เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1175 หมากสังเวย
บทที่ 1175 หมากสังเวย
จากนั้นทั้งสองเดินลัดเลี้ยวไปมาและมาถึงลานกว้างที่เงียบสงบอย่างรวดเร็ว เมื่อพิจารณาจากการสลับกระเบื้องขาวดำบนพื้น ซูอันสามารถบอกได้ว่าเขามาถึงสถานที่ของเฮยไป๋จือโดยไม่ต้องถามเลย
ชายรูปงามที่มีรอยคล้ำใต้ตากำลังถือสมุดบันทึกและพยายามท่องจำด้วยความงุนงง เมื่อเห็นทั้งสองก็ร้องแทบทั้งน้ำตาว่า “อาจารย์เจียง น้องซู!”
“ทำไมหน้าถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?” ซูอันสะดุ้งตกใจ นี่ยังเป็นนายน้อยเซี่ยที่งดงามกว่าหญิงสาวอีกเหรอ? ใบหน้าของเขาซีดเซียวราวกับผิวหนังถูกดูดจนแห้ง ผมที่ยุ่งเหยิงมันย่องและอาจไม่ได้สระมาแล้วหลายวัน
“อาจารย์อยากให้ข้าเล่นหมากล้อมกับเขาทุกวัน ทรมานข้าทั้งวันทั้งคืน และพอเขาเล่นจนหนำใจเขาก็กลับไปนอน แต่ตัวข้ากลับยังไปไหนไม่ได้ ต้องศึกษาตาเดินหมากล้อมต่อไป เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ข้าตรากตรำไม่ได้หลับไม่ได้นอน…” เซี่ยซิวบ่นด้วยความโศกเศร้า ทันใดนั้น ตัวหมากรุกก็กระแทกเข้าที่หลังศีรษะของเขา
เสียงอันเกียจคร้านของเฮยไป๋จื่อดังขึ้น “กำลังพูดลับหลังอาจารย์อีกแล้วเหรอ? เพิ่มหมากล้อมหนึ่งร้อยตาเป็นการลงโทษ”
เซี่ยซิวรู้สึกหดหู่และน้ำตาก็เริ่มเอ่อล้น
เจียงลั่วฝูพูดด้วยรอยยิ้มปลอบใจ “อาจารย์ของเจ้าทำเพื่อผลประโยชน์ของเจ้า ด้วยการเล่นหมากล้อม จิตใจของเจ้าจะสงบและสูงขึ้น ความจำและความสามารถในการคำนวณจะดีขึ้น จากนั้นเจ้าจะสามารถบ่มเพาะทักษะได้อย่างเหมาะสม”
“ศิษย์น้องแปด ทำไมเจ้าถึงบอกเขา? ข้าจะดัดนิสัยเด็กสารเลวคนนี้สักหน่อย ทำไมไม่มีระเบียบวินัยเลย! ข้าไม่สนใจแล้ว” เฮยไป๋จื่อเดินออกไปและพูดอย่างไม่พอใจ
แต่เมื่อเห็นซูอัน สีหน้าที่เข้มงวดของเขาก็กลายเป็นสุภาพทันที เขาเดินมาอย่างรวดเร็วและทักทายว่า “ท่านซู! เป็นเกียรติจริง ๆ ที่ท่านมาเยือน เข้ามาข้างในสิ มาคุยกัน ข้าได้ค้นพบวิธีเอาชนะหมากของท่านครั้งที่แล้วเรียบร้อย เซี่ยน้อย เจ้าจะยืนมองโง่ ๆ แบบนี้เพื่ออะไร? เอาชามาให้เราสิ!”
เซี่ยซิวอยากจะร้องไห้ เขาเป็นมนุษย์เหมือนซูอัน แต่ทำไมถึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันขนาดนี้? ไม่สามารถเชื่อมโยงชายร่าเริงคนนี้กับอาจารย์ที่เข้มงวดของเขาได้เลย เขาเพิ่งจะทำหน้ายักษ์ใส่ข้าอยู่เลย ใครจะคิดว่าสิ่งต่าง ๆ จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้?
