เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1200 อสรพิษหยกจันทรา
บทที่ 1200 อสรพิษหยกจันทรา
กลุ่มคนยังคงเดินหน้าต่อไปเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน สีหน้าของเพ่ยโยวกลายเป็นเคร่งขรึมขณะที่พูดว่า “ใกล้จะถึงที่หมายแล้ว!”
ซูอันสัมผัสได้ถึงพลังธาตุน้ำที่แข็งแกร่งก่อนที่เพ่ยโยวจะพูดออกมาเสียอีก
ทั้งกลุ่มเดินออกจากป่า ทันใดนั้น ทัศนียภาพที่เปิดกว้างและชัดเจนก็ทอดยาวไปเบื้องหน้า น้ำตกขนาดใหญ่ไหลซู่ลงสู่แอ่งน้ำที่กว้างขวางทำให้น้ำสาดกระเซ็นไปทุกที่ เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลงมา ทำให้เห็นภาพรุ้งกินน้ำจาง ๆ
จ้าวซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งูตัวนี้รู้วิธีที่จะสนุกกับตัวเองจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจที่มันเปลี่ยนบ้าน ทิวทัศน์ของที่นี่ดีกว่าบ่อหยกเย็นมาก”
เกาอิ้งพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “มีบางอย่างไม่ถูกต้อง มีสัตว์อสูรระดับสูงอยู่ทั่วไปบนเทือกเขานี้ แน่นอนว่าพวกมันค่อนข้างหวงถิ่น ที่นี่อาจจะดีกว่าบ่อหยกเย็น แต่อสรพิษหยกจันทราเป็นสัตว์อสูรระดับเจ็ด มันมีคุณสมบัติที่จะครอบครองพื้นที่ตรงนี้หรือไม่?”
ซูอันพยักหน้าเห็นด้วย เกาอิ้งมองเห็นการทรยศของตระกูลกู่มาก่อน แม้ว่าคนผู้นี้จะเงียบเป็นนิสัย แต่มีความสามารถในการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและเต็มไปด้วยพรสวรรค์ ไม่น่าแปลกใจที่ตระกูลหลิวเต็มใจส่งลูกชายคนที่สองมาที่นี่ เป็นเพราะเขาดีพอที่จะชดเชยข้อบกพร่องของจ้าวรุ่ยจื่อ
เมิ่งผานถามว่า “เป็นไปได้ไหมว่าที่นี่ไม่มีสัตว์ธาตุน้ำตัวอื่น มันจึงบังเอิญพบที่อยู่อาศัยใหม่”
เกาอิ้งลังเล “ก็อาจเป็นไปได้”
เหล่านายน้อยเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบเป็นระเบียบ คนเหล่านี้คือชนชั้นสูงของแต่ละตระกูล แม้ว่าก่อนหน้านี้เกือบจะถูกพี่น้องตระกูลกู่ฆ่า แต่ในตอนนี้ทั้งหมดเตรียมพร้อมและระมัดระวังอย่างยิ่ง
ปี่หลิงหลงให้รัชทายาทอยู่ด้านหลังสุด ไม่มีใครกล้าปล่อยให้เขาวิ่งไปวิ่งมา เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา จะไม่มีใครแบกรับความรับผิดชอบได้
เกาอิ้งและเพ่ยโยวได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าจะสามารถฟื้นตัวได้เล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังไม่อยู่ในสภาพที่จะต่อสู้อย่างหนักหน่วงได้ ทั้งสองจึงรั้งอยู่ข้างกายรัชทายาท
เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ปี่หลิงหลงสั่งให้เผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนพร้อมด้วยทหารจากวังตะวันออกขึ้นมาคุ้มกันซูอันและนำกลุ่มนายน้อยขณะที่เริ่มล้อมบริเวณน้ำตก
“หลิงหลง โชคดี!” รัชทายาทอวยพรขณะอยู่บนก้อนหินใหญ่ กินผลไม้ที่ทหารเตรียมไว้ให้พร้อมกับส่งเสียงเอาใจช่วยอย่างมีความสุข สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นเพียงการเดินทางท่องเที่ยวเท่านั้น เขาไม่รู้ว่ากำลังเผชิญกับอันตรายประเภทใดอยู่และถือว่าทั้งหมดเป็นการแสดงเท่านั้น
ปี่หลิงหลงถอนหายใจ นางตั้งสมาธิอย่างรวดเร็วและพาทั้งกลุ่มไปที่แอ่งน้ำใต้น้ำตก บริเวณนั้นปกคลุมไปด้วยหมอก ประกอบกับผิวน้ำที่กระเพื่อมทำให้ไม่สามารถมองเห็นข้างใต้ได้
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนโยนเหยื่อที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ลงไป น้ำค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นมีเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “ใครกล้ามาทำให้ที่อยู่อาศัยของข้าแปดเปื้อน!?”
