เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1232 ผิดปกติ
บทที่ 1232 ผิดปกติ
“ฮะ? ไอ้อ้วนอย่างเจ้ากล้ามาจ้องหน้าข้างั้นเหรอ” เหอหลี่ไม่ชอบเลยเมื่อเห็นจ้าวรุ่ยจื่อมองมา โดยปกติแล้วเขามักจะต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้แรงกดดันของลู่เซียวและเว่ยผิงหยาง และวันนี้เขาไม่สามารถแม้แต่จะสอนบทเรียนให้กับซูอันสารเลวนั่น ในใจเปี่ยมล้นด้วยความแค้น แม้ว่าข้าจะจัดการกับพวกมันไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะจัดการกับไอ้อ้วนนี่ไม่ได้!
จ้าวรุ่ยจื่อพูดอย่างเย็นชาว่า “ความจริงที่ว่าเจ้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ถือเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว” เขาไม่รีบร้อนที่จะไล่ตามซูอัน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ชายหญิงทั้งสองย่อมไม่สามารถออกจากขอบเขตเจตจำนงแห่งสวรรค์ของเขาได้
“เจ้ากล้าพูดกับข้าผู้เฒ่าเช่นนี้เหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิหรือไร?” เหอหลี่รู้สึกขาดความมั่นใจอย่างประหลาดภายใต้ท่าทางเหยียดหยามของอีกฝ่าย แต่ความคิดที่ว่าตัวเองหวาดกลัวต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกแย่กว่า เขากลัวเจ้าอ้วนโง่นี่จริงเหรอ? ถ้าลู่เซียวและคนอื่น ๆ รู้เรื่องนี้ ต่อไปเขาจะอยู่รอดในคฤหาสน์ราชันลมปราณได้อย่างไร ทุกคนจะไม่เยาะเย้ยเขาทุกวันเหรอ?
เหอหลี่โกรธมากขึ้นเมื่อมีความคิดเหล่านี้ เขาซัดฝ่ามือบินไปที่ใบหน้าของเจ้าอ้วน แล้วตะโกนว่า “น้ำหน้าอย่างเจ้านี่นะ!”
“…ฮะ?” เหอหลี่ตกใจเมื่อพบว่าลำคอตัวเองอยู่ในมือของรัชทายาทแล้ว จากนั้นรัชทายาทก็ยกตัวเขาขึ้น ขาทั้งสองเตะไปรอบ ๆ แต่ปลายเท้าแตะพื้นไม่ได้เลย
เหอหลี่ต้องการที่จะทำให้รัชทายาทหวาดกลัวด้วยการบ่มเพาะของตัวเอง แต่ทันทีที่เขารวบรวมกำลัง มันก็ถูกพลังลึกลับทำให้กระจัดกระจาย เขารู้สึกอ่อนแอยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในหอคณิกาสามวันสามคืนเสียอีก
แต่จ้าวรุ่ยจื่อเพียงแค่มองพวกเขาอย่างเย็นชา พลังอันหาที่เปรียบมิได้กระเพื่อมออกมาจากร่างกาย และผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณต่างรู้สึกว่าความกล้าหาญทั้งหมดหายไป พวกเขาคุกเข่าลงทีละคน ๆ ตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“แรงกดดันนี้… เจ้า…จักรพรรดิ!” เหอหลี่อยู่ที่ขั้นสูงสุดของระดับเก้า จึงเต็มไปด้วยประสบการณ์และตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น เขากลัวมากจนน้ำตาเริ่มไหล “ฝ่าบาท ข้ารับใช้ผู้นี้สมควรตาย! กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่พิโรธขุ่นเคือง กระหม่อมเต็มใจรับใช้ฝ่าบาท! นับแต่วันนี้ไป กระหม่อมยอมศิโรราบ… ฝ่าบาท โปรดให้โอกาสกระหม่อมด้วยเถิด ฝ่าบาท…” ไม่มีร่องรอยของความเย่อหยิ่งหลงเหลืออยู่ในน้ำเสียงขณะที่เขาขอร้องและอ้อนวอน
