เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1222 สั่งเสีย
บทที่ 1222 สั่งเสีย
ด้วยเหตุนี้ ซูอันจึงใช้ ‘คีย์บอร์ด จงมา!’ และตะโกนว่า “กางเกงเจ้าหลุดตูดแล้ว!”
เว่ยผิงหยางที่กำลังรู้สึกพอใจในความเร็วและจังหวะการโจมตีของตัวเองก็รู้สึกเย็นหว่างขาขึ้นมาทันที เมื่อก้มลงไปมองจึงเห็นว่าน้องชายของเขากำลังห้อยโตงเตงอยู่ในสายลม
เว่ยผิงหยาง ลู่เซียว และเหอหลี่ต่างพูดไม่ออก
“ไอ้สารเลว ข้าจะหั่นเจ้าป็นพันชิ้น!” เว่ยผิงหยางรู้สึกอับอายเกินจะทานทนที่โชว์ช้างน้อยต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมาย!
—
ท่านยั่วยุเว่ยผิงหยางสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999 +999 +999…
—
ซูอันคร่ำครวญอย่างนึกเสียดาย เขาอยากฉวยโอกาสนี้โต้กลับ แต่จิตวิญญาณของระดับปรมาจารย์นั้นทรงพลังเกินไปและสามารถมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของเขา แม้ว่าเว่ยผิงหยางจะจับกางเกงด้วยมือข้างหนึ่ง แต่มืออีกข้างก็ยังตั้งท่าจะแทงซูอันอยู่ดี
“กางเกงเจ้าหลุดอีกแล้ว!” ซูอันใช้ทักษะเดิมอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของเว่ยผิงหยาง น่าเสียดายที่มันไม่ได้ทำอะไรมาก แสงวูบวาบรอบตัวของเว่ยผิงหยางและกางเกงของเขายังคงอยู่ที่เดิม
เสียงของหมี่ลี่กล่าวว่า “ผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์สามารถสร้างอาณาเขตวิญญาณรอบตัวเพื่อต้านทานผลบางอย่างของวิญญาณประกาศิตได้ เผ่าพันธุ์มังกรคงจะครองโลกไปแล้วถ้าวิญญาณประกาศิตไม่มีจุดอ่อนเลย”
ซูอันหลบเลี่ยงการโจมตีของเว่ยผิงหยางด้วยความยากลำบาก ในขณะที่ตอบด้วยการหัวเราะอย่างฝืนใจ “ท่านช่วยตอบข้าเวลาเรียกหาตลอดเวลาได้ไหม? นี่มันน่ากลัวจริง ๆ รู้ไหม?”
หมี่ลี่พูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้าบอกแล้วว่าอย่าพึ่งข้า ข้าจะไม่ช่วยเจ้า”
“ท่านจะไม่ช่วยแม้ว่าข้าจะถึงคราวตาย?” ซูอันสงสัย “ถ้าข้าตาย ท่านก็ไม่รอดเหมือนกัน!”
“อย่าพยายามขู่ข้า เจ้าเป็นคนสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาเอง อยากเล่นบทเป็นพระเอกก็ควรเตรียมพร้อมสำหรับผลที่ตามมา” หมี่ลี่ตอบ
ซูอันรู้สึกรำคาญ “ข้าไม่เชื่อว่าตัวเองจะไม่รอด” เขาไม่รู้สึกอยากคุยกับหมี่ลี่อีกต่อไปและพุ่งเข้าหานักรบเดนตายของคฤหาสน์ราชันลมปราณ
เว่ยผิงหยางถามด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าพยายามใช้คนของคฤหาสน์ราชันลมปราณเป็นที่กำบังหรือไม่? มันไม่มีความหมาย ข้าสามารถแยกแยะศัตรูผ่านจิตวิญญาณได้อย่างชัดเจน” กระบี่บินของเขาไล่ตามซูอัน
ซูอันหัวเราะเบา ๆ “ใครบอกว่าข้าจะใช้พวกมันเป็นเกราะกำบัง? ข้าแค่ไม่อยากเสียท่าไม้ตายของตัวเองไป กระบี่เหรอ? ข้าก็มีเหมือนกัน!”