น้ำในสระพุ่งสูงขึ้นทันที จากนั้นร่างที่สูงตระหง่านหลายสิบจั้งพุ่งออกมาแล้วลอยอยู่ในอากาศ นัยน์ตาเป็นประกายจ้องมองทุกคนอย่างเคียดแค้น รูม่านตาแนวตั้งสีน้ำตาลดูน่ากลัว ทำให้ทุกคนที่พบเห็นตัวสั่นสะท้าน
“แน่ใจนะว่าเจ้านี่อยู่ระดับเจ็ด?” เสียงของหลิวเซียนสั่นเครือเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นี้
จ้าวซีกลืนน้ำลาย “ทำไมตัวมันใหญ่ขนาดนี้? จากที่เรารู้มามันไม่น่าจะใหญ่ขนาดนี้”
เมิ่งผานอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าวเช่นกัน “แรงกดดันของมันยังมากกว่าที่ข้อมูลระบุไว้อีกด้วย”
เสียงของปี่หลิงหลงกลายเป็นเย็นชา “เดี๋ยวก่อน! มันพูดได้! นี่คือสัตว์อสูรที่อยู่ระดับแปดเป็นอย่างน้อยที่สุด…”
ซูอันแก้คำพูดของนาง “มันไม่ได้อยู่ที่ระดับแปด แต่เป็นระดับเก้า”
ปี่หลิงหลงหน้าถอดสี นางสั่งอย่างรวดเร็ว “ถอย!”
ทุกคนรู้ว่าสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกันมาก ซูอันอาจเอาชนะผู้บ่มเพาะในขั้นสูงสุดของระดับแปดได้ แต่แทบจะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จเลยในการต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับเก้า
พวกเขาถอยกลับอย่างรวดเร็ว ปี่หลิงหลงรู้สึกสับสนอย่างมากในขณะที่นางสงสัยว่า “ทำไมมันถึงแข็งแกร่งกว่าข้อมูลที่ได้รับมาขนาดนี้”
ความคิดแรกของนางคือ ราชันลมปราณสมรู้ร่วมคิดกับผู้เบิกเท็จ อย่างไรก็ตาม นางจำได้ว่าสัตว์อสูรที่พบเจอระหว่างทางล้วนแข็งแกร่งกว่าที่ข้อมูลระบุไว้ มิติลับนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับสถาบันหลวงเท่านั้น มีคนนอกมาเยี่ยมเยือนก่อนหน้านี้ ตระกูลต่าง ๆ ก็เข้ามาเมื่อสามปีที่แล้วเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ถึงความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรเหล่านี้ ไม่มีทางที่ราชันลมปราณจะสามารถทำให้สัตว์อสูรทรงพลังจำนวนมากแข็งแกร่งขึ้นได้
เมื่อรัชทายาทที่กำลังเคี้ยวแตงเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ไม่ทันสังเกตว่าผลแตงหล่นลงพื้นเมื่อใด เขากล่าวอย่างขัดใจ “อยู่ตรงนี้เห็นไม่ชัดเลย! เราควรจะเข้าไปใกล้กว่านี้ไหม?”
เกาอิ้งและเพ่ยโยวพยายามหยุดเขาอย่างรวดเร็ว “องค์รัชทายาท ไม่ได้เด็ดขาด! สถานที่นั้นอันตรายมาก เข้าไปใกล้ไม่ได้พะย่ะค่ะ!”
