เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1213 คนตายพูดไม่ได้
บทที่ 1213 คนตายพูดไม่ได้
สีหน้าของหัวหน้าคนป่าเปลี่ยนไป “ผู้พิทักษ์อะไร? ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอะไร ศพงูยักษ์นี้เป็นของเรา! เก่งจริงก็มาแย่งไป!”
หลิวเซียนหัวเราะออกมาดัง ๆ “เจ้ากำลังพยายามหลอกใคร? เราสองคนไปเที่ยวหอสู่สวรรค์ด้วยกันเมื่อวันก่อน ข้าปล่อยให้แม่นางเซียงที่หมายตาไว้ไปกับเจ้าด้วยความเคารพต่อการบ่มเพาะของเจ้า แต่ดูเจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้จักข้าตอนนี้สิ!”
ซูอันพูดไม่ออก ผู้ชายคนนี้อาจไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย แต่เขาเป็นปรมาจารย์แห่งชายเจ้าสำราญอย่างแท้จริง
สีหน้าของปี่หลิงหลงเปลี่ยนไปอย่างมากขณะที่นางหลุดปากว่า “แย่แล้ว!”
‘ผู้นำคนป่า’ เลิกใช้สำเนียงหยาบคายก่อนหน้านี้และพูดตามปกติ “ข้าไม่เคยต้องการเปิดเผยตัวตนมาก่อน เพราะกลัวพวกเจ้าจะหนีไปบอกโลกภายนอก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พวกเจ้าจะถูกคนป่าขโมยเหยื่อไปอย่างลึกลับ ส่งผลให้ภารกิจในการทดสอบล้มเหลว แต่อย่างน้อยพวกเจ้าทุกคนก็ยังรอด แต่เนื่องจากคนโง่อย่างเจ้ายืนกรานที่จะเปิดโปงข้า จึงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พวกเจ้าทุกคนจะต้องตายที่นี่!”
ทันทีที่พูดจบ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเว่ยผิงหยางที่แต่งตัวคล้ายกันก็โผล่ออกมาจากป่า ทุกคนมีมีดอยู่ในมือ ดวงตาคมปลาบเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง
จ้าวซีและเมิ่งผานจ้องมองหลิวเซียนอย่างโกรธแค้น พวกเขาจะต้องมาตายเพราะเจ้าโง่นี่งั้นเหรอ? ทว่าในไม่ช้าทั้งสองก็ตระหนักว่าฝ่ายของราชันลมปราณไม่ต้องการฆ่าพวกเขาเช่นกัน หน้าที่ของอีกฝ่ายคือทำลายภารกิจการทดสอบของรัชทายาท ไม่มีใครต้องการเสี่ยงกับความกริ้วของจักรพรรดิ
ท้ายที่สุดผู้พิทักษ์เว่ยก็อยู่ในระดับปรมาจารย์! นอกจากนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็ไม่ได้ดูอ่อนแอเช่นกัน กลุ่มของรัชทายาทในมิติลับนี้ไม่สามารถเอาชนะกลุ่มของเว่ยผิงหยางได้แม้แต่ในสภาพร่างกายที่พร้อมสมบูรณ์ นับประสาอะไรกับตอนนี้ หลังจากที่พวกเขาเพิ่งต่อสู้กับอสรพิษหยกจันทรามาหมาด ๆ และได้รับบาดเจ็บสาหัส
ปี่หลิงหลงค่อนข้างสงบกว่าคนอื่น นางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสงบสติอารมณ์ เงยหน้าอันงามสง่าขึ้นมองผู้นำศัตรูอย่างภาคภูมิและถามว่า “พวกเจ้าเข้ามาในมิติลับได้ยังไง? ไม่มีทางที่องค์จักรพรรดิหรือท่านพ่อของข้าจะปล่อยให้เจ้าเข้ามาได้ง่าย ๆ”
นี่คือสิ่งที่ทุกคนกำลังสับสน ซูอันจำ ‘คำสาป’ ของพี่น้องตระกูลกู่ได้ก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต ในตอนนั้นพวกเขาคิดว่านั่นเป็นเพียงความแค้นก่อนตาย แต่ดูเหมือนว่าราชันลมปราณจะมีไพ่ในมือหลายใบจริง ๆ ที่สำคัญคือคนเหล่านี้เข้ามาได้อย่างไร? มันไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง!
ผู้พิทักษ์เว่ยหัวเราะและพูดว่า “อันที่จริงการที่พวกเจ้าเฝ้าทางเข้าไว้ เราจะไม่มีทางเข้ามาได้ แต่เพียงเพราะเราเข้ามาไม่ได้ในเวลานี้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะเข้ามาก่อนหน้านี้ไม่ได้!”