ซูอันพูดทันที “ข้ายังต้องเข้าไปในมิติลับพร้อมกับองค์รัชทายาท เกรงว่าเราจะไม่มีเวลาพอที่จะเล่นหมากกัน”
“รัชทายาทอะไรอีกล่ะ? มันจะสำคัญกว่าการเดินหมากได้ยังไง?” เฮยไป๋จื่อถามอย่างเฉยเมย
ซูอันพูดไม่ออก ผู้คนในสถาบันหลวงดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญกับราชวงศ์มากนัก…
เจียงลั่วฝูกระแอมและพูดว่า “ศิษย์พี่ห้า เหตุผลที่เรามาวันนี้เพราะเราต้องการขออะไรบางอย่างจากท่าน”
เฮยไป๋จื่อโวยวายและพูดว่า “ไม่ได้”
เจียงลั่วฝูรู้สึกประหลาดใจ “ข้ายังไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าต้องการอะไร”
เฮยไป๋จื่อกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้มาเยี่ยมข้าบ่อยนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงเกิดคิดถึงกันขึ้นมา ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ”
เจียงลั่วฝูตอบด้วยรอยยิ้ม “อย่างกนักเลยศิษย์พี่ห้า ข้าไม่ได้ขอเพื่อตัวเอง แต่ข้าต้องการขอหมากสังเวยจากท่าน”
“หมากสังเวย?” ซูอันตกตะลึง มันคืออะไร?
เฮยไป๋จื่อขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังลังเล
เจียงลั่วฝูกล่าวเสริมว่า “อาซูจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอนเมื่อเข้าไปในมิติลับ หากเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีใครสามารถเล่นหมากล้อมกับท่านได้อีกต่อไป นอกจากนี้ท่านจะไม่สามารถแก้แค้นได้”
เฮยไป๋จื่อโวยวาย “เห็นข้าเป็นคนขี้แพ้อย่างนั้นเหรอ? ฮึ่ม เจ้าใช้ทุกวิถีทางเพื่อเอาของจากข้าให้ท่านซู ทำอย่างกับเป็นคู่รักกัน”
เจียงลั่วฝูขมวดคิ้ว “ท่านอย่าพูดเรื่องไร้สาระ เขาเป็นน้องชายของข้า”
“ชายหญิงบอกเป็นพี่เป็นน้องกันทีไร สุดท้ายก็ได้เสียกัน คิดว่าข้าไม่รู้เหรอ?” เฮยไป๋จือพึมพำ เขาโยนเม็ดหมากสองตัวออกจากแขนเสื้อไปให้ซูอัน “ในช่วงเวลาแห่งอันตราย ให้วางหมากขาวไว้ข้างหน้าของท่าน และวางหมากดำไว้ที่คนอื่น ด้วยวิธีนี้ความเสียหายที่ท่านได้รับจะถูกโอนไปยังบุคคลอื่น นี่คือเป็นหมากสังเวย ดังนั้นมันจะถูกกินหลังจากใช้เพียงครั้งเดียว นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านต้องใช้มันในช่วงเวลาสำคัญเท่านั้น”
ซูอันตกใจมาก “โลกนี้มีอะไรที่มหัศจรรย์อย่างนี้เลยเหรอ!”
