เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1162 เชี่ยวชาญทั้งหมด
บทที่ 1162 เชี่ยวชาญทั้งหมด
………………..
บทที่ 1162 เชี่ยวชาญทั้งหมด
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่รุนแรงของซูอัน หมี่ลี่กล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป ไม่ได้มีบุคคลที่น่าสงสัยอยู่รอบ ๆ เมื่อเจ้าอยู่กับอวิ้นเจียนเยว่และเมื่อเจ้าหลับนอนกับจักรพรรดินี”
ในที่สุด ซูอันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด แม้ว่าเขาจะใช้ตราหยกเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขาด้วย แต่กลุ่มเงาสังหารคือองค์กรนักฆ่าที่ลึกลับที่สุดในโลก มันยากที่จะเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่มีทางอื่นที่จะสอดแนมเขา
แต่ตอนนี้เมื่อหมี่ลี่พูดอย่างนี้ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การบ่มเพาะของหมี่ลี่นั้นลึกซึ้งเกินกว่าคนธรรมดา ไม่ว่าหัวหน้ากลุ่มเงาสังหารจะเก่งกล้าสามารถเพียงใด เขาก็จะไม่มีทางแซงหมี่ลี่ในสภาวะสมบูรณ์ได้
อวิ้นเจียนเยว่ก็เป็นถึงปราชญ์ ในตอนนั้นนางไม่ได้สังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำคงไม่ไปถึงหูของหัวหน้ากลุ่มเงาสังหารได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าที่จะประมาท ในตอนนั้นเขาเป็นเพียงคนไร้ค่า ดังนั้นหัวหน้ากลุ่มเงาสังหารอาจไม่สนใจ แต่หลังจากนั้นเขาได้ดึงดูดความสนใจจากหลายขั้วอำนาจ ดังนั้นกลุ่มเงาสังหารจึงหันมาให้ความสนใจเขาอย่างแน่นอน
จากนั้นซูอันถามเกี่ยวกับทุกอย่างที่นึกขึ้นได้ แต่หม่าอันไม่ได้รู้อะไรมากนัก เขาก็เริ่มสรุปสิ่งต่าง ๆ “มีใครรู้บ้างว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา?” เขาต้องถามให้แน่ใจ ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาจะไม่เปิดเผยเหรอ?
หม่าอันตอบอย่างกระวนกระวายใจว่า “ข้าเป็นคนไม่มีเพื่อนเท่าไรและไม่ไว้ใจใครเลย นอกจากนี้ ข้ามาเพื่อยืนยันข้อสงสัยของตัวเองเท่านั้น จึงไม่ได้บอกใคร แต่ข้าได้ทิ้งข้อความไว้ในสมุดบันทึกว่าข้าจะไปเยี่ยมซูอันในวันนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับข้า ทุกคนในวังจะรู้ว่าคนที่ฆ่าข้าคือซูอัน”
ซูอันพูดไม่ออก ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์มาก! ขอบคุณสวรรค์ที่ข้าถามเรื่องนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นข้าคงเสร็จไปแล้ว! เขารีบถามว่าสมุดบันทึกอยู่ที่ไหนเมื่อหม่าอันให้คำตอบแล้ว แม้ว่าซูอันจะไม่ชอบการฆ่า แต่เขาไม่แสดงความเมตตาใด ๆ ต่อคนที่พยายามเอาชีวิตของตัวเอง
หม่าอันล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ขวดลายครามสองขวด หนึ่งสีดำและหนึ่งสีขาว กลิ้งออกมาจากเสื้อผ้าของเขา ขวดสีดำมีคำว่า ‘วิญญาณแช่แข็ง’ เขียนไว้ ในขณะที่ขวดสีขาวมีคำว่า ‘ยาแก้พิษ’
ซูอันหยิบขวดสีดำขึ้นมา มันเย็นมากยามที่สัมผัส หมี่ลี่ลอยตัวและพูดว่า “นี่อาจเป็นสาเหตุความมั่นใจของหม่าอัน เขาสามารถวางยาพิษผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ได้ นับประสาอะไรกับเจ้า เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเจ้าเพิ่งสำเร็จขั้นที่สามของวิชาปฐมบทแรกเริ่ม เจ้าจึงมีภูมิต้านทานต่อพิษส่วนใหญ่อยู่แล้ว”
หลังจากอยู่ใกล้นางเป็นเวลานาน ซูอันรู้ว่าเหตุผลที่หมี่ลี่ต้องนอนมาก ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนางต้องการรักษาพิษของน้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียงในขณะนี้อีกเหตุผลหนึ่งคือ เพราะนางไม่มีร่างกาย หากใช้งานสถานะทางจิตวิญญาณเป็นเวลานานจะค่อนข้างจะเปลืองแรง ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องนอนเพื่อเติมพลัง
ซูอันซื้อเตียงให้นางและวางไว้ในที่เก็บของกระบี่ไท่เอ๋อร์ เขาไม่รู้ว่าร่างวิญญาณของนางสามารถนอนบนเตียงได้หรือไม่
ขณะที่หมี่ลี่กำลังจะจากไป จู่ ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นได้และพูดว่า “ใช่แล้ว จากสิ่งที่ข้าได้เห็นเกี่ยวกับวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ…”
“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” ซูอันรู้สึกสับสน
“ไม่เลย” หมี่ลี่กล่าว นางพูดต่ออย่างสง่างาม “ข้าสงสัยว่าทำไมเจ้าถึงไม่สามารถปลุกธาตุได้แม้การบ่มเพาะจะถึงระดับหก เดิมทีข้าคิดว่าเป็นเพราะวิชาวัฏจักรหงส์อมตะทำให้เจ้าสามารถปลุกได้เมื่อไปถึงระดับที่สูงขึ้น แต่ตอนนี้เจ้ามาถึงระดับเก้าแล้ว แต่ยังคงไม่ได้ปลุกธาตุอีก นอกจากนี้ยังมีนกแปลก ๆ ที่ปรากฏขึ้นทุกครั้งที่เจ้ามีความก้าวหน้าด้านการบ่มเพาะ ในที่สุดข้าก็รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น”
“ทำไม?” ซูอันถามอย่างรวดเร็ว ผู้บ่มเพาะคนอื่นล้วนมีธาตุที่แตกต่างกัน มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่ได้ปลุกธาตุใด ๆ และต้องอาศัยร่างกายของตัวเองเท่านั้น มันค่อนข้างน่าอับอายจริง ๆ
หมี่ลี่ถอนหายใจ “เป็นเพราะเจ้าได้ปลุกพลังธาตุแล้ว แต่ไม่เคยตระหนักถึงมัน ไม่อย่างนั้น เจ้าไม่คิดว่าตัวเองฝึกกระบี่เกล็ดหิมะได้เร็วไปหน่อยเหรอ?”