ปกติเหอหลี่จะไม่กล้าต่อต้านจักรพรรดิ เหตุผลเดียวที่เขามักจะทำแบบนั้นก็เพราะราชันลมปราณคอยปกป้องเขาจากเบื้องบน เขาไม่เคยต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิด้วยตัวเอง เผชิญหน้าแต่กับผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้าม การข่มเหงกดขี่นั้นสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ที่เขาเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ เขาได้เรียนรู้ถึงความสิ้นหวังอย่างแท้จริง
“โทษของเจ้าสมควรตายหมื่นครั้ง!” จ้าวรุ่ยจื่อพูดอย่างเย็นชา ขณะที่เขากำลังจะฆ่าเหอหลี่ แผ่นดินก็สั่นสะเทือน พื้นดินที่อยู่ข้างใต้เริ่มสูงขึ้นและลดลงเหมือนคลื่น ไม่มีใครสามารถยืนได้อย่างมั่นคง
เสียงดังมาจากใต้ดิน ในป่าอันไกลโพ้น คลื่นของเสียงร้องที่ลึกลับปรากฏขึ้นราวกับว่ามีสัตว์อสูรบางตัวกำลังร้องโหยหวน
จ้าวรุ่ยจื่อลอยขึ้นไปในอากาศล่วงหน้า คนของราชันลมปราณนอนทรุดลงกับพื้น เขาบินสูงขึ้นและมองไปในระยะไกล พึมพำกับตัวเอง “พื้นที่ที่นี่เริ่มไม่มั่นคง มีบางอย่างไม่ถูกต้องในมิติลับนี้”
จ้าวรุ่ยจื่อถอนสายตา เห็นว่าเหอหลี่ซึ่งยังอยู่ในมือของเขานั้นหวาดกลัวจนใบหน้าซีดไปหมดและร่างกายอ่อนปวกเปียก ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วเพราะได้กลิ่นปัสสาวะ ชายตามองกางเกงเปียก ๆ ของเหอหลี่ด้วยแววตาแสดงความรังเกียจ “น่าขยะแขยง!”
จ้าวรุ่ยจื่อโยนเหอหลี่ลงไปบนพื้น เหอหลี่รู้สึกมีความสุขมากกว่าความโกรธ เขายันกายลงหมอบเคารพ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ไม่สังหารกระหม่อม! ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ของคฤหาสน์ราชันลมปราณก็เริ่มร้องขอชีวิตเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะได้รับการบ่มเพาะอย่างเข้มงวด แต่ความปรารถนาที่จะต่อสู้ก็ถูกบดขยี้โดยการปรากฏตัวของจักรพรรดิที่น่าสะพรึงกลัว พวกเขาไม่มีความปรารถนาที่จะต่อต้านอีกต่อไป
จ้าวรุ่ยจื่อพูดอย่างเฉยเมยว่า “มีเรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในมิติลับนี้ และพวกเจ้าทุกคนอาจมีประโยชน์ต่อข้า พิสูจน์คุณค่าของพวกเจ้าดีกว่า”
“เข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ!” ร่างกายทั้งหมดของเหอหลี่สั่นในขณะที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เว่ยผิงหยางอยู่ที่ไหน?” จ้าวรุ่ยจื่อถาม
“ผู้ต่ำต้อยคนนี้ใช้เส้นทางที่แตกต่างกันเพื่อไล่ล่าเป้าหมายในทิศทางต่าง ๆ ตอนนี้เขาควรจะไล่ตามคนจากพระราชวังตะวันออกไป” เหอหลี่อยากจะตอบว่าไม่รู้ แต่กลัวว่านั่นจะทำให้เขาดูไร้ประโยชน์ เขาคิดจะใส่ร้ายเว่ยผิงหยางด้วยเช่นกัน ในภายหลัง ผู้ชายคนนั้นอาจเปลี่ยนข้างไม่ได้ด้วยซ้ำ
จ้าวรุ่ยจื่อหลับตา และเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็แผ่ออกไปด้านนอก