ขณะที่พูดจบ เขาก็เรียกหงส์ฟ้าออกมา มันพุ่งตัวขึ้นสู่ฟ้ากู่ก้องเสียงดังกระหึ่มขณะที่ร่างของหงส์ฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ทิ้งตัวลงมาราวกับร่วงหล่นจากสรวงสวรรค์สร้างความเสียหายอย่างอเนกอนันต์แก่บริเวณทั้งหมด
“อ๊าาาก!”
คลื่นแห่งความเศร้าโศกตามมา นักรบเดนตายของคฤหาสน์ราชันลมปราณหลายคนเสียชีวิตทันทีภายใต้พลังงานกระบี่อันชั่วร้าย เหลือรอดเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง แต่ก็แทบจะไม่สามารถยืนหยัดได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ
เหล่าทหารของคฤหาสน์ราชันลมปราณซึ่งอยู่ไกลออกไปมองมาทางพวกเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสยดสยอง กว่าครึ่งของพวกเขาถูกฆ่าโดยคนคนเดียวภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
“ท่านซู สุดยอด!” หลิวเซียนโห่ร้องอย่างอ่อนแรงจากบริเวณใกล้เคียง
ลูกธนูสามดอกปักอยู่ที่หลังของหลิวเซียนและครึ่งหนึ่งของใบมีดติดอยู่ที่หัวไหล่ มีแผลเป็นทางยาวทั่วท้องของเขา และแม้แต่อวัยวะภายในก็กำลังจะทะลักออกมา มีเพียงมือข้างเดียวที่กอบกุมเอาไว้ได้ ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตไปทุกขณะ
การบ่มเพาะของหลิวเซียนไม่สูงนักตั้งแต่เริ่มต้น แม้แต่การเผาผลาญแก่นแท้โลหิตก็ยังพาเขามาสู่ขั้นสูงสุดของระดับหกเท่านั้น มีบุคคลไม่กี่คนจากคฤหาสน์ราชันลมปราณที่อยู่ในระดับเดียวกับเขา เมื่อรวมกับจำนวนทั้งหมด แม้ว่าคนจากตระกูลหลิวจะพยายามปกป้องเขาอย่างสุดกำลัง แต่บาดแผลบนร่างกายก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในที่สุด คนของตระกูลหลิวก็ล้มลงทีละคน แม้ว่าเขาจะฆ่าศัตรูไปมากมาย แต่บาดแผลกลับรุนแรงขึ้นทุกที
ฝ่ายวังตะวันออกเสียเปรียบตั้งแต่แรก หลังจากการสู้รบอันขมขื่น พวกเขาเกือบถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น เหลือเพียงหลิวเซียนและทหารอีกสองสามคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากความขุ่นเคืองหมดไป หลิวเซียนก็ทนไม่ได้อีกต่อไปและล้มลงกับพื้น
ซูอันรีบวิ่งไปพยุงเขา เมื่อเห็นว่าพลังชีวิตของหลิวเซียนใกล้จะหมดแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอโทษ “ขอโทษนะที่ข้าไม่สามารถช่วยพวกเจ้าทั้งหมดได้”
ก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถเสียสมาธิได้เมื่อเผชิญหน้ากับเว่ยผิงหยางและเหอหลี่ เมื่อถึงเวลาที่เขามาช่วยคนของวังตะวันออกก็เหลือเวลากันไม่มากแล้ว
“เราตัดสินใจที่จะสละชีวิต ไม่ได้คิดหาทางรอดเผื่อไว้แต่แรกแล้ว” หลิวเซียนหัวเราะเบา ๆ รอยยิ้มตามปกติของเขาตอนนี้ดูกล้าหาญและไร้กังวลเป็นพิเศษ
“มีอะไรจะฝากบอกใครไหม?” ซูอันถามอย่างจริงจัง
“แน่นอน… มีหลายสิ่งหลายอย่าง” สีหน้าของหลิวเซียนซีดเผือดราวกับว่าโลหิตทั้งร่างกายได้ไหลรินออกมาจนหมดสิ้น เสียงของเขาก็เงียบลงและแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ “ข้ารู้ว่าทุกคนในเมืองหลวงดูถูกข้า แต่ข้าไม่มีพรสวรรค์ แล้วข้าจะทำยังไงได้?”