ปี่หลิงหลงตกตะลึงและโพล่งออกมา “เมื่อสามปีที่แล้ว เจ้า…”
“ถูกต้อง!” เว่ยผิงหยางลูบเคราอย่างเชื่องช้า “เมื่อสามปีที่แล้วเมื่อมิติลับแห่งนี้เปิดขึ้น ราชันลมปราณพบวิธีที่จะพาเราเข้ามา ช่วงเวลานั้นไม่เกี่ยวข้องกับการทดสอบขององค์รัชทายาท การเข้าออกมิติลับจึงไม่เข้มงวดมากนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมายังไง? เรามีแต่สัตว์อสูรคอยอยู่เป็นเพื่อนวันแล้ววันเล่า โชคดีที่ในที่สุดพวกเจ้าก็มา ก่อนที่พวกข้าจะเป็นบ้าไปซะก่อน ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ซูอันรู้สึกมึนงง ราชันลมปราณเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายจริง ๆ เขาวางแผนไว้ตั้งแต่สามปีที่แล้ว! จวนราชันลมปราณจงใจทำเหมือนว่าตัวเองเสียเปรียบโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้จักรพรรดิเห็นด้วยกับการทดสอบครั้งใหญ่นี้! ตาเฒ่านั่นเจ้าเล่ห์อะไรอย่างนี้!
แต่เมื่อการทดสอบนี้สิ้นสุดลง สิ่งต่าง ๆ จะกลายเป็นเรื่องลำบากเมื่อราชันลมปราณตัดสินใจที่จะกำหนดเป้าหมายมาที่เขาในที่สุด
ซูอันอดไม่ได้ที่จะดูถูกจักรพรรดิ การได้ชื่อว่า ‘ผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่งของโลก’ จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเจ้ากลายเป็นของเล่นอยู่กลางฝ่ามือของราชันลมปราณอย่างสมบูรณ์
เมื่อพิจารณาจากอุบายของราชันลมปราณ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่วางแผนล่วงหน้าไว้มาก ใครจะรู้ว่าเขามีกับดักมากมายขนาดนี้? เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จักรพรรดิดูด้อยกว่าอย่างมาก ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในมิติลับ กลุ่มของพวกเขาก็ถูกจูงจมูกนำทางไปไหนมาไหนตลอดเวลา
ถ้าไม่ใช่เพราะข้า พี่น้องตระกูลกู่และซือถงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดล้างคนฝั่งรัชทายาททั้งกลุ่ม
เดี๋ยวก่อน… จักรพรรดิไม่ได้นิ่งเฉย เขาส่งทูตยุทธ์เสื้อแพรทองอย่างข้าเข้ามาข้างในเพื่อปกป้องรัชทายาทและองค์หญิงรัชทายาทนี่นา
เดิมทีการบ่มเพาะของเขาน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับสถานการณ์นี้ แต่จักรพรรดิคงไม่คาดคิดว่าราชันลมปราณจะวางแผนล่วงหน้าไกลถึงขนาดจัดเตรียมผู้บ่มเพาะเหล่านี้ไว้ตั้งแต่สามปีที่แล้ว
ปี่หลิงหลงพูดเน้นเสียง “เว่ยผิงหยาง เจ้าคิดหรือว่าฝ่าบาทจะไม่สามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงเพราะเจ้าฆ่าพวกเราทั้งหมด? อาชญากรรมย่อมจะทิ้งร่องรอยไว้เบื้องหลัง”
คนอื่นรู้สึกชื่นชม ไม่แปลกใจเลยที่นางจะเป็นองค์หญิงรัชทายาทที่ฝ่าบาททรงเลือก! รูปลักษณ์ที่สง่างามตามธรรมชาติที่นางมีนั้นไม่ใช่สิ่งที่เด็กผู้หญิงทั่วไปจะเทียบได้
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พวกเขาเผชิญหน้ากับอสรพิษหยกจันทราหรือตอนนี้ เมื่อนางเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ นางมักจะสงบนิ่งและกล้าหาญกว่าพวกเขาทั้งหมด เป็นขวัญกำลังใจที่ดีเยี่ยมสำหรับทุกคน
เว่ยผิงหยางหัวเราะและพูดว่า “องค์หญิงรัชทายาท เจ้าไม่จำเป็นต้องขู่ให้ข้ากลัว ทำไมราชันลมปราณถึงจะไม่รู้เรื่องนี้? ทุกคนที่อยู่กับข้าที่นี่เป็นทหารที่ถูกบันทึกว่าเสียชีวิตในสนามรบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาคือคนที่ไม่ควรมีตัวตนอีกต่อไป แล้วฝ่าบาทจะทรงทราบได้ยังไง?”
ปี่หลิงหลงขมวดคิ้ว ราชันลมปราณนั้นละเอียดถี่ถ้วนจริง ๆ! ใครจะรู้ว่าการเตรียมการแบบนี้ใช้เวลากี่ปี? นางมองเขาอย่างเย็นชา “พวกเขาอาจไม่มีชื่ออยู่ในบันทึกอีกต่อไป แต่เจ้าล่ะ? ไม่มีทางที่เจ้าจะ ‘หายไป’ หรือตายได้หรอก จริงไหม?”
รอยยิ้มของเว่ยผิงหยางจางหายไป “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องกังวล เมื่อข้าฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด แน่นอนว่าจะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของข้าอีกต่อไป”