เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1216 เจ้าสาวผมขาว
บทที่ 1216 เจ้าสาวผมขาว
ซูอันเป็นคนเดียวที่ยังกังวลอย่างมาก ปี่หลิงหลงจะสามารถจัดการกับพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้หรือไม่? นางเพิ่งทะลวงเข้าสู่ระดับหกได้ไม่นาน!
พระราชโองการของทูตยุทธ์เสื้อแพรนั้นแตกต่างกัน ย้อนกลับไปในตอนนั้น พวกเขาใช้อักขระวิเศษอันสลับซับซ้อนในพระราชโองการเพื่อสื่อสารกับพลังของโลก จากนั้นใช้สิ่งนั้นเพื่ออัญเชิญเจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิ
แต่การเคลื่อนไหวของปี่หลิงหลงนั้นแตกต่างออกไป มิติลับเป็นพื้นที่ซึ่งแยกออกต่างหากจากโลกภายนอก แม้แต่เจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิก็ไม่สามารถข้ามภพได้ เช่นนี้จะต้องเป็นสิ่งที่จักรพรรดิทิ้งไว้ให้ปี่หลิงหลง อย่างไรก็ตามจะไม่มีราคาที่ต้องจ่ายได้อย่างไร หากใช้เนื้อหนังเพื่อปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้?
ทันใดนั้น ปี่หลิงหลงก็เคลื่อนไหวในที่สุด นางยกกระบี่ในมือขึ้นแล้วเหวี่ยงไปทางลู่เซียวอย่างเบามือ คลื่นกระบี่ขนาดยักษ์พุ่งออกมา ดูเหมือนว่าจะอยู่เหนือแนวคิดของอวกาศและห้วงเวลาไปปรากฏต่อหน้าลู่เซียว
การป้องกันเจ็ดชั้นที่ลู่เซียวสร้างขึ้นถูกฉีกออกอย่าง่ายดายราวกับฉีกกระดาษ จากนั้นกระบี่บนศีรษะของเขาได้พยายามขวางคลื่นพลังกระบี่จากเจตจำนงค์อันศักดิ์สิทธิ์ไว้ และค่อย ๆ ถูกเฉือนลึกเข้าไปในเนื้อจนหักกลางเล่ม
เพราะกระบี่นั้นผูกติดกับวิญญาณของเขา เลือดพุ่งออกมาจากปากของลู่เซียว ผิวขาวระเรื่อแต่เดิมของเขากลายเป็นซีดเผือด เขายกแขนขึ้นพยายามหยุดคลื่นของกระบี่พลังชี่
ด้วยเสียงก้องกัมปนาท ร่องยาวหลายสิบจั้งปรากฏขึ้นในที่ที่ลู่เซียวเคยยืนอยู่ ต้นไม้และหินในบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดกลายเป็นฝุ่นผงจากการโจมตี สำหรับผู้บ่มเพาะจากจวนราชันลมปราณที่อยู่ถัดจากลู่เซียวได้หายตัวไปจากสายตาผู้คนทั้งหมด
คนอื่น ๆ ได้แต่มองด้วยความสยดสยอง พลังของกระบี่นี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ!?
เว่ยผิงหยางและคนอื่น ๆ ถอยกลับโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ลู่เซียวก็รับมือกระบี่นี้ไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาที่เหลือควรทำอย่างไร?
ทันใดนั้น แสงสีทองบนท้องฟ้าก็สลัวลง จากนั้นตามมาด้วยเสียงคร่ำครวญ ร่างหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า
“หลิงหลง!” ซูอันเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลา เมื่อเขาเห็นนางหล่นลงมาก็เหินไปรับทันที ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นสภาพของนาง
ผมสีดำของปี่หลิงหลงที่เคยนุ่มสลวยเป็นมันเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนไปทั้งศีรษะ ผิวที่เคยเป็นประกายราวกับหยกตอนนี้กลายเป็นหมองคล้ำ การโจมตีเมื่อครู่ทำให้พลังชีวิตของนางหมดไปอย่างเห็นได้ชัด
ปี่หลิงหลงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นซูอันที่อุ้มนางไว้ นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อระลึกถึงบางสิ่งได้จึงรีบถามว่า “ตอนนี้ข้าทั้งแก่และน่าเกลียดเลยใช่ไหม?”
