจะไม่สามารถเอาชนะข้าได้ แต่ทักษะของเขาก็ยังถือว่าสูงส่ง เจ้าชนะเขาจริงเหรอ? มาเล่นกันสักเกมเถอะ!”
สีหน้าของเฮยไป๋จื่อมืดครึ้มทันที เขาเป็นเซียนหมากล้อมที่เลื่องชื่อ แต่ผู้หญิงโง่ ๆ คนนี้มักจะมอบความพ่ายแพ้ที่อยุติธรรมมาให้เสมอ ที่เลวร้ายที่สุดคือ ไม่ใช่ทักษะของเขาที่แย่กว่านาง! นางใช้วิธีสกปรก! เฮยไป๋จื่อคิดอย่างคับแค้นใจ
ซูอันพูดด้วยรอยยิ้มเขินอาย “ไว้วันหลังแล้วกัน”
ฉีเหยากวงยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ เราจะเล่นกันวันหลัง!”
ในที่สุด หวางซู่หยางก็ไม่สามารถรั้งตัวเองไว้ได้อีกต่อไป เขาผลักเฮยไป๋จื่อและฉีเหยากวงไปด้านข้าง “พวกเจ้าเอาแต่พูดเรื่องขี้ปะติ๋วที่ไร้ประโยชน์ต่อหมู่มนุษย์! อย่ามาเกะกะเรื่องสำคัญของข้า”
เฮยไป๋จื่อโวยวาย “ใครบอกว่าเราพูดเรื่องไม่สำคัญกัน” แม้ว่าเขาจะอารมณ์เสียอยู่บ้าง แต่เขารู้ว่าหวางซู่หยางมักจะห่วงใยส่วนรวม นั่นเป็นสาเหตุที่เสียงของเขาเงียบลงไม่สามารถโต้เถียงกับหวางซู่หยางได้
หวางซู่หยางดึงแขนซูอันและพูดว่า “ท่านซู ข้าคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการทำเกษตรแบบผสมผสานที่แนะนำให้ข้าก่อนหน้านี้ ข้ารู้ว่ามีปัญหาใหญ่อย่างหนึ่ง! ท้ายที่สุดแล้วเกสรของช่อดอกล้วนผสมกันเอง ถ้าเราต้องการผสมข้ามสายพันธุ์ เราจะต้องตัดเกสรตัวผู้ออก อย่างไรก็ตาม ขนาดของมันกลับเล็กมาก จนแทบเป็นไปไม่ได้!”
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอบคุณสวรรค์ที่เขารู้คำตอบสำหรับคำถามนี้ ในอดีตมีการโต้เถียงกันในหัวข้อนี้ ในฐานะนักเลงคีย์บอร์ด เขาได้มีส่วนร่วมในการโต้เถียงเหล่านี้ และได้รับข้อมูลความรู้มาเป็นผลตอบแทน
“นั่นไม่ใช่เรื่องยากเกินไป มองหาดอกตัวผู้ที่ขึ้นตามธรรมชาติในป่า เกสรตัวผู้มีปัญหา แต่เกสรตัวเมียยังปกติดี แล้วท่านจะผสมข้ามสายพันธุ์ได้” ซูอันตอบกลับ
ดวงตาของหวางซู่หยางสว่างขึ้น เขาไม่สามารถระงับความชื่นชมได้ “วิเศษ! ประโยคเดียวจากท่านซูเทียบเท่ากับการอ่านหนึ่งทศวรรษ! ท่านซูโปรดรับการคำนับจากข้าด้วย” จากนั้นเขาก็คำนับซูอันด้วยความเคารพ
ศิษย์สายตรงคนอื่นตกใจ แม้ว่าจะไม่เข้าใจการทำเกษตร แต่พวกเขาก็รู้ว่าหากเรื่องนี้ได้ผลจริง มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อปากท้องของคนทั้งโลก
ประเด็นสำคัญคือ ซูอันไม่ได้ปิดบังความรู้ที่มีค่าขนาดนี้ของตัวเองเลย หากเป็นคนอื่น คงพยายามหาประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน ทุกคนโค้งคำนับให้ซูอันเมื่อพวกเขานึกถึงสิ่งนั้น เจียงลั่วฝูเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
“พวกท่านทำอะไรกัน? อย่าทำแบบนี้ ลุกขึ้นเถอะ” ซูอันรู้สึกปวดหัว ดูเหมือนว่าเขาจะเปิดเผยวิทยาการในโลกก่อนหน้านี้มากเกินไป
…
ปี่หลิงหลงมองเหตุการณ์ด้วยความตกตะลึง จากนั้นนางหันไปมองผู้เบิกเท็จที่ด้านข้าง เอ่ยปากหยั่งความรู้สึกของอีกฝ่าย “ท่านผู้เบิกเท็จ ท่านไม่โกรธเหรอที่ศิษย์ของท่านคำนับผู้อื่น”
ผู้เบิกเท็จกล่าวอย่างสงบว่า “มีบางอย่างที่ข้าสอนพวกเขาเสมอมา ในกลุ่มหนึ่งทุก ๆ สามคน จะมีคนหนึ่งที่สามารถเป็นอาจารย์ของคนอื่นได้เสมอ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ลืมคำสั่งสอน ข้ามีความสุขมากที่ได้เห็นฉากนี้ แล้วจะอารมณ์เสียทำไม?”
องค์หญิงรัชทายาทหัวเราะในใจ แล้วเมื่อครู่ทำไมท่านถึงเตะอินซือลงจากภูเขา?
