เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1179 ข้าเชื่อใจเขา
บทที่ 1179 ข้าเชื่อใจเขา
ซูอันตอบกลับว่า “เป็นเพราะการทดสอบขององค์รัชทายาทเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นข้าจะอธิบายสถานการณ์ให้องค์หญิงฟังในภายหลัง” ที่นี่มีคนมากมายจากกลุ่มของราชันลมปราณ เขาไม่ต้องการเปิดเผยเจียงลั่วฝู จึงทำได้เพียงให้คำอธิบายอย่างคลุมเครือ
ฉีเหยากวงพูดจากบนเวที “ ท่านซู เจ้าจะทดสอบพลังหรือไม่!?”
ปี่หลิงหลงกล่าวว่า “เจ้าควรเข้ารับการทดสอบก่อน ทุกคนที่จะเข้าสู่มิติลับจำเป็นต้องได้รับการทดสอบ”
พี่น้องตระกูลกู่มีความสุขที่ได้เห็นซูอันอยู่ในจุดที่ยากลำบาก พวกเขาคิดในใจว่า องค์หญิงรัชทายาทยังคงยกย่องชายผู้นี้ แต่การบ่มเพาะของเขาดูเหมือนจะไม่เหมาะสมสำหรับการยกย่องนั้น
เพราะถ้าเกินระดับเจ็ด เขาก็ไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้าเขายังไม่ถึงระดับเจ็ด…รอดูแล้วกันว่าเราจะจัดการกับเจ้าอย่างไร
แม้แต่นายน้อยจากตระกูลอื่น ๆ ก็ยังเอียงคอ ที่ผ่านมาความสำเร็จของซูอันนั้นโดดเด่นเกินไป แม้ว่าจะมีการคาดเดาบางอย่างที่อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าคนคนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งจริง ๆ ล่ะ?
ซูอันเดินขึ้นไปบนเวที จู่ ๆ เขาก็รู้สึกวิตกเล็กน้อย มันไม่คล้ายกันกับลูกบอลตอนที่เขาทดสอบพรสวรรค์ในสถาบันจันทร์กระจ่างเหรอ? ในตอนนั้น ลูกบอลลูกนั้นระเบิดแสงออกมาและแตกเป็นเสี่ยง ๆ
โชคดีที่เจียงลั่วฝูช่วยปกปิดเรื่องในตอนนั้นไว้ แต่ตอนนี้มีผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังมากมายที่นี่ ทั้งหมดล้วนมีประสบการณ์ มันไม่ง่ายเลยที่จะหลอกลวงพวกเขา
เสียงของฉีเหยากวงพูดอยู่ข้างหูของซูอัน “อย่ากังวล สิ่งนี้ทดสอบการบ่มเพาะ ไม่ใช่อย่างอื่น”
ซูอันมองดูนาง เห็นว่าปากนางไม่ขยับ เพียงแต่มองเขาด้วยสายตาเท่านั้น นางเพิ่งพูดคำเหล่านั้นผ่านกระแสพลังชี่
“ศิษย์พี่แปดต้องการให้ข้าเตือนเจ้าเรื่องนี้ เจ้ามีความลับที่ไม่มีใครรู้หรืออะไรหรือเปล่า?” ฉีเหยากวงถาม “มันน่ารำคาญมาก ข้ายังมองไม่เห็นชะตากรรมหรืออนาคตของเจ้าเลย”
“ไม่มีอะไรที่เป็นความลับ” ซูอันยิ้ม ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่นในใจ เจียงลั่วฝูคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย นอกเหนือจากการให้แผนที่มิติลับและช่วยให้เขาได้รับสมบัติวิเศษในการป้องกัน นางพิถีพิถันจริง ๆ คนแบบนี้คงจะเป็นเลขาสาวที่เจ้านายไว้ใจได้ใช่ไหม…?
เขาวางมือบนหินนภา ในเวลาเดียวกัน มืออีกข้างก็ลูบถุงเครื่องเทศที่ได้มาจากสนมไป่ด้วยความรู้สึกประหม่า
ในไม่ช้า หินนภาก็ส่องแสง ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นร้องด้วยความตื่นตระหนก
ไม่ใช่เพราะการบ่มเพาะของซูอันสูงเกินไป แต่เป็นเพราะผลการทดสอบต่ำเกินไป มันแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในระดับหกเท่านั้น
ในสายตาของหลาย ๆ คน เหตุผลที่ซูอันชนะทายาทของราชันลมปราณคือมีผู้บ่มเพาะลึกลับคอยช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ว่าเขายืนระยะได้นานในการต่อสู้นั้นหมายความว่าเขาต้องอยู่ที่ระดับเจ็ดหรือจุดสูงสุดของระดับหก แต่ในตอนนี้ความจริงได้ปรากฏออกมาว่าเขาอยู่แค่ระดับหกเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ของฝ่ายราชันลมปราณย้ำถามผลการทดสอบเพื่อความแน่ใจทันที พวกเขาไม่ต้องการให้รัชทายาทได้รับผู้ช่วยที่ทรงพลังเกินไปในมิติลับ
ในเวลานั้น ฉีเหยากวงโวยวายและถามว่า “พวกเจ้าสงสัยว่าสถาบันหลวงของเราเข้าข้างซูอันงั้นเหรอ?” แม้ว่าเสียงของนางจะไม่ดัง แต่ทุกคนกลับได้ยินทั่วถึงกัน เหตุการณ์สงบลงอย่างรวดเร็ว
สมาชิกฝ่ายของราชันลมปราณยิ้มและตอบว่า “แม่นางฉีเข้าใจผิดแล้ว เราจะตั้งคำถามกับจุดยืนของสถาบันหลวงได้ยังไง? เนื่องจากซูอันได้รับการทดสอบแล้วว่าอยู่ในระดับที่หก การบ่มเพาะของเขาจึงอยู่ในระดับหก”
พวกเขาไม่ต้องการล่วงเกินสถาบันหลวงและผลักดันฝ่ายที่เป็นกลางนี้ไปสู่ฝ่ายของรัชทายาท นอกจากนี้พวกเขาเคยคุยกันเรื่องนี้มาก่อนแล้ว คนคนเดียวที่อยู่ราว ๆ ระดับเจ็ดจะไม่สร้างความแตกต่างมากนัก
เสียงของปี่ฉีพ่อของปี่หลิงหลงพูดข้างหูของนางว่า “หลิงหลง เจ้าให้สิ่งประดิษฐ์ที่สามารถปกปิดการบ่มเพาะของเขาได้ไปหรือไม่?”