ซูอันส่ายศีรษะ “เจ้ายังสวยเหมือนเดิม ไม่สิ ตอนนี้เจ้าสวยขึ้นด้วยซ้ำ”
ปี่หลิงหลงถอนหายใจ “เจ้ายังชอบหลอกคนอื่นเหมือนเคย เมื่อฝ่าบาทพระราชทานรูปดอกไม้นี้แก่ข้า ทรงบอกข้าว่ามันมีพลังมาก แต่ไม่ควรใช้มันหากไม่จำเป็นจริง ๆ ไม่อย่างนั้นผลที่เบาที่สุดคือแก่ตัวลง ที่ร้ายแรงกว่านั้นคือจะต้องตายทันที”
ซูอันก่นด่าในใจ จักรพรรดิบ้า ทำไมเจ้าให้ของที่มีผลข้างเคียงอันตรายกับคนอื่นแบบนี้? เจ้าไม่ได้หลอกลวงนางใช่ไหม? เมื่อสัมผัสได้ถึงความเศร้าในดวงตาของนาง เขารีบพูดว่า “อย่ากังวลไป แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของเจ้าจะอ่อนแอ แต่เจ้าจะไม่สูญเสียชีวิต ถ้าพักผ่อนสักหน่อยก็คงฟื้นตัว”
“ความงามของข้าหายไปแล้ว แม้ว่าข้าจะหายดีแล้ว จะมีความหมายอะไรอีก” เสียงของปี่หลิงหลงเศร้าสร้อยขณะที่สัมผัสผมสีขาวของตัวเอง
ซูอันรู้ว่ายิ่งผู้หญิงสวยเท่าไร พวกนางก็ยิ่งใส่ใจกับรูปลักษณ์ของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น นับประสาอะไรกับปี่หลิงหลงที่เป็นถึงสมาชิกแห่งราชวงศ์
เขาปลอบนางด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ ผมขาวของเจ้าสามารถฟื้นตัวได้หรือไม่ก็ช่างมันเถอะ แม้ว่าจะไม่ แล้วทำไมล่ะ? มันก็ดูสวยดี ไว้มีโอกาสข้าจะเล่าเรื่อง ‘เจ้าสาวผมขาว’ ให้ฟัง ข้าชอบตัวละครหลักของเรื่องนั้นมาก”
ปี่หลิงหลงหน้าแดง “ข้าจะทำยังไงกับเจ้าดี? รสนิยมของเจ้าแปลกพิกล”
คนอื่น ๆ ยังคงตกใจกับพลังของการโจมตี หลายคนยังไม่หายจากอาการงุนงง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สังเกตเห็นปฏิสัมพันธ์ของซูอันและปี่หลิงหลง
ทันใดนั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันขมขื่น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้ายังมีชีวิตอยู่! ข้ายังมีชีวิตอยู่!”
สีหน้าของปี่หลิงหลงเปลี่ยนไป นางรีบหันไปมองตามทิศทางของเสียง และเห็นร่างโชกเลือดของชายคนหนึ่งคลานออกมาจากช่องลึกโดยไร้แขนข้างซ้าย อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ตาย
“พี่ลู่!” เว่ยผิงหยางและคนอื่น ๆ จากจวนราชันลมปราณต่างก็ส่งเสียงโห่ร้อง
ลู่เซียวจ้องมองปี่หลิงหลง ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ช่างน่าเสียดาย ช่างน่าสมเพช! การบ่มเพาะของเจ้าต่ำเกินไปจึงไม่สามารถดึงพลังของกระบี่เล่มนั้นออกมาได้เต็มที่ นอกจากนี้ มิติลับแห่งนี้ยังเป็นโลกที่แยกตัวออกมาซึ่งตัดการเชื่อมต่อระหว่างเจ้ากับจักรพรรดิ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ารอด! อย่างไรก็ตาม เจ้าเป็นคนทำลายกระบี่ผูกวิญญาณของข้า และไม่มีวันเอาแขนที่ขาดกลับคืนมาให้ข้าได้ ข้าจะสะสางหนี้แค้นครั้งนี้อย่างแน่นอน!”