เหอหลี่รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างพัดผ่านจิตวิญญาณก่อให้เกิดอาการประหม่าเหลือประมาณ แต่ในใจก็รู้สึกชื่นชมเช่นกัน ราชันลมปราณเคยกล่าวไว้เสมอว่าพระราชวังทั้งหมดอยู่ภายใต้เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิ หากมีอะไรเกิดขึ้นก็ยากที่จะรอดพ้นจากการตรวจจับของพระองค์ไปได้ ในตอนนั้นทุกคนไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้เขาเข้าใจสิ่งที่ราชันลมปราณพูดแล้ว เฮ้อ! แม้ว่าราชันลมปราณจะน่าเกรงขาม แต่เมื่อเทียบกับจักรพรรดิก็ยังห่างชั้นกันอยู่มาก
เขาไม่กล้าถามว่าทำไมรัชทายาทถึงได้กลายเป็นจักรพรรดิ เขารู้ว่ายิ่งรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นเท่านั้น และก็รู้ด้วยว่าแผนการอันยิ่งใหญ่ของราชันลมปราณนั้นอยู่ในการควบคุมของจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์ ความพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว การเปลี่ยนข้างเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล
“ตาย?” เหอหลี่ตกตะลึง มีใครอีกบ้างในมิติลับแห่งนี้ที่สามารถฆ่าปรมาจารย์อย่างเว่ยผิงหยางได้? “อย่าบอกนะว่าเป็นซูอัน? ไอ้สารเลวนั่นน่ากลัวจริง ๆ”
จ้าวรุ่ยจื่อมองเหอหลี่อย่างเย็นชา ไอ้ปากสุนัขนี่! ซูอันเพิ่งจากไปพร้อมกับองค์หญิงรัชทายาท แต่ตอนนี้ข้ากำลังยกย่องมันอยู่เหรอ? ข้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม? เขาเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างรวดเร็ว “ไอ้เด็กนั่นเต็มไปด้วยแผนการ เว่ยผิงหยางอาจเสร็จมันไปแล้วก็ได้พะย่ะค่ะ” ว่าแต่องค์หญิงรัชทายาทเป็นลูกสะใภ้หรือผู้หญิงของจักรพรรดิ? ราชวงศ์กำลังยุ่งเหยิงอย่างแท้จริง …
จ้าวรุ่ยจื่อเกรี้ยวกราดและชี้ไปทางทิศตะวันตก “พวกเจ้าทุกคนไล่ตามไปทางนั้น จับตัวซูอันมาให้ได้ รายงานข้าทันทีที่สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง”
“เข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ!” เหอหลี่มีความสุขมาก ความจริงที่ว่าเขาได้รับภารกิจหมายความว่าสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกระยะหนึ่ง
จู่ ๆ เขาก็นึกถึงบางอย่างหลังจากก้าวไปสองสามก้าว เหตุใดฝ่าบาทจึงตรัสถามเฉพาะเว่ยผิงหยาง ไม่ตรัสถามถึงลู่เซียว
เว้นเสียแต่ว่า…
เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาเมื่อคิดเช่นนั้น
เขาเห็นเพียงจ้าวรุ่ยจื่อยืนเอามือไพล่หลัง เหม่อมองภูเขาที่อยู่ไกลออกไป เขาไม่กล้าจ้องมองจักรพรรดินานเกินไปและจากไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวรุ่ยจื่อยืนอยู่ที่นั่นในขณะที่คิดว่ามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในมิติลับหลายครั้งแล้ว เมื่อนึกถึงว่าสัตว์อสูรในมิติลับทั้งหมดดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าโลกกำลังเปลี่ยนไป
………………..