ปี่หลิงหลงสับสนเช่นกัน “ไม่นะท่านพ่อ ข้าจะหาอะไรที่น่าทึ่งขนาดนั้นมาจากไหน?”
“ถ้าอย่างนั้นเขาอยู่ที่ระดับหกจริง ๆ เหรอ? มันเป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมเท่านั้นที่ทำให้เขาดูเหนือกว่าคนอื่นในระดับเดียวกันใช่ไหม?” ปี่ฉีถาม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“คงจะเป็นเช่นนั้น” ปี่หลิงหลงกัดริมฝีปาก นางคิดกับตัวเองว่า ผู้ชายคนนี้อยู่แค่ระดับหกจริงเหรอ? ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้จะอันตรายจริง ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงคำมั่นที่ซูอันให้ไว้กับนางเมื่อคืนก่อน จู่ ๆ นางก็รู้สึกสงบอีกครั้ง
ปี่ฉีกล่าวว่า “ราชันลมปราณยอมให้เราส่งผู้บ่มเพาะระดับเจ็ดได้หนึ่งคน แต่เจ้ากลับเลือกเขาแทนที่จะเป็นหรงโม่ มันคุ้มค่าแล้วจริง ๆ เหรอ?”
ปี่ฉีขมวดคิ้ว แต่รู้ว่าลูกสาวของเขามีความสามารถและมีสายตาที่เฉียบแหลม เนื่องจากนางยืนหยัดกับการตัดสินใจของตัวเองเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเขาไม่ต้องพูดอะไรอีก
ในขณะที่พ่อลูกกำลังพูดคุยกัน กู่ซิงกลับรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เหตุการณ์พลิกผัน “หลังจากได้ยินคำชมของหลิงหลง ข้าคิดว่าเขาจะวิเศษวิโสขนาดไหน สุดท้ายก็ผู้บ่มเพาะระดับหกเท่านั้น ฮ่า การบ่มเพาะของเราอาจสูงกว่าเขาด้วยซ้ำ”
หลิวเซียนกระแอม แสดงความไม่พอใจกับคำพูดเหล่านี้
กู่เหิงไม่ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยเหมือนกู่ซิงและพูดกับปี่หลิงหลงแทน “องค์หญิงรัชทายาท พระองค์พระทัยดีเสมอ ดังนั้นอาจไม่ทราบว่าอันธพาลข้างถนนนั้นเจ้าเล่ห์เพียงใด ข้าเชื่อว่าพระองค์อาจถูกเขาหลอก”
ปี่หลิงหลงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของท่านซูสูงกว่าระดับหกอย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ตาม นางสูญเสียความมั่นใจหลังจากนั้นไม่นาน ไม่เคยมีปัญหากับอุปกรณ์ทดสอบของสถาบันหลวง ทุกคนสามารถเห็นด้วยตาของตัวเองได้ว่าการบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ระดับหกจริง ๆ!
กู่ซิงหัวเราะเบา ๆ และถามว่า “หลิงหลง อะไรทำให้เจ้ามั่นใจขนาดนี้ ในความคิดของข้า บางคนไม่ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะพลัง แต่กลับมีคนคุยโวอยู่เสมอว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหน เขาอาจจะไม่ถูกเปิดโปงหากไม่ใช่เพราะการทดสอบของสถาบันหลวงในวันนี้”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย” เมิ่งผานหัวเราะเบา ๆ “เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวลือรอบตัวเขาในเมืองหลวง ข้าเชื่อว่ามีคนเจตนาเผยแพร่ข่าวลือพวกนั้น”
จ้าวซีแห่งคฤหาสน์อ๋องเหลียง ไม่พอใจ “ฮึ่ม เสียแรงที่ข้าชื่นชม ปรากฏว่าเขาอยู่ในระดับหกเท่านั้น”
หลิวเซียนพูดอย่างไม่เห็นด้วย “แม้ว่าเราจะไม่พูดถึงการบ่มเพาะของซูอัน แต่ทักษะของเขากับผู้หญิงก็เป็นเรื่องจริง ข้าต้องหาโอกาสถามว่าเขาได้รับความรักจากคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ด้วยใบหน้าธรรมดา ๆ แบบนั้นได้ยังไง?”
………………..