เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1150 เก้ากระถางมังกร
………………..
บทที่ 1150 เก้ากระถางมังกร
เมื่อสัมผัสได้ถึงความลังเลใจของเสิ่นซวีจื่อ เจียงลั่วฝูจึงถามด้วยรอยยิ้ม “เกิดอะไรขึ้น? ศิษย์พี่สี่ลังเลที่จะมอบให้เขางั้นเหรอ?” นางกลัวว่าเขาจะออกปากปฏิเสธ นางจึงจงใจกดดันเขา
เสิ่นซวีจื่อขมวดคิ้ว “ไร้สาระ ข้าเสิ่นซวีจื่อเป็นคนรักษาคำพูดมาตลอด ช่างมันเถอะ เนื่องจากข้าไม่สามารถคิดอะไรเกี่ยวกับมันได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หมายความว่ามันไม่มีกรรมร่วมกับข้า ข้ามอบให้ท่านซูแล้วกัน”
ซูอันรับเตาหลอมสีเขียวขนาดเล็กมา เขารู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของหมี่ลี่ “ขอบคุณ ผู้อาวุโสสี่”
เสิ่นซวีจื่อเป็นคนใจกว้างอย่างน่าประหลาดใจ เขาไม่กังวลเกี่ยวกับมันอีกต่อไปหลังจากมอบให้แล้ว และดึงซูอันเข้าไปข้างในแทน “มา มา เล่าเรื่องเครื่องจักรไอน้ำที่ท่านพูดถึงก่อนหน้านี้…”
ทั้งสองคุยกันอยู่นาน ซูอันเพิ่งได้รับเตาหลอมยาจากผู้ชายคนนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกละอายอยู่บ้างและตอบคำถามทั้งหมดของอีกฝ่าย
ในที่สุด เสิ่นซวีจื่อก็พึงพอใจอย่างมาก เขามองไปที่เจียงลั่วฝูเป็นครั้งคราวและพูดว่า “ศิษย์น้องแปด ครั้งนี้เจ้าเจอผู้ชายที่ดีเข้าแล้ว”
คิ้วของเจียงลั่วฝูเลิกขึ้น “ข้าบอกแล้วไงว่าเขาเป็นเหมือนน้องชายของข้า”
“ได้ ๆ ตามเจ้าว่าแล้วกัน” เสิ่นซวีจื่อหัวเราะเบา ๆ และไม่เถียงต่อไป
เมื่อเจียงลั่วฝูและซูอันจากไปเสิ่นซวีจื่อยังคงโบกมือลา เจียงลั่วฝูอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “อาซู เจ้าไม่ควรใส่ใจกับคำพูดของศิษย์พี่สี่ นอกเหนือจากการเล่นแร่แปรธาตุแล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ฉลาดนักในเรื่องอื่น”
ซูอันยิ้ม “เขาพูดว่าอะไรนะ? ทำไมข้าจำอะไรไม่ได้เลย?”
เจียงลั่วฝูยิ้ม ชายหนุ่มคนนี้ฉลาดอย่างน่าประหลาดใจ แต่เมื่อนางจำสิ่งที่เสิ่นซวีจื่อเพิ่งพูดได้ นางกังวลว่าการอยู่ใกล้ซูอันมากเกินไปจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ตอนนี้นางได้ช่วยเขาหาเตาหลอมยาแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะร่วมทางกันต่อไปอีก
ขณะที่มองดูขาเรียวสวยของเจียงลั่วฝูที่กำลังห่างออกไป เสียงของหมี่ลี่ก็พูดอยู่ข้างหูของเขาว่า “ขาคู่นั้นช่างน่าทึ่งจริง ๆ”
ซูอันตกตะลึง “ ท่านกลายเป็นคนลามกตั้งแต่เมื่อไร? ว่าแต่บอกข้าได้ไหมว่ามันทำอะไรได้” เขาหยิบเตาหลอมออกมา สีเขียวของมันเป็นเงาวาววับอย่างยิ่ง
“เจ้าเคยได้ยินตำนานเก้ากระถางมังกรหรือไม่?” หมี่ลี่ถามด้วยน้ำเสียงที่เชื่องช้าและลึกซึ้ง
“เก้ากระถางมังกร?” ซูอันตกตะลึง “ท่านหมายถึงตอนที่เก้าเมืองถวายทองสัมฤทธิ์แด่พระเจ้าอวี่ให้สร้างกระถางเก้าใบเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ตัวแทนเมืองทั้งเก้าเหรอ?”
“ถูกต้อง” หมี่ลี่ปรากฏตัวขึ้นในชุดสีแดง นางจ้องมองเตาหลอมสีเขียวในมือของเขาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
ซูอันคิดกับตัวเองว่า ไม่แปลกใจเลยที่นางยืนกรานให้ข้าซื้อชุดให้นางอีกสองสามชุด ดูเหมาะกับนางมาก ฮะ? ถ้านางสามารถใส่ชุดเหล่านี้ได้ นั่นก็หมายความว่านางเป็นคนที่จับเนื้อต้องตัวได้ในระดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ? แล้วข้าสงสัยว่านางจะรู้สึกอะไรไหมถ้า…
แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็กำจัดความคิดรนหาที่ตายนั้นทิ้งไป “เตาใบนี้เป็นหนึ่งในกระถางทั้งเก้าที่เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของจักรพรรดิ? ท่านล้อเล่นใช่ไหม?”
กระถางทั้งเก้าใบมีความสำคัญตามตำนานพงศาวดารจีน ในฐานะสมบัติของชาติที่ทุกคนยอมรับ หนึ่งในนั้นจะเป็นเตาหลอมสีเขียวขนาดเล็กนี้ได้อย่างไร?
