เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1209 กระจกแห่งจักรพรรดิฉิน
บทที่ 1209 กระจกแห่งจักรพรรดิฉิน
ปี่หลิงหลงรู้สึกประหม่าจากการจ้องมองของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ “ทำไมเจ้าถึงจ้องมองข้าแบบนี้?! เจ้าไม่ต้องคิดอะไรแปลก ๆ นะ ข้าแค่ต้องการให้ภารกิจเสร็จสิ้น ถ้าเป็นคนอื่น ข้าก็กระโดดตามมาช่วยเหมือนกัน”
นางอายทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เห็นได้ชัดว่านางมาเพื่อช่วยเขา แต่กลับเป็นผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือแทน ทันทีที่ลงมาในน้ำ นางก็จมลงสู่ก้นสระอย่างไร้เรี่ยวแรง ถ้าซูอันไม่รีบตามมาช่วย นางอาจจะนอนกับฝูงปลาไปแล้ว
“อย่างนั้นเหรอ?” ซูอันหัวเราะเบา ๆ “แต่ทำไมข้ารู้สึกว่าเจ้าจะไม่เสียสละตัวเองเช่นนี้หากเป็นคนอื่น”
ปี่หลิงหลงสะบัดศีรษะไปด้านข้างอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ก็การบ่มเพาะของเจ้าสูงที่สุด อาศัยความร่วมมือของเจ้าเท่านั้นที่ทำให้ข้ามีโอกาสที่จะเอาชนะอสรพิษหยกจันทราได้ เจ้าอย่าคิดมาก นี่เป็นเพียงการทำภารกิจให้สำเร็จ”
ซูอันถอนหายใจและพูดว่า “ข้าหลงคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษสำหรับเจ้า ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
ปี่หลิงหลงรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความหดหู่ในน้ำเสียงของเขา อย่างไรก็ตาม นางเข้าใจสถานะของทั้งคู่อย่างชัดเจน จึงฝืนทำใจให้แข็งกระด้างและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ถูกต้อง แล้วอสรพิษหยกจันทราตัวนั้นล่ะ? เราควรรีบออกไปข้างนอกใช่ไหม? คนอื่นไม่มีโอกาสเอาชนะมันได้เลย!”
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวลขณะที่พูด อสรพิษหยกจันทราอยู่ในระดับที่เก้า ดังนั้นพวกเขาจึงมีเหตุผลอันสมควรแม้แต่จะละทิ้งภารกิจนี้ อย่างไรก็ตาม หากนายน้อยทุกคนที่ติดตามนางเสียชีวิต นั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
ปี่หลิงหลงมองเขาด้วยความตกใจจนพูดไม่ออก
“แม้ว่างูขี้เหร่ตัวนั้นจะค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่สามารถพูดได้ในขณะที่กำลังอัดลมหายใจมังกรของมัน การโจมตีของมันจึงระเบิดในปากของตัวเอง ข้าใช้โอกาสนั้นเพื่อเข้าใกล้และฆ่ามัน” ซูอันกล่าว “พอข้าลากศพออกมา จึงรู้ว่าเจ้ากระโดดลงไปช่วยข้า ข้าเลยลงมาหาเจ้า”
ปี่หลิงหลงมองเขาอย่างจริงจัง “เจ้าฆ่าสัตว์อสูรระดับเก้าด้วยตัวคนเดียวจริง ๆ ทุกคนในโลกนี้ประเมินเจ้าต่ำไป… เจ้าซ่อนความลับไว้มากเท่าไรกันแน่?”
ซูอันหัวเราะเบา ๆ “ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือ ความจริงที่ว่าข้าใช้เวลาทั้งคืนกับองค์หญิงรัชทายาทคนงามซึ่งเปลือยกายอยู่ในอ้อมแขนของข้า”
ใบหน้าของปี่หลิงหลงขึ้นริ้วสีแดง นางตื่นตระหนกและบอกปัด “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูดถึงเรื่องนี้อีกยังไงล่ะ!”
