เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1178 เขาก็แค่ระดับหก
บทที่ 1178 เขาก็แค่ระดับหก
รัชทายาทซึ่งเพิ่งเห็นทุกสิ่งจากด้านข้างสะดุ้งด้วยความตกใจ ความกลัวที่ปี่หลิงหลงบ่มเพาะให้ในช่วงสองปีที่ผ่านมาถูกกระตุ้น
นายน้อยของตระกูลอื่นไม่พอใจ พวกเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความโกรธขององค์หญิงรัชทายาท แต่ไม่รู้ว่าพวกตนทำให้นางขุ่นเคืองใจได้อย่างไร ทุกคนลอบคิดว่า อย่าบอกนะว่าทั้งหมดเป็นเพราะซูอันคนนั้น?
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้อื่น ปี่หลิงหลงก็ตระหนักว่านางเสียกิริยาไปแล้ว นางพูดอย่างรวดเร็วว่า “ตรงนั้นเริ่มทดสอบการบ่มเพาะแล้ว รีบไปกันเถอะ”
ฝ่ายของจักรพรรดิและราชันลมปราณได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน พวกเขายอมให้รัชทายาทนำคนเข้ามาด้วย แต่ระดับการบ่มเพาะต้องไม่เกินระดับเจ็ด เพื่อป้องกันการฉ้อฉลจึงมีเครื่องมือวัดพลังชี่ที่ทางเข้า แทนที่จะให้คนใดคนหนึ่งตัดสินระดับการบ่มเพาะของผู้คน
อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นผลงานการคิดค้นของสถาบันหลวง ประกอบด้วยชิ้นส่วนของหินนภาที่จับคู่กับผนึกที่ซับซ้อน มันสามารถทดสอบความเข้มข้นของพลังชี่ในแต่ละบุคคลได้อย่างรวดเร็ว และประเมินระดับการบ่มเพาะออกมาได้
นักรบคนอื่นได้เสร็จสิ้นการทดสอบแล้ว พวกเขาอยู่ราว ๆ ระดับสี่หรือห้า เหลือเพียงกลุ่มของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นต้องทดสอบรัชทายาท ทุกคนรู้ดีว่าจ้าวรุ่ยจื่อเป็นอย่างไร ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องทำให้อับอายกันไปเปล่า ๆ
ปี่หลิงหลงก้าวขึ้นไปบนเวทีและมองไปรอบ ๆ แต่ก็ยังไม่เห็นซูอัน นางถอนหายใจแล้วเดินไปข้างหน้า ถัดจากหินนภามีหญิงสาวคนหนึ่งสวมหมวกแม่มดและเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มหาวหวอดก่อนจะพูดว่า “วางมือบนมัน แล้วใช้พลังชี่ของท่าน”
เพ่ยโยวพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าขอแนะนำให้เจ้ายับยั้งความคิดที่สุ่มเสี่ยง นางเป็นศิษย์คนสุดท้ายของผู้เบิกเท็จ มีนามว่าฉีเหยากวง น้องเล็กที่บรรดาอาจารย์ของภูเขาด้านหลังประคบประหงมมากที่สุด นางไม่ใช่คนที่เจ้าจะทำให้ขุ่นเคืองได้”
หลิวเซียนเสยผม รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาในขณะที่พูดว่า “แม้ว่าอาวุโสเหล่านั้นจะหลงใหลในตัวนาง พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดนางจากห้วงรักได้ใช่ไหม? ถ้าเราแสดงความรักอย่างจริงใจ แม้แต่ผู้เบิกเท็จก็ไม่อาจหยุดเราได้”
เพ่ยโยวพูดไม่ออก ผู้ชุมนุมมองไปที่หลิวเซียนด้วยท่าทางแปลก ๆ ชายคนนี้มีความมั่นใจที่บ้าคลั่งจริง ๆ
ถัดออกไป เกาอิ้ง ลูกพี่ลูกน้องของหลิวเซียนใบหน้ากระตุก เขาเดินห่างออกไปสองสามก้าวราวกับไม่รู้จักหลิวเซียน
การทดสอบที่เกิดขึ้นบนเวทีเสร็จสมบูรณ์แล้ว แสงถูกปล่อยออกมาจากหินนภาขณะที่ฉีเหยากวงประกาศเสียงดัง “ระดับหก!”
ผู้คนเริ่มกระซิบกระซาบกันทันที องค์หญิงรัชทายาทเพิ่งอยู่ระดับที่ห้าไม่นานมานี้ แต่ตอนนี้นางได้มาถึงระดับหกแล้ว พรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของนางนั้นยอดเยี่ยมทีเดียว!
หลายคนมองรัชทายาทและส่ายหัวในใจ ความแตกต่างนั้นมากเกินไป! มันเหมือนดอกไม้ที่งอกออกมาจากกองอุจจาระจริง ๆ
เมื่อองค์หญิงรัชทายาทลงมาจากเวที คนอื่นต่างมองไปรอบ ๆ ด้วยความลำบากใจ ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดแก่กว่านางมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาจะสูงกว่าปี่หลิงหลง แต่ด้วยอายุที่ต่างกันเช่นนี้กลับแทรกด้วยช่องว่างเพียงเล็กน้อยในการบ่มเพาะ ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจ
หลิวเซียนเป็นคนแรกที่พูดว่า “ข้าขึ้นก่อน!” เขาค่อนข้างไร้ยางอายมาโดยตลอด เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นชายเจ้าสำราญขึ้นชื่อในเมืองหลวง เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรที่จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ
เขาไม่ได้วางมือบนหินนภาทันทีเพื่อทำการวัด แต่เดินไปข้างหน้าฉีเหยากวงด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “แม่นางฉี ข้าชื่อหลิวเซียน มีบิดาเป็นแม่ทัพนามว่าหลิวเหย่า”
“อือ ข้ารู้แล้ว” ฉีเหยากวงเอนหลังโดยไม่รู้ตัว ผู้ชายแก่ขนาดนี้มาอ้างชื่อบิดามารดาเพื่ออะไร?
หลิวเซียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและกล่าวว่า “น้องฉีรู้จักข้าแล้ว”
“ตอนนี้เท่านั้นผ่านการทำนาย” ฉีเหยากวงหาว
“ฮะ?” หลิวเซียนรู้สึกงุนงง
ฉีเหยากวงไม่พอใจ “ข้ายังรู้ด้วยว่าเจ้าต้องการข้า มาเกี้ยวข้าโดยที่เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรทำอะไร ช่างโง่เขลาและไร้เหตุผลจริง ๆ เจ้าจะเข้าร่วมการทดสอบหรือไม่? ถ้าไม่ก็กลับลงไปต่อแถวใหม่” นางพึมพำกับตัวเองว่า “รู้สึกว่าข้าจะมีโชคเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยผู้ชายปลิ้นปล้อนแบบนี้ ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ฮึ่ม”
หลิวเซียนมึนงงชั่วขณะ แต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน “นิสัยของน้องฉีนั้นตรงไปตรงมา ข้าชอบมาก”
เขาวางมือบนหินนภาขณะพูด คิดกับตัวเองว่าเมื่อออกมาจากมิติลับ เขาจะพยายามติดต่อกับฉีเหยากวงให้ได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอพริกขี้หนูเผ็ดร้อนอย่างนาง แต่สุดท้ายทุกคนลงเอยด้วยการครวญครางอยู่ใต้ตัวเขาไม่ใช่หรือ?
หินนภาสร้างชั้นแสงจาง ๆ ฉีเหยากวงมองดูมัน “ระดับห้า? แม้แต่นักศึกษาหลายคนของข้าก็มีระดับสูงกว่า เจ้าใช้ชีวิตมาทั้งชีวิตเหมือนสุนัขหรืออะไรสักอย่างหรือเปล่า?”
ในที่สุด หลิวเซียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่ความจริงที่ว่าที่นี่คือสถาบันหลวง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้ จึงเดินลงจากเวทีด้วยใบหน้าซีดเซียว
ใต้เวที ปี่หลิงหลงพยายามที่จะไม่หัวเราะ นางคุ้นเคยกับอาจารย์เหล่านี้ดีและรู้ว่าฉีเหยากวงมีชื่อเสียงว่ามีความฉลาดทางอารมณ์ต่ำ หลิวเซียนคนนี้กล้าที่จะลองใจนาง เขาไม่ใช่คนที่ฉลาดจริง ๆ
จากนั้นคนอื่น ๆ ก็ขึ้นเวทีตามกันไป หลังจากเรียนรู้จากประสบการณ์ของหลิวเซียนไม่มีใครกล้าพูดหยาบคายกับฉีเหยากวงอีก
ผลลัพธ์ออกมาอย่างรวดเร็ว การบ่มเพาะของจ้าวซีของคฤหาสน์อ๋องเหลียงและเกาอิ้งของตระกูลหลิวนั้นสูงที่สุด ทั้งคู่อยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับหก คนอื่นอยู่ในระดับกลางหรือขั้นเริ่มต้นของระดับหก ทุกคนเริ่มแสดงความชื่นชมต่อจ้าวซีและเกาอิ้ง
เกาอิ้งสงบเล็กน้อย ในขณะที่จ้าวซีรู้สึกภูมิใจอย่างช่วยไม่ได้
พี่น้องตระกูลกู่ถือโอกาสพูดว่า “มีท่านจ้าวและน้องเกาก็รับประกันความสำเร็จได้อยู่แล้ว เราจะต้องการซูอันหรือใครไปทำไม องค์หญิงรัชทายาท ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเลยพะย่ะค่ะ”
ปี่หลิงหลงรู้สึกเศร้าอยู่ในใจ รู้สึกสงสัยว่าทำไมซูอันไม่มา ใจหนึ่งนางกังวลว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา อีกใจคิดว่าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเขาเพิ่งกลับคำ หมายความว่าเขาไม่สนใจนางเลย เมื่อนึกถึงคำพูดของซูอันที่บอกให้เชื่อใจและท่าทีที่นางรู้สึกประทับใจในตอนนั้น ตอนนี้ทุกอย่างดูน่าขำขันยิ่ง
ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “ขอโทษที ข้ามาสาย”
ปี่หลิงหลงหันมาทันทีด้วยความประหลาดใจและมีความสุข ในที่สุด นางก็เห็นร่างที่รอคอยมาหลายชั่วยาม ในตอนนี้นางอยากจะยิ้มแต่ก็อยากจะร้องไห้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม นางตั้งตัวได้ทันเพราะสุดท้ายแล้วนางก็คือองค์หญิงรัชทายาท ปี่หลิงหลงรีบตั้งสติและถาม “ทำไมเจ้าถึงมาเอาตอนนี้?”
—
ท่านยั่วยุปี่หลิงหลงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +55 +55 +55…
—
“ข้ามีธุระอื่น ขออภัย” ซูอันกล่าวขอโทษ
เมิ่งผานถามด้วยความขบขันว่า “อะไรจะสำคัญไปกว่าการทดสอบขององค์รัชทายาท”
กู่ซิงรู้สึกสดชื่นอยู่ภายใน สุดท้ายก็ไม่ต้องออกตัว