โดยปกติแล้ว หลังจากทะลวงขึ้นสู่ระดับเจ็ด ผู้บ่มเพาะจะได้รับพลังในการฟื้นฟูตนเอง ตราบใดที่ส่วนสำคัญเช่นศีรษะไม่ได้รับอันตราย การปลูกแขนที่ขาดก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป อย่างไรก็ตาม แขนของเขาถูกกระบี่แห่งเจตจำนงของจักรพรรดิตัดขาด เว้นแต่ว่าจะสามารถขับไล่เจตจำนงของจักรพรรดิออกจากร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีความหวังที่จะคืนแขนนั้นกลับมา
แต่ถ้าเขาต้องการลบเจตจำนงของจักรพรรดิ จะมีใครในโลกที่มีความสามารถเช่นนี้?
ลู่เซียวไม่มีกลิ่นอายที่ห่างเหินและไม่แยแสเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความแค้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถสงบสติอารมณ์ได้หลังจากประสบกับสิ่งเดียวกันกับที่เขาเพิ่งพบมา
เมื่อเห็นว่าลู่เซียวยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนจากพระราชวังตะวันออกก็รู้สึกราวกับได้ร่วงหล่นจากสวรรค์ลงมาสู่นรก
ปี่หลิงหลงรีบพูดกับซูอันว่า “เจ้าหนีไป ไม่ต้องห่วงพวกเรา… หือ?” ทันใดนั้น นางก็สังเกตเห็นว่าซูอันไม่ได้อยู่เคียงข้างนางอีกต่อไป พริบตาเดียวซูอันก็ไปอยู่ต่อหน้าลู่เซียวแล้ว
คนอื่นหมดหวัง แต่เขาไม่เป็นเช่นนั้น เขารู้สึกได้อย่างดีว่า แม้ลู่เซียวจะยังมีชีวิตอยู่ แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่มีทางต่อสู้กลับได้ในขณะนี้ ยิ่งซูอันรอนานเท่าไร ความลำบากก็จะยิ่งมากขึ้นเมื่อลู่เซียวฟื้นตัว
ลู่เซียวไม่คาดคิดว่าซูอันจะเคลื่อนไหวรวดเร็วขนาดนี้เช่นกัน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจในขณะที่ถอยหนีด้วยความตื่นตระหนก โดยปกติด้วยการบ่มเพาะของเขา การหลีกเลี่ยงการโจมตีเช่นนี้ทำได้ง่ายมาก อย่างไรก็ตาม เขากำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส ความจริงที่สามารถรอดชีวิตมาได้นั้นเป็นปาฏิหาริย์ในตัวมันเอง เขาจะสกัดกั้นการโจมตีในตอนนี้ได้อย่างไร?
กระบี่ของซูอันกำลังจะตัดคอของลู่เซียว แต่ทันใดนั้นก็มีแสงแวบผ่านมา กระบี่ที่จะปลิดชีวิตลู่เซียวถูกปัดทิ้งไปในทันที
ซูอันรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมขนาดใหญ่พาดผ่าน และเกือบสูญเสียการเกาะกุมกระบี่ไท่เอ๋อร์ ทว่าเขาไม่ลังเลและยังคงแทงไปที่ลู่เซียว ถือโอกาสอันยอดเยี่ยมนี้ฆ่าผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ให้ได้ เขาเลิกใช้ทักษะกระบี่เกล็ดหิมะและเปลี่ยนไปใช้เพลงกระบี่ปราบมารแทนเพื่อปิดบัญชีศัตรูให้เร็วที่สุด
ร่างกายของซูอันกลายเป็นภาพลวงตาที่โจมตีจากหลายทิศทางอย่างต่อเนื่อง น่าเสียดายที่การโจมตีของเขาถูกหยุดด้วยแสงเส้นนั้นเสมอ ไม่ว่าจะโจมตีจากมุมบ้า ๆ แบบไหน ใช้อุบายแบบไหน แนวแสงนั้นสกัดกั้นการโจมตีของเขาเสมอ
………………..