เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1199 เจ้ามีความละอายใจบ้างไหม?
บทที่ 1199 เจ้ามีความละอายใจบ้างไหม?
ต่อมา ปี่หลิงหลงรีบไปปลุกทุกคนให้ตื่น คนเหล่านี้หมดสติเพราะยาของพี่น้องตระกูลกู่ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ตื่นจากการปลุกแบบปกติ อย่างไรก็ตาม ปี่หลิงหลงค่อนข้างเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งนี้ จึงมียาแก้พิษทุกประเภทพร้อมสรรพ นางปลุกทหารราชองครักษ์ของวังตะวันออกก่อน แล้วจึงปลุกคนอื่น ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวซี เมิ่งผาน หลิวเซียน และคนอื่น ๆ ก็ตื่นขึ้น พวกเขาต่างตกใจเมื่อเห็นเพ่ยโยว ตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ แต่ใครบางคนได้เข้ามาขวางเอาไว้ต่อหน้าเพ่ยโยวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ซูอัน?” พวกเขาตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
ปี่หลิงหลงปรากฏตัวและหยุดการโจมตีที่จะเกิดขึ้นทันที นางเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟัง
“พี่น้องตระกูลกู่เป็นพวกน่าละอาย ข้ารู้ว่าพวกเขาไม่มีอะไรดี” จ้าวซีพึมพำ
เมิ่งผานหัวเราะเยาะ “เจ้าเคยพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าสงสัยท่านซู?”
จ้าวซีรู้สึกรำคาญ “เจ้าเป็นผู้นำในการขับไล่ท่านซูออกไปไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะต่อสู้กัน ปี่หลิงหลงก็โกรธจัด “เจ้าสองคนไม่เห็นหรือว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน? แล้วยังพยายามที่จะเริ่มความขัดแย้งภายใน? ถ้าท่านซูไม่มาช่วยไว้ เราทุกคนคงถูกพี่น้องตระกูลกู่และซือถงฆ่าไปแล้ว”
“ซือถง? เขามาด้วยเหรอพะย่ะค่ะ?” คนอื่นตกใจ พวกเขามองไปรอบ ๆ ทันทีราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ มีใครบ้างในเมืองหลวงที่จะไม่รู้ว่าซือถงเป็นผู้บ่มเพาะขั้นสูงสุดของระดับแปด? นั่นไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถเผชิญหน้าได้
เผี่ยวตวนเตียวอุ้มศพของซือถงขึ้นมาและถามว่า “องค์หญิงรัชทายาท เราจะทำอย่างไรกับศพของซือถงพะย่ะค่ะ?”
“โยนมันให้หมาป่ากิน” ปี่หลิงหลงพูดอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นางรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างมาก
คนอื่น ๆ ตกตะลึงเมื่อเห็นศพของซือถง พวกเขาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ใครฆ่าซือถง!?”
ปี่หลิงหลงมองไปที่ซูอัน สีหน้าของนางอ่อนโยนมาก
อาการบาดเจ็บของเกาอิ้งดีขึ้นมาก เขาลืมตาขึ้นและพูดว่า “แน่นอนว่าเป็นท่านซู…”
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของซูอันที่มีต่อซือถงอย่างคร่าว ๆ เกาอิ้งซึ่งมักจะตระหนี่กับคำพูด พยายามเล่าให้เรื่องราวมีชีวิตชีวาและสมจริง จนถึงขนาดทำให้ซูอันดูน่าเกรงขามยิ่งกว่าความเป็นจริงเสียอีก
“จริงเหรอ?” คนอื่น ๆ อ้าปากค้าง ตกใจมากที่ได้ยินว่าซูอันเป็นคนสังหารซือถง พวกเขารู้ว่าซือถงเป็นผู้บ่มเพาะขั้นสูงสุดของระดับแปดมาหลายปีแล้ว แล้วซูอันอยู่ระดับไหนกันแน่?
