เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1188 ถูกขับไล่
เมื่อถูกทุกคนคาดคั้น เพ่ยโยวก็รู้สึกแย่เช่นกัน และหลังจากนั้นไม่นาน เขามองจ้าวซีแล้วพูดว่า “หลังจากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับปี่ฉาง องค์หญิงรัชทายาททรงขอให้พวกเราทุกคนย้ายไปอยู่รวมกัน พระประสงค์คือให้พวกเราทุกคนคอยระวังซึ่งกันและกัน แต่นั่นก็จบลงด้วยผลลัพธ์อื่นซึ่งก็คือพวกเราไม่มีใครแอบออกไปและฆ่ากันเองได้”
“ในขณะเดียวกัน คนเดียวที่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระนอกเหนือจากองค์รัชทายาทและองค์หญิงคือท่านซู”
เพ่ยโยวไม่พูดต่อหลังจากนั้น ทุกคนรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ไม่มีทางที่เชื้อพระวงศ์ทั้งสองจะเป็นฆาตกร ซึ่งหมายความว่าซูอันเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่
ซูอันหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นคนอื่นมองมาที่เขา “เจ้าสงสัยข้าเหรอ?”
เพ่ยโยวพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้าแค่พูดด้วยเหตุผลเท่านั้น”
สีหน้าของปี่หลิงหลงเปลี่ยนไป ขณะที่มองซูอัน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล ความหวาดกลัว และอารมณ์อื่น ๆ ทุกประเภท
คนอื่นแอบกระเถิบตัวรักษาระยะห่างระหว่างซูอันกับตัวเอง มีเพียงเผี่ยวตวนเตียว เจียวซือกุน และอีกสองสามคนที่ยังคงยืนเคียงข้างเขา
ซูอันยักไหล่ “ต้องมีแรงจูงใจอยู่เบื้องหลังทุกการกระทำ ในฐานะผู้แทนองค์รัชทายาท ข้าเป็นศูนย์รวมแห่งความไว้วางใจขององค์หญิงรัชทายาท ทำไมข้าถึงจะมาทำอะไรแบบนี้?”
เมิ่งผานหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ง่าย ๆ เจ้ามาจากตระกูลฉู่ และทุกคนรู้ว่าตระกูลฉู่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลฉิน ทายาทของตระกูลฉู่มอบของขวัญให้เจ้ามากมายก่อนที่เจ้าจะเข้ามา ส่วนคุณหนูตระกูลมู่หรงยังให้กระเป๋าเก็บของแก่เจ้า ของมีค่าขนาดนั้นจะแจกกันง่าย ๆ ได้ยังไง? ความสัมพันธ์ของตระกูลฉินและตระกูลมู่หรงกับราชันลมปราณเป็นสิ่งที่ข้าไม่จำเป็นต้องพูดถึงใช่ไหม?”
ซูอันตกตะลึง “เจ้าคิดว่าข้าทำงานให้กับราชันลมปราณเหรอ?”
เจียวซือกุนตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “เป็นไปได้ยังไง!? ทุกคนรู้ว่าท่านซูและราชันลมปราณไม่ถูกกัน เขาทำให้ฝ่ายของราชันลมปราณประสบความสูญเสียอย่างหนักตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง! แม่ทัพกองทหารฝ่ายซ้ายหรือแม้แต่บทบาทสำคัญของผู้บัญชาการมณฑลราชธานีก็หายไปเพราะท่านซู เขาจะทำงานให้กับราชันลมปราณได้ยังไง!?”
กู่ซิงก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ก็ง่าย ๆ มันไม่ใช่แค่ทำร้ายตัวเองเพื่อให้ศัตรูมั่นใจหรอกเหรอ? ไม่อย่างนั้นทุกคนจะสงสัยเขา”
เผี่ยวตวนเตียวไม่พอใจ “แม้แต่ชื่อเสียงของทายาทราชันลมปราณก็ตกต่ำเพราะท่านซู หากเป็นอย่างที่ว่า ความสูญเสียจะไม่รุนแรงเกินไปหน่อยเหรอ?”