“กลัวอะไรขนาดนั้น? ที่นี่ไม่มีคนอื่นนี่” ซูอันพูดอย่างเมินเฉย
“แล้วข้าไม่ใช่คนเหรอ?” หมี่ลี่พูดด้วยความไม่พอใจ
“ท่านไม่ใช่คนอื่น” ซูอันปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มเหงื่อตกขณะพึมพำ “ทำไมท่านถึงยังอยู่ที่นี่?”
เขาลืมไปว่าหมี่ลี่ยังคงเฝ้าดูทุกอย่างจากมุมหนึ่ง ซูอันรู้สึกละอายใจทันทีเมื่อนึกถึงทุกสิ่งที่เพิ่งทำลงไป
ซูอันพูดไม่ออก
จู่ ๆ ปี่หลิงหลงก็พูดว่า “ข้าจะโกรธถ้าเจ้ายังพูดแบบนี้ต่อไป… หือ? ของพวกนี้คืออะไร?”
ซูอันมองตามสายตาของปี่หลิงหลงเมื่อได้ยินเสียงของนาง และเห็นกองสมบัติที่เปล่งประกาย เขายุ่งมากกับการช่วยเหลือนางจนไม่ได้สังเกตเห็นพวกมันเลยด้วยซ้ำ “นี่คือรังของอสรพิษหยกจันทรา เผ่าพันธุ์มังกรชอบสะสมวัตถุแวววาวทุกประเภท แม้ว่างูตัวนั้นจะไม่ใช่มังกร แต่ก็ยังเป็นญาติกับมังกร จึงมีนิสัยคล้ายกัน ของพวกนี้น่าจะเป็นสมบัติที่มันสะสมมาหลายปี”
มีสมบัติที่แวววาวทุกประเภท รวมถึงหินพลังชี่มากมาย
“อ้อ” ปี่หลิงหลงไม่ได้สนใจสมบัติเท่าไรนัก ในฐานะคุณหนูตระกูลใหญ่และตอนนี้เป็นถึงองค์หญิงรัชทายาท สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายสำหรับนางมากนัก ตอนนี้นางกังวลเรื่องอื่นมากกว่า “เรารีบกลับขึ้นไปกันเถอะ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะยังไม่รู้ว่าข้าเป็นตายร้ายดียังไง และอาจจะส่งคนลงมาตามหา”
คำพูดของปี่หลิงหลงบอกเป็นนัยอย่างชัดเจนว่า ชื่อเสียงของนางจะเสียหายหากนางอยู่กับชายอื่นตามลำพังนานเกินไปและมีผู้พบเห็น นอกจากนี้ นางยังถึงกับกระโดดลงมาในน้ำเพื่อช่วยเขาด้วยซ้ำ ปี่หลิงหลงรู้สึกปวดหัวอย่างมากเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น สงสัยว่าจะอธิบายสถานการณ์นี้ให้ทุกคนฟังได้อย่างไร
เมื่อเห็นนางจ้องมองผิวน้ำอย่างเหม่อลอย ซูอันใช้ดวงแก้วผู้รอบรู้เก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น แม้ปี่หลิงหลงไม่สนใจเรื่องสมบัติเงินทอง แต่เขายังต้องการมัน
เขาจำเป็นต้องหลอมและปรับแต่งสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นในอนาคต จำนวนค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เขาได้เห็นด้วยตัวเองแล้วว่าเสิ่นซวีจื่อนั้นยากจนเพียงใด อาชีพนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นอาชีพที่ผลาญเงินทองอย่างแท้จริง
ทันใดนั้น หมี่ลี่ก็แสดงอาการประหลาดใจ นางจ้องมองบางอย่างด้วยความงุนงง “นั่นสินะ…”
“อะไร?” ซูอันตื่นตระหนก ด้วยภูมิหลังและประสบการณ์ของหมี่ลี่มีเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถดึงดูดความสนใจของนางได้ เขามองตามสายตาของนางและเห็นว่าหลังจากที่สมบัติส่วนใหญ่ถูกจัดเก็บไปแล้ว มีของบางอย่างกระจัดกระจายอยู่ตามซอกมุมของถ้ำ
หนึ่งในนั้นคือกระจกทองสัมฤทธิ์ขนาดเล็กและสวยงาม มันเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นผิวทำจากวัสดุพิเศษที่ดูเหมือนทองสัมฤทธิ์ แต่ก็ไม่ใช่ มันดูคล้ายกับอัญมณีชนิดหนึ่งที่เปล่งประกายแวววาว แต่เมื่อซูอันหยิบขึ้นมา มันก็ไม่สามารถสะท้อนภาพอะไรได้เลย
กระจกที่ไม่สะท้อนภาพ? ซูอันหันไปหาหมี่ลี่แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับกระจกนี้?”