หลิวเซียนมีท่าทีที่เปลี่ยนไปเร็วที่สุด เขาพูดทันทีว่า “ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเห็นท่านซู ข้ารู้สึกได้ทันทีว่าเขาอ่อนโยน สง่างาม เหนือสามัญ ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าจะไม่สามารถหยั่งรู้ความแข็งแกร่งของเขาได้เลย! ความชื่นชมของข้าที่มีต่อท่านซูพรั่งพรูออกมาเหมือนกระแสน้ำในแม่น้ำ!”
จ้าวซีและเมิ่งผานพูดไม่ออก ไอ้บ้าเอ๊ย! เจ้ายังมีความรู้สึกละอายใจอยู่บ้างไหม!?
จ้าวซีนั้นตรงไปตรงมาที่สุด ก่อนอื่นเขาขอโทษซูอัน “ท่านซู ข้าเป็นคนหยาบที่เชื่อว่ามีฝนตกเมื่อได้ยินเสียงลม ข้าทำให้ท่านขุ่นเคืองใจอย่างมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ต้องขออภัยอย่างยิ่ง หวังว่าตัวตนที่โดดเด่นอย่างท่านจะไม่จดจำความผิดของคนต่ำต้อยอย่างข้า”
เมิ่งผานยังคงสาปแช่งในใจ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ‘เชื่อว่ามีฝนตกเมื่อได้ยินเสียงลม’ ใครเป็นลม ใครเป็นฝน เจ้ากำลังสาดขี้ใส่ข้าตอนนี้ไม่ใช่เหรอ!?
เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้าคนนี้ก็ตาบอดถูกพี่น้องตระกูลกู่ชักนำให้เข้าใจผิดจนเป็นเหตุให้ข้าสงสัยท่านซู ผู้ต่ำต้อยคนนี้ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สาธารณะเท่านั้น และไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ท่านซูเป็นพิเศษ ขออภัยด้วย เหตุผลเดียวที่พวกเราที่เหลือสามารถอยู่รอดได้ก็เพราะพระคุณของตัวตนที่โดดเด่นอย่างท่าน โปรดรับสามคำนับจากเมิ่งผู้ต่ำต้อย”
ใบหน้าของจ้าวซีกระตุก ในแง่ของความไร้ยางอาย ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถเอาชนะไอ้สารเลวเมิ่งคนนี้ได้
จากนั้นนายน้อยคนอื่น ๆ ทั้งหมดก็ขอโทษทีละคน ต่างคนต่างมอบของขวัญล้ำค่าที่พวกเขามีให้กับซูอันเพื่อแสดงความขอโทษ
ไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อพวกเขารู้ว่าซูอันเพิ่งฆ่าผู้บ่มเพาะขั้นสูงสุดของระดับแปด การบ่มเพาะระดับหกที่พวกเขาเคยภาคภูมิใจอย่างมากดูเหมือนจะไร้ค่าโดยสิ้นเชิง เมื่อจำได้ว่าตัวเองเคยทำให้ซูอันขุ่นเคืองใจมากแค่ไหนก่อนหน้านี้ พวกเขาทำได้เพียงมอบของขวัญให้แทนคำขอบคุณและขอโทษ
ซูอันกำลังจะปฏิเสธ แต่ปี่หลิงหลงแอบเตือนว่าควรรับเอาไว้ ไม่อย่างนั้นสิ่งเลวร้ายอาจเกิดขึ้นในภายหลัง
ซูอันต้องยอมรับว่าปี่หลิงหลงนั้นเหมาะสมแล้วที่จะเป็นชนชั้นปกครอง นางเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ดีกว่าเขา แต่ด้วยความที่ไม่ชอบคนสองหน้าเหล่านี้ที่เปลี่ยนไปได้เหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสี เขาจึงบอกเผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนให้ช่วยเขารับของขวัญ