…
หวางซู่หยางใช้โอกาสนี้ถาม “ว่าแต่ ท่านซู ข้ามีคำถามอื่น…”
ซูอันเริ่มปวดหัวอีกครั้ง เขารู้เพียงบางเรื่องเท่านั้น เขาจะรู้เกี่ยวกับรายละเอียดได้อย่างไร? ปากขยับพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้าอยากให้ท่านค่อย ๆ ทดลองศึกษาด้วยตัวเอง มีเหตุผลว่าทำไมทุกคนมีกรรมและชะตากรรมของตัวเอง โลกนี้ก็มีกฎแห่งกรรมเช่นกัน ถ้าผลีผลามพยายามเปลี่ยนกฎเร็วเกินไป เราอาจทำให้กฎของโลกพลิกกลับ และนั่นอาจกลายเป็นผลเสียแทน”
…
“โอ้?” ผู้เบิกเท็จเปล่งเสียงประหลาดใจจากภายในกระท่อมไม้ ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความสดใส ขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ
ปี่หลิงหลงรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ลึกซึ้งเช่นกัน แต่นางไม่คิดว่า แม้แต่ผู้เบิกเท็จจะสะเทือนใจไปด้วย แสดงว่าคำพูดเมื่อครู่เกินระดับที่นางจะเข้าใจ
ระดับของซูอันนั้นสูงอย่างยิ่ง! ดูเหมือนว่านางยังประเมินเขาต่ำไป ต่อไปข้าไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว
คนที่อยู่ข้างนอกก็ดูตกใจเหมือนกัน ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์สายตรงของผู้เบิกเท็จ ดังนั้นทุกคนจึงเป็นปัญญาชนระดับสูง พวกเขาทั้งหมดได้รับความรู้แจ้งเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของซูอัน
ซูอันคิดกับตัวเอง ไม่มีทางใช่ไหม? ข้าแค่พูดประโยคที่อ่านมาจากนิยายบนเว็บออกไปมั่ว ๆ แล้วพวกเจ้าก็เชื่ออย่างนี้จริง ๆ เหรอ?
เจียงลั่วฝูเห็นฉีเหยากวงพยักหน้าซ้ำ ๆ นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มและถามว่า “น้องสาว เจ้าเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะพูดไหม?”
ฉีเหยากวงตอบเสียงเบา “ไม่”
“ถ้าไม่เข้าใจแล้วพยักหน้าทำไม?” เจียงลั่วฝูถามด้วยความสับสน
ฉีเหยากวงตอบว่า “พวกเขาทั้งหมดพยักหน้า ดังนั้นหากข้าไม่พยักหน้า ข้าจะดูโง่หรือเปล่า? มันน่าอายออก”
เจียงลั่วฝูตกตะลึง สาวน้อย เจ้าพูดจามีเหตุผลอยู่นะ นางกระแอมเบา ๆ และพูดว่า “ศิษย์พี่ศิษย์น้อง อย่ารบกวนอาซูเลย ข้าอยากจะรับเขาเป็นอาจารย์ของสถาบันหลวง แต่อาจารย์บอกว่าเราต้องได้คะแนนเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งจากศิษย์สายตรงที่เหลือ ข้าต้องไปเยี่ยมศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่สี่ก่อน”
คนอื่น ๆ ร้องออกมาทันที “เจ้าไปเยี่ยมพวกเขาเพื่ออะไร!? ตอนนี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ หากเราทุกคนเห็นด้วย?”
“นี่มันเรื่องตลกอะไรกันเนี่ย? หากผู้มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเช่นท่านซูเต็มใจที่จะสอนที่นี่ มันจะเป็นเกียรติยศของสถาบันหลวงของเรา!”
“ลืมเรื่องสอนนักศึกษาไปเถอะ เขาเก่งพอที่จะเป็นอาจารย์ของเราได้ด้วยซ้ำ!”
…
ภายในบ้านไม้ องค์หญิงรัชทายาทมึนงง เมื่อเห็นบางสิ่งที่แต่เดิมดูสิ้นหวังกลับกลายเป็นพลิกผันกลับมายืนอย่างสง่างามง่าย ๆ นางพยักหน้าราวกับว่าเป็นสิ่งที่คาดหวังไว้ สายตามองไปที่ชายด้านนอกด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน นี่เป็นซูอันคนเดียวกับที่นางรู้จักหรือเปล่า?
ซูอันพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ “แต่ปกติข้าค่อนข้างยุ่ง อาจไม่มีเวลาสอนชั้นเรียนใด ๆ เลย”
เมื่อครั้งที่เคยเป็นอาจารย์สอนคณิตศาสตร์ที่สถาบันจันทร์กระจ่าง มีหลายครั้งที่เขาไม่สามารถสอนในชั้นเรียนได้ ซูอันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดกับเรื่องนั้น ตอนนี้เขายังคงมีหน้าที่ในวังตะวันออก ทั้งยังเป็นทูตยุทธ์เสื้อแพร เขาวิ่งพล่านไปทั่วจากงานที่ทำอยู่แล้ว จะรับงานอื่นเพิ่มได้อย่างไร?
องค์หญิงรัชทายาทกังวลเมื่อได้ยินคำตอบของซูอัน ผู้ชายคนนี้ปกติค่อนข้างหัวไว แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงกลายเป็นคนโง่ได้ขนาดนี้? ไม่รู้หรอกหรือว่าการเป็นอาจารย์ในสถาบันหลวงมีประโยชน์มากมายเพียงใด การจะเป็นเข้าร่วมนั้นยากเพียงใด? พวกเขากำลังสร้างข้อยกเว้นให้เจ้า แต่เจ้ากลับพยายามหาเหตุผลปฏิเสธ นี่เจ้ายุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?
……….