หมี่ลี่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยดวงตาที่สวยงาม ดูเหมือนนางจะหวนนึกถึงอดีต “หลังจากพระเจ้าอวี่แห่งราชวงศ์เซี่ยสร้างกระถางมังกรทั้งเก้าในอดีต ราชวงศ์ซางได้ทำลายอาณาจักรเซี่ยและวางกระถางทั้งเก้าใบไว้ในเมืองหลวง เมื่อโจวตะวันตกทำลายราชวงศ์ซาง มีข่าวลือว่ากระถางเก้าใบหายไปในซีสุ่ย อิ่งเจิ้งค้นหาทั่วซีสุ่ยในอดีตและแม้แต่ส่งคนลงไปในน้ำเพื่อค้นหาพวกมัน แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไรเลย ใครจะคิดว่าหนึ่งในกระถางมังกรทั้งเก้านั้นจะมาปรากฏขึ้นที่นี่”
ซูอันรู้สึกสับสน “มีเก้ากระถางไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้ แต่ละอันยังหนักมากอีกด้วย ย้อนกลับไปในตอนนั้น อ๋องแห่งฉินโหยหากระถางของอ๋องโจว แต่สุดท้ายเขาก็ถูกมันบดขยี้จนตาย มันจะเล็กขนาดนี้ได้ยังไง?”
หมี่ลี่ส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ เหตุผลที่ข้ารู้สึกว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับเก้ากระถางมังกรก็เพราะในอดีตข้าเคยเข้าไปที่ห้องลับซึ่งมีกระถางทั้งเก้าใบถูกเก็บไว้ในพระราชวัง แม้ว่ากระถางทั้งหมดจะหายไปแล้ว แต่กลิ่นอายของพวกมันยังคงอยู่ ความรู้สึกนั้นไม่เหมือนสิ่งใดทั้งสิ้น และข้าก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายกันจากเตาหลอมใบเล็กนี้” นางยื่นมือออกไปลูบไล้เตาหลอมสีเขียวด้วยท่าทางสับสน
“แล้วข้าจะใช้งานมันได้ยังไง? แม้แต่นักเล่นแร่แปรธาตุอย่างเสิ่นซวีจื่อคนนั้นยังไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย” ซูอันขมวดคิ้ว สิ่งที่เขาขาดตอนนี้คือเตาหลอมยา ถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ เขาคงเลือกเตาใบอื่นแล้ว
หมี่ลี่ไม่พอใจ “สายตาเจ้าแย่แล้ว! กระถางมังกรทั้งเก้าเป็นสมบัติของจักรพรรดิในโลกของข้า! เป็นเรื่องธรรมดาที่เสิ่นซวีจื่อจะไม่รู้จักมัน แต่เจ้าแตกต่างออกไป เจ้าร่วมชะตากรรมกับกระถางมังกรนี้ ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่มีปัญหาในการทำความเข้าใจกับมัน”
หมี่ลี่ดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว นางพูดด้วยความประหลาดใจว่า “การทำนายของฉีเหยากวงนั้นไม่ผิดเลย ชะตาของเจ้าเต็มไปด้วยดอกท้อจริง ๆ” หลังจากนั้นนางก็กลับเข้าไปในกระบี่ไท่เอ๋อร์
ซูอันตกตะลึงและเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ตัว เขาเห็นร่างที่สวยงามยืนอยู่ใต้ต้นดอกท้อ ชุดยาวของนางพลิ้วไปตามแรงลม เชือกผูกรอบเอวทำให้รูปร่างของนางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ภายใต้ความขัดแย้งกับดอกท้อ ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางดูอ่อนโยนและสวยงาม จะเป็นใครได้อีกนอกจากปี่หลิงหลง องค์หญิงรัชทายาท?
ซูอันรู้สึกประหลาดใจมาก เขาเดินเข้าไปถามว่า “ทำไมองค์หญิงรัชทายาทถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ปี่หลิงหลงหันกลับมา สีหน้าประหลาดใจที่สมบูรณ์แบบปรากฏขึ้นบนใบหน้าขณะที่นางถามว่า “หืม? บังเอิญจริง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ซูอันมีความสุขที่ได้พบคนที่เขารู้จักและยังเป็นผู้หญิงที่น่ารักเช่นนาง เขาตอบว่า “ข้ากำลังจะไปเยี่ยมผู้เบิกเท็จ แต่ไม่สามารถเข้าพบเขาได้ เหตุใดองค์หญิงรัชทายาทจึงมาที่นี่?”
“ข้ามาพบสหายเก่า จากนั้นเมื่อข้าเห็นว่าดอกท้อเหล่านี้สวยงามเพียงใด ข้าอดไม่ได้ที่จะชื่นชมพวกมัน ไม่คิดว่าจะเจอเจ้าที่นี่” ปี่หลิงหลงพูดอย่างใจเย็นราวกับไม่รู้จริง ๆ ว่าซูอันมาทำอะไรที่นี่
“งั้นก็บังเอิญจริง ๆ” จู่ ๆ ซูอันก็อยากรู้ ฉีเหยากวงอ่านโชคชะตาของเขาและเห็นดอกท้อเต็มไปหมด มันเป็นเพียงเหตุการณ์ในตอนนี้หรือเปล่า?
“จะกลับแล้วเหรอ? ทำไมไม่กลับด้วยกันล่ะ” ปี่หลิงหลงถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ
“แน่นอน” ซูอันกล่าว ก่อนหน้านี้ไม่นาน ซูอันรู้สึกเหงาเมื่อฉู่ชูเหยียนและคนอื่น ๆ จากไป เขามีความสุขมากกว่าที่จะได้อยู่กับเพื่อนสักคนหนึ่ง
………………..