กู่ซิงจนมุมด้วยคำพูด แต่กู่เหิงก้าวมาข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าเขาพยายามหลอกคนธรรมดาอย่างพวกเรา การจัดการกับมู่หรงถงและเฉิงซยงก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเขาต้องการหลอกคนฉลาดเช่นฝ่าบาท องค์รัชทายาท และองค์หญิงรัชทายาท มู่หรงถงและเฉิงซยงคงไม่เพียงพอ พวกเจ้าเลยไม่ลังเลที่จะเสียสละทายาทของราชันลมปราณ”
“ท่านทั้งหลายจงพิจารณาให้ดี ทายาทของราชันลมปราณมีการบ่มเพาะอยู่ระดับแปด ในขณะที่หานเฟิงชิวซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะระดับเก้าก็อยู่ที่นั่นเพื่อดูแลสถานการณ์ พวกเขาจะแพ้ซูอันได้ยังไง?”
คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกว่าการวิเคราะห์ดังกล่าวสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง พวกเขาเคยคิดว่าทายาทของราชันลมปราณอาจพ่ายแพ้เพราะผู้บ่มเพาะธาตุน้ำลึกลับ แต่ถึงแม้จะมีเครือข่ายข่าวที่ทรงพลัง พวกเขาก็ไม่สามารถค้นหาว่าผู้บ่มเพาะลึกลับคนนั้นคือใคร
แต่ทุกอย่างสมเหตุสมผลถ้ามันเป็นเพียงการกระทำที่ทายาทของราชันลมปราณร่วมมือกันกับซูอัน เมื่อพวกเขามองไปที่ซูอัน ดวงตาของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ซูอันหัวเราะออกมา “ทำไมทุกคนถึงมองข้าแบบนั้น? แม้แต่ฝ่าบาทยังไม่ทรงสงสัยข้า เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกว่าองค์จักรพรรดิหรือไง?”
ลมหายใจของกู่เหิงสะดุดลง “แน่นอนว่าข้าเทียบกับฝ่าบาทไม่ได้ บางทีฝ่าบาททรงมีแผนอื่นเลยไม่เปิดโปงเจ้า และตั้งพระทัยใช้ปลาเล็กเพื่อจับปลาที่ใหญ่กว่า แค่ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าจะเปิดเผยช่องโหว่ในพฤติกรรมของตัวเองล่วงหน้าในมิติลับแห่งนี้!”
จ้าวซีระเบิดอารมณ์อย่างเกรี้ยวกราด “ไอ้บัดซบ เจ้าฆ่าคนของเราไปเยอะแล้ว! ถึงเวลาชดใช้ด้วยชีวิตแล้ว!”
เมื่อจ้าวซีพูดจบ บรรดานายน้อยชักอาวุธออกมาและเข้าล้อมซูอัน
เผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนสิ้นปัญญา ทั้งคู่มองปี่หลิงหลงว่านางจะทำอะไรต่อไป
ซูอันมองนางและถามว่า “องค์หญิงรัชทายาททรงคิดเห็นว่ายังไงพะย่ะค่ะ?”
ปี่หลิงหลงถอนหายใจและพูดว่า “เจ้าควรออกไปได้แล้ว”
“อะไรนะพะย่ะค่ะ?” ซูอันถามอย่างสับสน
ปี่หลิงหลงพูดอย่างเฉยเมยว่า “เห็นทุกสิ่งที่เจ้าทำ ข้าจะไม่รบกวนเจ้าอีก เจ้าจงจากไปเสีย ต่อไปนี้ชีวิตและความตายของเจ้าจะขึ้นอยู่กับตัวเอง”
“ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องนี้ได้ข้อยุติแล้ว” ปี่หลิงหลงเดินจากไปคนเดียว ร่างที่โดดเดี่ยวของนางถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ
“ข้าทำเพื่อท่านและองค์รัชทายาทมามาก แต่ยังทรงเลือกที่จะไว้ใจพวกเขาไม่ใช่ข้าเหรอ?” ซูอันตะโกนด้วยความโกรธ
ร่างของปี่หลิงหลงหยุดชั่วขณะ แต่นางก็ยังไม่หยุดเดิน
กู่ซิงกระโดดไปขวางหน้าเขาและอุทานว่า “ไอ้สารเลว เจ้ากำลังตะโกนเรื่องอะไร? ทำไมยังไม่ไปอีก หากเจ้ายังคงยั่วยุองค์หญิงรัชทายาท เจ้าอาจไม่สามารถลอยนวลออกไปได้ง่าย ๆ แบบนี้”
ซูอันเพิกเฉยต่อเสียงเห่าหอนของกู่ซิงและพูดอย่างจริงจังว่า “ปี่หลิงหลง เจ้าจะเสียใจกับการตัดสินใจของเจ้าในไม่ช้า จากนี้ไปสายสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างเราจะขาดสะบั้นลง!”