หมี่ลี่หยิบมันไปจากมือเขา นิ้วเรียวสวยของนางสั่นเล็กน้อย “มันผ่านมาหลายปีแล้ว… ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอมันอีก”
ซูอันตกตะลึงในขณะที่ถามว่า “นี่ของท่านเหรอ?”
หมี่ลี่ส่ายศีรษะ “มันไม่ใช่ของข้า แต่เป็นของอิ่งเจิ้ง”
“จักรพรรดิองค์แรก!” ซูอันกล่าวด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบสมบัติของจักรพรรดิองค์แรกในรังของอสรพิษภายในมิติลับ
นิ้วของหมี่ลี่ลากผ่านพื้นผิวกระจก ร่องรอยของความคิดถึงปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ของสิ่งนี้เรียกว่ากระจกวิญญาณของจักรพรรดิฉิน มันเป็นสมบัติวิเศษทางจิตวิญญาณทั้งภายในและภายนอก ปกติมันจะมีขนาดใหญ่กว่านี้ เมื่อฉายแสงไปที่ผู้คน เงาของพวกเขาก็ปรากฏขึ้น เมื่อเอามือปิดหัวใจ อวัยวะภายในของร่างกายก็จะถูกเปิดเผย ถ้าใครป่วย การปิดหัวใจจะเปิดเผยความเจ็บป่วย ถ้าผู้หญิงมีเจตนาร้าย ความจริงก็จะถูกเปิดเผย จักรพรรดิองค์ก่อนมักจะส่องกระจกนี้ใส่ทุกคนในวัง และทุกคนที่มีแรงจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์จะถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น…”
ซูอันสงสัย “แน่ใจนะว่ากำลังพูดถึงของชิ้นนี้? กระจกเล็ก ๆ นี่ไม่ได้ใหญ่อย่างที่ท่านพูดถึงเลย”
หมี่ลี่ส่ายศีรษะ “ไม่ผิดแน่ ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมัน ต้องมีสาเหตุที่ทำให้มันลดขนาดลง
“ในตอนนั้น อิ่งเจิ้ง จักรพรรดิองค์แรกเป็นคนขี้ระแวงสงสัยและชอบส่องกระจกนี้กับทุกคนในวัง ไม่ว่าจะเป็นองค์ชาย อ๋อง สนม นางกำนัล ตราบใดที่มีใจคิดไม่ซื่อ พวกเขาจะปิดบังความจริงจากกระจกบานนี้ไม่ได้ เมื่ออิ่งเจิ้งรู้ก็จะมองหาโอกาสที่จะประหารชีวิตพวกเขา”
“มันมีประโยชน์แบบนี้ด้วยเหรอ” ซูอันตกตะลึง เขาไม่ได้สังเกตเห็นอะไรพิเศษเกี่ยวกับมันเลย “มันดูไม่พิเศษสำหรับข้า… อ้อ แล้วตอนนั้นอิ่งเจิ้งใช้กระจกนี้กับท่านหรือเปล่า?”
หมี่ลี่ถอนหายใจ “เจ้าคิดว่าทำไมข้าถึงถูกผนึกไว้ล่ะ?”
ซูอันพูดไม่ออก
“เอาไปด้วยเถอะ มันจะเป็นประโยชน์แก่เจ้าในภายภาคหน้า” หมี่ลี่เหม่อมองออกไปไกล คิดกับตัวเองว่านางรู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอดตั้งแต่เข้ามาในมิติลับแห่งนี้ อาจเป็นเพราะนางสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของกระจกนี้อย่างลึกลับ?
………………..