เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1169 เชื่อใจข้าได้
บทที่ 1169 เชื่อใจข้าได้
ซูอันไม่สนใจจะพิสูจน์ความดีความเลวของตัวเอง เขากล่าวว่า “เราทุกคนลงเรือลำเดียวกัน ฐานะที่สูงส่งของเจ้าทำให้ข้าค่อนข้างลำบากใจรวมถึงการโกหกของเจ้าด้วยเช่นกัน”
สนมไป่ตบทารกในอ้อมแขนเบา ๆ และฮัมเพลงกล่อม เสียงที่ปลอบประโลมของนางทำให้ทารกสงบลงอย่างรวดเร็วและหยุดการคร่ำครวญ จากนั้นจึงเริ่มหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
ซูอันจ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของสนมไป่ ขณะนี้นางกำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยอบอุ่นของมารดา สีหน้าของนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ สามารถสงบสติอารมณ์ของผู้พบเห็นได้แม้กระทั่งหัวใจที่กระวนกระวายที่สุด
หลังจากที่สนมไป่ปลอบทารกแล้ว นางก็วางเขาไว้ในเปลแล้วค่อย ๆ แกว่งไกวไปมา นางจึงตอบคำถามก่อนหน้านี้ว่า “ข้าไปโกหกตั้งแต่เมื่อไร? เจ้าไม่เคยถามข้าเรื่องพวกนี้เลย”
ซูอันพูดไม่ออก ไม่อยากเล่นเกมพลิกลิ้นเหล่านี้กับนาง เขาถามต่อไปว่า “จักรพรรดิรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับอวิ้นเจียนเยว่หรือไม่?”
“พระบารมีของฝ่าบาทยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ พระองค์รู้ทุกอย่าง แค่อาจจะไม่บอกเจ้า” สนมไป่พูดอย่างลึกซึ้ง
ซูอันหัวเราะเยาะ ไม่จำเป็นต้องพยายามทำให้ตัวตนของผู้ชายคนนั้นดูลึกลับหรอก อย่างน้อยที่สุดเขาก็ไม่รู้ว่าข้าทำอะไรกับจักรพรรดินี จักรพรรดิอาจจะสามารถสงบสติอารมณ์ได้ แต่ไม่มีทางที่เขาจะหลีกเลี่ยงระบบคะแนนความโกรธแค้นของซูอันได้
“ในเมื่อเขารู้จักตัวตนของเจ้า ทำไมเขาถึงปล่อยให้เจ้าทำตามใจ และยังปฏิบัติต่อเจ้าดีขนาดนี้ด้วย” ซูอันถามด้วยความอยากรู้
สนมไป่มองเด็กในเปล “เจ้าคิดว่าไงล่ะ?”
ซูอันตกใจมาก “เขาไม่ใช่พระนัดดา แต่เป็นองค์ชาย!”
สนมไป่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร นางนั่งยอง ๆ ข้างเปลและค่อย ๆ ลูบเด็กที่อยู่ด้านใน “ข้าแค่ขอให้เขาเติบโตอย่างปลอดภัย ไม่เป็นไรถ้าจักรพรรดิยังคงแข็งแกร่ง และไม่เป็นไรถ้าสำนักมารจะอยู่อีกฝั่ง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า”
ซูอันขมวดคิ้ว มีการปะทะกันของขั้วอำนาจครั้งใหญ่เกิดขึ้นในขณะนี้ มันจะง่ายขนาดนั้นที่จะอยู่รอดด้วยตัวนางเองเพียงลำพังได้อย่างไร?
“เหตุใดฝ่าบาทจึงตั้งให้เจ้าเป็นชายารองของรัชทายาท แล้วให้โอรสของพระองค์เป็นพระนัดดาแทน” ซูอันถาม
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมปี่หลิงหลงถึงดูถูกสนมไป่มาก หลังจากอยู่กับรัชทายาทมานาน นางรู้ชัดว่าเจ้าอ้วนโง่นั่นไม่มีทางให้กำเนิดบุตรได้ นั่นหมายความว่าลูกของสนมไป่จะต้องเป็นลูกของใครก็ไม่รู้
สำหรับสนมไป่ นางคงคิดคล้าย ๆ กัน ไม่น่าแปลกใจที่เรื่องอื้อฉาวครั้งล่าสุดเกือบจะทำลายทั้งชีวิตขององค์หญิงรัชทายาท
สนมไป่ส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าไม่กล้าถามมากเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ตัดสินใจ”
ซูอันเริ่มเงียบ ความเป็นไปได้ทุกอย่างปรากฏขึ้นในหัวของเขา แต่สุดท้ายเขาก็ยังคิดไม่ออก
สนมไป่หยิบถุงผ้าปักออกจากเอวแล้วพูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ ในขณะที่สวมใส่มันจะสามารถปกปิดคลื่นพลังและป้องกันไม่ให้ความผันผวนของพลังชี่ของเจ้าเกินระดับหก”
ซูอันรับมันมา มันเป็นถุงปักที่ประณีตมาก ทำจากวัสดุคล้ายกับผ้าไหม มีดอกไม้เล็ก ๆ ปักอยู่บนพื้นผิวและอักษร ‘ไป่’
“นี่ของเจ้าหรือเปล่า?” ซูอันถามอย่างตกใจ
“พระองค์ได้พระราชทานแก่ข้ามาก่อน มันสามารถปกปิดการบ่มเพาะของข้าได้” สนมไป่ตอบ “เอาไปซะ ข้าต้องให้นมลูก ท่านซูคงไม่คิดจะดูอยู่ที่นี่หรอกกระมัง”
ซูอันมองหน้าอกของนางแล้วหน้าแดง เขาเปลี่ยนทิศทางของสายตาอย่างรวดเร็วและถามว่า “ในพระราชวังไม่มีแม่นมเหรอ? ทำไมเจ้าต้องให้นมเอง?”