ซูอันตอบว่า “มันเป็นเรื่องปกติไหมที่อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำอย่างข้าจะเรียนรู้ได้รวดเร็ว?”
หมี่ลี่พูดไม่ออก นางเลือกที่จะไม่สนใจสิ่งที่เขาพูด “กระบี่เกล็ดหิมะเป็นทักษะการต่อสู้ธาตุน้ำแข็ง ตามเหตุผลปกติ เจ้าไม่ควรฝึกฝนมันได้ไม่ว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์ระดับไหนก็ตาม แต่เจ้าก็ยังคงสามารถใช้กระบี่เกล็ดหิมะได้ดี จนสามารถปลดปล่อยพลังน้ำแข็งจากกระบี่ได้”
ซูอันก็เริ่มคิดกับตัวเอง “อาจเป็นเพราะข้าใช้พลังของหงส์หิมะ ใช่ไหม…?”
หมี่ลี่ปฏิเสธ “ไม่ใช่พลังของหงส์หิมะ แต่เป็นคุณลักษณะน้ำแข็งของนกหงส์หิมะที่ให้รากฐานธาตุแก่เจ้าในการใช้ทักษะธาตุน้ำแข็ง ตัวอย่างเช่น เมื่อเจ้าบ่มเพาะดาบอัคคี เจ้าต้องใช้ไฟจิ้งจอกของต๋าจี่ แต่ตอนนี้เจ้ามีหงส์ไฟแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถใช้มันได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความสามารถของต๋าจี่เลย”
ซูอันรู้สึกอยากลองดู เขาใช้ทักษะดาบอัคคี แต่จงใจเลือกที่จะไม่ยืมพลังของต๋าจี่ ดาบอัคคีปรากฏบนฝ่ามือของเขา และมันเป็นสีทองพร่างพรายไม่ต่างไปจากสีของหงส์ไฟ
“ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม?” หมี่ลี่กล่าวต่อว่า “นกทุกตัวมีคุณลักษณะที่แตกต่างกัน จ้าววายุคือลม นกกระจิบร้อยเสียงคือจิตวิญญาณ ทักษะนกเป็ดน้ำสีครามคือน้ำ หงส์หิมะคือน้ำแข็ง หงส์ฟ้าคือไม้ หงส์ทองคือโลหะ หงส์ไฟคือไฟ…”
“นั่นหมายความว่า มันสมเหตุสมผลแล้วที่เจ้าไม่ได้ปลุกธาตุใดธาตุหนึ่ง เพราะเจ้าได้ปลุกธาตุทุกธาตุ เป็นเพียงว่าเจ้าแตกต่างจากคนอื่นในแง่ที่ว่า เจ้าสามารถใช้มันได้ทันทีที่เจ้าปลุกความสามารถนั้น ๆ แต่ยังต้องบ่มเพาะทักษะที่เกี่ยวข้องกับวิธีการต่าง ๆ เพื่อพัฒนามัน”
ซูอันมีความสุขมากทันที “อย่างนี้นี่เอง! ฮ่า ๆ! ข้าเคยพูดว่าอะไรนะ? ถ้าตัวเอกไม่เทพสิแปลก ฮ่า ๆ!”
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?” หมี่ลี่พูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าเขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ข้าแค่ตื่นเต้นนิดหน่อย” ซูอันยิ้มแหย ๆ
หมี่ลี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ “ผู้บ่มเพาะมักจะมีเพียงธาตุเดียวนับตั้งแต่สมัยโบราณ ในบางครั้งหากมีผู้ที่เชี่ยวชาญในสองธาตุก็ถือว่าเหลือเชื่อแล้ว คนอย่างเจ้าที่สามารถใช้ธาตุทั้งหมดได้นั้น ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติมากที่เจ้าจะตื่นเต้น”
“แต่ข้าแนะนำให้เจ้าเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะดึงดูดความอิจฉาริษยาของผู้บ่มเพาะทุกคน อาจจะมีคนจับเจ้าไปทดลองนั่นนี่ พวกที่ชั่วร้ายจะต้องการกำจัดเจ้าโดยเร็วที่สุดก่อนที่เจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น”
ซูอันไม่มีความสุข “แต่ข้าพบเต๋าของตัวเองแล้ว บุรุษที่แท้จริงควรเผชิญหน้ากับทุกสิ่งและกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!”
หมี่ลี่กลอกตา “รอหน่อยไม่ได้หรือไง? มีบุคคลที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนตลอดประวัติศาสตร์ แต่ผู้ที่รู้เพียงวิธีที่จะพุ่งไปข้างหน้าล้วนจบลงด้วยการตายอย่างอนาถ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะตาย แต่อย่าลากข้าตายไปด้วย”