“บังอาจ! เจ้ากล้าเรียกพระนามองค์หญิงงั้นเหรอ!” กู่ซิงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากเมื่อเห็นซูอันเพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง
—
ท่านยั่วยุกู่ซิงสำเร็จ ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +444!
—
คนอื่น ๆ กระชับวงเข้าล้อมรอบซูอันอย่างรวดเร็ว บรรยากาศตึงเครียดอย่างมาก
ทุกคนทำได้เพียงเปิดเส้นทางเท่านั้น ซูอันเหวี่ยงแขนเสื้อและจากไปด้วยสีหน้าซีดเซียว
“พี่ซู!” เผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนรีบเข้ามา แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล ซูอันส่ายหัวและไม่พูดอะไรกับพวกเขา ร่างเดียวดายของเขามุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึกเพียงลำพัง
“ฮึ่ม ปล่อยมันไปแบบนี้ง่ายเกินไปจริง ๆ” เมิ่งผานกัดฟันพูด
จ้าวซีหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเจ้าอารมณ์เสียขนาดนั้น ทำไมไม่แอบไล่ตามไปฆ่าเขาล่ะ? เราสัญญาว่าจะไม่รายงานเรื่องนี้ต่อองค์หญิงรัชทายาท”
เมิ่งผานไม่พอใจ “ใครจะทำตามคำพูดเจ้า?” เขากลับไปที่กระโจมหลังจากพูดจบ
นายน้อยคนอื่นมีสีหน้าขัดแย้งกัน พวกเขาทั้งหมดกลับไปที่กระโจมของตนเองในขณะที่ครุ่นคิด
เมื่อซูอันจากไป พี่น้องตระกูลกู่รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของปี่หลิงหลงและส่งเสียงเรียกนางทันที น่าเสียดายที่อารมณ์ของปี่หลิงหลงไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากเรื่องของซูอัน
กู่ซิงกล่าวว่า “หลิงหลง ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ารู้สึกไม่ดีเพราะเผลอไว้ใจคนผิด แต่หลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น! เราได้กำจัดตัวก่อกวนไปแล้ว มาช่วยกันทำการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ของรัชทายาทให้สำเร็จเถอะ”
กู่เหิงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่พะย่ะค่ะ ตราบใดที่บรรดานายน้อยรวมตัวกัน ด้วยความแข็งแกร่งของเรา การสูญเสียซูอันไม่มีผลอะไรเลย ยิ่งกว่านั้นพี่น้องของเราจะยืนอยู่เคียงข้างองค์หญิงรัชทายาทเสมอ”
ปี่หลิงหลงฝืนยิ้ม “ขอบคุณ ข้าคงต้องพึ่งพวกเจ้าแล้ว นายน้อยของตระกูลต่าง ๆ ล้วนหยิ่งผยอง พวกเขาอาจแสดงความเคารพต่อข้า แต่เกรงว่าในช่วงเวลาแห่งอันตราย พวกเขาอาจไม่น่าเชื่อถือในมิติลับแห่งนี้ ตอนนี้ซูอันจากไปแล้ว เจ้าสองคนเป็นพวกเดียวที่ข้าไว้ใจได้”
พี่น้องตระกูลกู่มีความสุขมาก “เรายินดีทำทุกอย่างเพื่อองค์หญิงรัชทายาทโดยไม่ลังเล!”
ในที่สุด อารมณ์ของปี่หลิงหลงก็ดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนางก็พูดกับทั้งสองอีกสองสามคำและให้กำลังใจพวกเขา
………………..