เมื่อทั้งหมดเห็นว่าองค์หญิงรัชทายาทไม่ต่อต้านที่ซูอันใช้ทหารราชองครักษ์ทำเรื่องส่วนตัวเช่นนี้ พวกเขาก็ยิ่งเชื่อมั่นและเคารพในตัวซูอันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จากที่ราชองครักษ์สองคนนี้พูดถึงซูอันก่อนหน้านี้ แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดีมาก ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะดูถูกคนทั้งสองเช่นกัน
เผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนต่างยืดอก ก่อนหน้านี้ทุกคนเคยเย้ยหยันเมื่อพวกเขาพูดถึงซูอัน แต่ตอนนี้นายน้อยผู้หยิ่งยโสเหล่านี้พยายามที่จะประจบประแจงพวกเขาด้วยรอยยิ้ม ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ
“พวกเจ้าเสียงดังมากจนข้าตื่น” รัชทายาทหาวขณะที่เดินออกจากกระโจมอย่างเฉื่อยชา
ปี่หลิงหลงต้องแสดงความเคารพต่อจ้าวรุ่ยจื่อต่อหน้าผู้คนมากมาย นางรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขา
รัชทายาทถอนหายใจอย่างต่อเนื่องเมื่อได้รับรายงาน “ทั้งสองคนเสียชีวิต? เฮ้อ อนาคตคงไม่มีใครจับกระต่ายกับข้าแล้ว”
เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับปี่หลิงหลง สองพี่น้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการประจบเอาใจรัชทายาท ทำเรื่องสนุก ๆ ร่วมกันมากมาย รัชทายาทซึ่งมักถูกขังอยู่ในวังไม่เคยเห็นสิ่งแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นเหล่านั้นมาก่อน เขาผูกมิตรกับพี่น้องตระกูลกู่อย่างรวดเร็ว
นั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ปี่หลิงหลงไม่เคยสงสัยพี่น้องตระกูลกู่มาก่อน ถ้าพวกเขามีความคิดทรยศจริง ๆ ทำไมถึงพยายามอย่างมากเพื่อผูกมิตรกับรัชทายาท?
นายน้อยทั้งหมดรู้สึกขัดแย้งเมื่อได้ยินสิ่งที่รัชทายาทพูด จ้าวรุ่ยจื่อผู้นี้ช่างเป็น…
น่าเสียดายที่ชะตากรรมของทั้งหมดรวมทั้งจ้าวรุ่ยจื่อถูกผูกไว้ด้วยกัน พวกเขาทำได้เพียงประคองตัวเองและเดินไปตามทางจนถึงที่สุด
หลังจากพักผ่อนมาหนึ่งคืน อาการของเกาอิ้งและเพ่ยโยวก็ค่อย ๆ ดีขึ้น วันรุ่งขึ้น ทั้งกลุ่มจึงเดินทางต่อไปยังภูเขา
เพ่ยโยวบอกทุกคนถึงวิธีติดตามอสรพิษหยกจันทรา คนของตระกูลเมิ่งเคยเข้ามาในมิติลับก่อนหน้านี้ และได้รับหนึ่งในเกล็ดของอสรพิษหยกจันทราจากการมาเยือนครั้งนั้น พวกเขาให้ปรมาจารย์ด้านอักขระทำให้มันกลายเป็นสมบัติวิเศษซึ่งสามารถใช้ติดตามเจ้าของเดิมได้
ด้วยสมบัติวิเศษนี้ในมือ ทั้งกลุ่มค่อย ๆ ก้าวไปสู่ความลึกของภูเขา ตลอดทางมีรังของสัตว์อันตรายมากมาย แต่เพราะคำเตือนของซูอัน พวกเขาจึงหลีกเลี่ยงพวกมันได้เกือบทั้งหมด
ครั้งนี้ไม่มีใครคัดค้าน ตรงกันข้าม พวกเขาทั้งหมดยกย่องซูอันและพยายามประจบเอาใจ
ซูอันถอนหายใจ จากที่เคยถูกล้อเลียนและเยาะเย้ย แต่ตอนนี้คนเดิมที่เคยล้อเลียนกลับกระตือรือร้นที่จะเลียรองเท้าของเขา