ในตอนนี้ทั้งสองคนได้เห็นขนาดและพลังของอสรพิษหยกจันทราแล้ว พวกเขาค่อนข้างมีประสบการณ์และรอบรู้ ตอบสนองต่อสถานการณ์ได้เร็วกว่าจ้าวซีและคนอื่น ๆ พวกเขายังอยู่ทำอะไรที่นี่ในเมื่อเป้าหมายของภารกิจเปลี่ยนจากระดับเจ็ดเป็นระดับเก้าไปแล้ว?
เพ่ยโยวพูดอย่างรวดเร็วว่า “รีบพาองค์รัชทายาทออกไปจากที่นี่ พระองค์อาจตกอยู่ในอันตราย” เขารู้ดีว่าการปรากฏตัวของสัตว์อสูรระดับเก้านี้หมายความว่าภารกิจถูกกำหนดให้ล้มเหลว การอยู่ที่นี่มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
เผี่ยวตวนเตียวและคนอื่น ๆ ตื่นตระหนก เขากล่าวว่า “องค์หญิงรัชทายาท ท่านซู และคนอื่น ๆ ยังอยู่ข้างใน เราจะทิ้งพวกเขาได้ยังไง?”
เกาอิ้งถอนหายใจ “ทุกคนได้โปรดอย่าให้อารมณ์ส่งผลต่อการตัดสินใจ งูตัวนี้เป็นสัตว์อสูรระดับเก้า การที่เราจะเข้าไปช่วยก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรักษาความปลอดภัยขององค์รัชทายาท เมื่อเราออกจากมิติลับและรายงานสถานการณ์ด้านในนี้ อาจไม่นับว่าองค์รัชทายาทล้มเหลว ถ้าพวกเขายื้อไว้ได้นานพอ เราจะขอให้คนข้างนอกส่งกำลังเสริมมาสมทบด้วย”
เจียวซือกุนพูดอย่างไม่มีความสุข “ท่านซูช่วยชีวิตเจ้าไว้ และองค์หญิงรัชทายาทก็ปฏิบัติต่อสองตระกูลของพวกเจ้าเป็นอย่างดี การกระทำของเจ้าไม่แล้งน้ำใจไปหน่อยเหรอ?”
ใบหน้าของเกาอิ้งขึ้นริ้วสีแดง “เจ้าคิดว่าเราต้องการเป็นคนที่อ่อนแอและไร้ประโยชน์อย่างนั้นเหรอ? หลิวเซียนผู้เป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านลุงยังอยู่ข้างใน ข้ายังไม่สามารถปกป้องเขาได้ ดังนั้นจะไม่มีจุดจบที่ดีรอข้าอยู่ที่ตระกูลหลิว อย่างไรก็ตาม ข้ารู้ดีว่าการมุ่งไปข้างหน้าจะทำให้ชีวิตสูญเปล่า หากเราขอกำลังเสริมก็อาจมีโอกาสรอดชีวิต”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เกาอิ้งก็รู้ว่าสัตว์อสูรระดับเก้านั้นน่าเกรงขามเพียงใด ไม่ว่าซูอันจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็คงถ่วงเวลาไว้ได้แค่วันหรือสองวันเท่านั้น แต่ทั้งกลุ่มใช้เวลากว่าหนึ่งสัปดาห์จากทางเข้ามิติลับกว่าจะมาถึงที่นี่ ไม่มีทางที่คนอื่น ๆ ที่อยู่รับมือกับอสรพิษหยกจันทราจะอยู่รอดได้จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง
ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นคนมีเหตุผลและรู้ว่าทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้คืออะไร
เผี่ยวตวนเตียวและเจียวซือกุนทำได้เพียงแค่มองรัชทายาทอย่างวิงวอน “เราควรจะช่วยชีวิตองค์หญิงรัชทายาทหรือไม่พะย่ะค่ะ? องค์รัชทายาท โปรดรับสั่งเถอะพะย่ะค่ะ”