“เพราะการที่หน้าอกคัดน้ำนมนั้นไม่สบายตัว” สนมไป่หน้าแดงเล็กน้อย มองเขาด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ “ท่านซูต้องการให้ข้าคุยต่อเรื่องให้นมลูกหรือไม่?”
ในที่สุดซูอันก็ละอายเกินไป เขารีบรับถุงปักและจากไป
สนมไป่อุ้มทารกขึ้น เมื่อเห็นซูอันจากไปด้วยความลนลาน นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็พึมพำว่า “ลูกรักของข้า เติบโตขึ้นแล้วเจ้าต้องระวังผู้หญิงให้ดีนะ ผู้หญิงยิ่งสวย ยิ่งโกหกเก่ง”
…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งวันก่อนการทดสอบ ปี่หลิงหลงพาซูอันเข้าไปในวังตะวันออก จ้องมองเขาอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร
แม้ว่าการได้มองหญิงสาวสวยแบบเห็นหน้ากันเป็นเรื่องสนุก แต่ในที่สุดซูอันก็ระงับความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้และถามว่า “องค์หญิงรัชทายาท เหตุใดจึงมองข้าเช่นนี้”
ปี่หลิงหลงเม้มริมฝีปาก ในที่สุดนางก็ถามเบา ๆ ว่า “ข้าไว้ใจเจ้าได้ไหม?”
ซูอันตกตะลึง “ทำไมจู่ ๆ ถึงถามแบบนี้?”
ปี่หลิงหลงกล่าวว่า “ข้าสามารถส่งคนเพียงคนเดียวที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าขีดจำกัดเล็กน้อย ในตระกูลมีผู้สมัครคนอื่นจริง ๆ และข้าเป็นคนที่ยืนหยัดที่จะเลือกเจ้า อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกกังวลนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจเจ้าดีไหม?” เหตุผลแรกคือ นางไม่แน่ใจว่าเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะผ่านการทดสอบนี้ไปหรือไม่ ประการที่สองคือ นางไม่แน่ใจว่าเขาจะช่วยนางด้วยใจจริงหรือไม่
โดยปกติแล้วปี่หลิงหลงมักจะมีท่าทางที่สง่างาม แต่ตอนนี้นางดูอ่อนแอกว่าที่เคยเป็นมา ซูอันรู้ว่าการทดสอบของรัชทายาทไม่ได้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของนางเองเท่านั้น มันยังเกี่ยวข้องกับความรุ่งโรจน์ของตระกูลปี่ด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในตอนนี้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า “แน่นอนว่าเชื่อใจข้าได้!”
คิ้วที่ขมวดมุ่นของปี่หลิงหลงคลายลงทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของเขา รอยยิ้มของนางงดงามราวกับดอกไม้ “ขอบใจเจ้ามาก”
ซูอันถามว่า “เจ้าตัดสินใจแล้วหรือยังว่าใครบ้างที่จะเข้ามิติลับในวันพรุ่งนี้?”
ปี่หลิงหลงตอบว่า “จากพระราชวังตะวันออก สองคนจะเป็นองครักษ์เปียว องครักษ์เจียวและคนอื่น ๆ นอกจากนั้นจะมีคนจากตระกูลอ๋องเหลียง ตระกูลปี่ ตระกูลหลิว ตระกูลเมิ่ง และตระกูลเพ่ย แต่ละตระกูลล้วนส่งคนที่อยู่ในระดับหกหรือต่ำกว่าเท่านั้น”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เกือบร้อยคนแล้ว ข้ามั่นใจว่าเพียงพอที่จะกำจัดอสรพิษหยกจันทราได้”
ปี่หลิงหลงยิ้มเช่นกัน “รุ่ยจื่อเป็นรัชทายาท ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนเหล่านี้ติดตามไปด้วย ฝ่ายของราชันลมปราณไม่สามารถพูดอะไรมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ถ้าแต่ละตระกูลส่งทายาทรุ่นเยาว์มาเข้าร่วม หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นในมิติลับ หรือหากราชันลมปราณเข้าไปวุ่นวายภายใน ทายาทของแต่ละตระกูลฝั่งองค์รัชทายาทจะไม่แย่ไปหมดเหรอ?”
ปี่หลิงหลงส่ายหัว “คนที่ถูกส่งเข้าไปข้างในจะไม่ใช่ทายาท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นอย่างแน่นอน แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพวกเขาจะอ่อนแอเกินไป เพราะแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ทายาทที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ทุกคนต่างได้รับการคัดเลือกมาอย่างดี อย่างน้อยก็ดีที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์”
ซูอันไม่เห็นด้วย ถ้าไม่ส่งคนที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะโดดเด่นแค่ไหนจะเทียบกับฝ่ายราชันลมปราณได้อย่างไร? เขาถามว่า “ว่าแต่ตระกูลเพ่ยที่เจ้าพูดถึงส่งใครมาเป็นตัวแทน?”
………………..