“ถ้าท่านมีชีวิตรอดออกจากที่นี่ไปได้ บอกพ่อของข้าว่า ข้ารู้ว่าหลายปีมานี้เขาถูกเยาะเย้ยเพราะข้า แต่อย่างน้อยที่สุด เวลานี้เขาสามารถยืดอกออกมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ ลูกชายของเขาไม่ใช่ขยะที่เอาแต่เล่นกับผู้หญิง!”
ซูอันพูดอย่างจริงจังว่า “มันจะไม่ใช่แค่พ่อของเจ้า ทุกคนในเมืองหลวงจะรู้เรื่องนี้”
“ข้าก็ไม่อยากตายในต่างมิติเหมือนกัน… ถ้ามีโอกาส โปรดให้คนของตระกูลหลิวเข้ามานำศพของข้าออกไป แต่ข้าไม่ต้องการถูกฝังในสุสานบรรพบุรุษของตระกูลหลิวเช่นกัน ไม่เช่นนั้นข้าอาจทำให้บรรพบุรุษเหล่านั้นขุ่นเคืองได้”
“การตายของข้าช่างน่าสมเพชเกินไปหน่อย มันจะทำให้ชื่อเสียงของข้าเสื่อมเสียในฐานะผู้ชายที่หล่อเหลาและมีความมั่นใจ ดังนั้นเผาข้าให้เป็นเถ้าถ่านเถอะ จากนั้นโปรยขี้เถ้าของข้ากลางแม่น้ำข้างหอสู่สวรรค์ เมื่อใดก็ตามที่สาว ๆ จากหอสู่สวรรค์เฝ้าดูคลื่นลมในแม่น้ำ พวกนางจะรู้ว่าข้ากำลังส่งคำทักทายพวกนางอยู่”
“เฮ้อ เสียใจ… เดิมทีข้าวางแผนที่จะปราบแม่นางฉีด้วยเสน่ห์ที่แท้จริงของข้าเมื่อเราออกจากมิติลับนี้…”
…
เสียงของหลิวเซียนแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ และเงียบลงในที่สุด แม้ในความตาย ดวงตาของเขาก็ยังเบิกกว้างราวกับยังมีความปรารถนาอันแรงกล้ามากมายที่ยังไม่บรรลุผล
ซูอันปิดตาให้เขาอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเจ้าทำสิ่งเหล่านี้ให้สำเร็จอย่างแน่นอน”
“แม้แต่ตัวเองยังเอาชีวิตไม่รอดด้วยซ้ำ แต่อยากช่วยคนอื่นให้สมความปรารถนางั้นเหรอ?” ร่างหนึ่งยืนขึ้นในขณะที่ตัวสั่น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผล เหลือเพียงเศษเสื้อผ้ากะรุ่งกะริ่งจนดูเหมือนขอทาน ทว่าดวงตาคู่นั้นยังคงเฉียบคม เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของเขาไม่ร้ายแรงเท่าที่เห็น
เว่ยผิงหยางพูดอย่างเกลียดชังว่า “ข้าต้องยอมรับว่าเจ้ามีความสามารถ ไอ้สารเลว เจ้าผลักดันเรามาไกลมากจริง ๆ การโจมตีเมื่อครู่ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน โชคไม่ดีที่มันยังไม่พอที่จะฆ่าข้าได้”
หัวใจของซูอันจมดิ่งลง นั่นเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถกำจัดคู่ต่อสู้ได้ ตามที่คาดไว้ เจ้าไม่สามารถเอาชนะคนที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ได้ เว้นแต่เจ้าจะเป็นปรมาจารย์เช่นกัน”
………………..