เฮยไป๋จื่อลูบเคราช้า ๆ ไม่สามารถซ่อนความภาคภูมิใจบนใบหน้าได้ “นี่เป็นผลมาจากการอุทิศตนตลอดชีวิตของข้า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้าสร้างมันได้เพียงสามชุดเท่านั้น สิ่งเหล่านี้พิเศษเกินไป ดังนั้นมันคงไม่ดีนักหากตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น เพราะเหตุนี้ถ้าพูดกันตามธรรมดาแล้ว ข้าจะไม่ให้ของสิ่งนี้แก่ผู้อื่น แต่ท่านซูมีนิสัยสูงส่ง ข้าจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ซูอันรับตัวหมากมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณ ผู้อาวุโสห้า!”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ แค่เล่นกับข้าอีกสองสามรอบเมื่อท่านออกมาจากมิติลับ” เฮยไป๋จื่อ หัวเราะเบา ๆ “ใช่ ข้าเกือบลืมเตือนว่า ท่านอย่าวางหมากสลับตำแหน่งกัน ไม่อย่างนั้นตัวท่านเองจะกลายเป็นผู้เสียสละ เว้นแต่ว่าท่านจะอยากทำความดีน่ะนะ”
ซูอันตอบว่า “ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
“ท่านพูดถูก” เฮยไป๋จื่อพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นพยายามคุยกับซูอันเกี่ยวกับหมากล้อม
ทว่าเจียงลั่วฝูดึงตัวซูอันกลับมา “ศิษย์พี่ห้า ข้ายังต้องพาเขาไปที่อื่น เมื่อมีเวลาว่าง พวกท่านค่อยคุยกันแล้วกัน”
เฮยไป๋จื่ออดไม่ได้ที่จะสาปแช่งขณะที่มองดูนางจากไป “ผู้หญิงจะทอดทิ้งเจ้าเมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว พวกนางล้วนเป็นนักต้มตุ๋น… ต่อไปอยู่ให้ห่างจากผู้หญิงนะเซี่ยซิว ข้ารู้สึกรำคาญทุกครั้งที่เห็นพวกนาง”
เซี่ยซิวมีสีหน้าแปลก ๆ ถ้าเจ้าบอกข้าไม่ให้คบกับผู้หญิงอีกต่อไป? แล้วอนาคตข้าไม่ต้องมีทายาทสืบสกุลเลยเหรอ? อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าพูดความคิดดังกล่าวออกไปและแสดงท่าทียอมรับแทน
…
ห่างออกมา ซูอันถามเจียงลั่วฝูว่า “พี่สาวคนสวย เราจะไปพบใครอีก?”
ซูอันเริ่มคิดกับตัวเอง นางขอหมากสังเวยให้เขา นั่นย่อมหมายความว่าการเดินทางครั้งนี้จะอันตรายกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงริมทะเลสาบซึ่งมีสีดำสนิท
ซูอันรู้สึกประหลาดใจกับสีของน้ำที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “พี่สาว ระวังจะถูกพิษเข้า!”
“ไม่มีอะไร นี่เป็นเพียงน้ำหมึก” เจียงลั่วฝูยิ้ม จากนั้นนางก็เดินไปที่ศาลาริมทะเลสาบ
“น้ำหมึก?” ซูอันเพิ่งสังเกตว่ามีห่านสีขาวตัวใหญ่สองตัวกำลังว่ายอยู่บนผิวน้ำ ถ้าในน้ำมีพิษจริง ๆ พวกมันคงตายไปนานแล้ว ต้องใช้หมึกมากแค่ไหนในการย้อมทะเลสาปให้เป็นสีดำ?
หืม? เดี๋ยวก่อน ถ้าเป็นหมึกแล้วทำไมขนห่านสองตัวนี้ถึงยังขาวอยู่? เขามองอย่างตั้งใจและเห็นว่ามีแสงสีฟ้าหมุนวนบริเวณขนของห่านสีขาวตัวใหญ่สองตัว ต้องเป็นเพราะมันแน่นอน
เมื่อพวกเขาเดินผ่านทางเดินในร่ม พื้นที่ด้านหน้ากลับกว้างขวางและมีแสงสว่างเพียงพอ หญิงสาวที่งดงามกำลังนั่งเงียบ ๆ อยู่ในศาลา นางกำลังคัดลอกแผ่นศิลา เมื่อรวมกับภาพที่สะท้อนบนผืนน้ำสีดำสนิท การปรากฏตัวของนางทำให้เกิดภาพอันสูงส่งและสง่างาม
หญิงสาวจดจ่ออยู่กับงาน ลมพัดผมบริเวณขมับของนาง เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามและคุ้นเคย