เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1233 มิติลับวิญญาณ
บทที่ 1233 มิติลับวิญญาณ
“มิติลับวิญญาณ?” ดวงตาของจ้าวรุ่ยจื่อเปล่งประกาย เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นพลังชี่กำลังพุ่งพล่าน อาคารบางหลังแตกต่างจากที่คุ้นเคยอย่างสิ้นเชิงจนแทบจะมองไม่เห็นในระยะไกล ราวกับว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา
สิ่งที่เรียกว่า ‘มิติลับวิญญาณ’ ปรากฏขึ้นเมื่อมิติลับสองแห่งจบลงด้วยการตัดกันเชิงมิติเนื่องจากเหตุบังเอิญหลายอย่าง โดยปกติมิติลับเดียวจะปรากฏขึ้น แต่ในบางช่วงเวลาเมื่อตรงตามเงื่อนไขพิเศษ มิติลับอื่นที่ซ่อนอยู่อาจปรากฏขึ้นแทนที่มิติลับหลัก ทว่ามันคงอยู่ได้ไม่นาน หากพลาดโอกาสนี้อาจใช้เวลาหลายศตวรรษหรือหลายพันปีก่อนที่มิติลับวิญญาณอื่นจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
แม้จะมีความรู้และประสบการณ์ในฐานะจักรพรรดิ แต่เขาก็เห็นเพียงบางสิ่งที่คล้ายคลึงกันในบันทึกโบราณ มิติลับวิญญาณเต็มไปด้วยโอกาสอันยิ่งใหญ่
มันเป็นแนวคิดที่เข้าใจง่าย มิติลับส่วนใหญ่เคยถูกสำรวจมาแล้วหลายครั้ง หากมีสมบัติใด ๆ อยู่ข้างใน พวกมันจะถูกนำออกไปนานแล้ว มิติลับที่ปรากฏขึ้นทุก ๆ สองถึงสามพันปีบ่งบอกถึงโลกใหม่ที่ลึกลับและอันตราย แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสเช่นกัน
ในฐานะผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังที่สุดในโลก เขาไม่ต้องการสมบัติหรือโอกาสใด ๆ แต่ยังมีบางอย่างที่เขาต้องการนั่นคือ ชีวิตนิรันดร์ การครอบครองร่างนี้เป็นสิ่งที่เขาทำเพราะไม่มีทางเลือก ถ้ามีโอกาส ใครล่ะจะไม่อยากให้ร่างเดิมมีชีวิตต่อไปตลอดกาล?
มิติลับวิญญาณนี้ที่มีแต่ในตำนานเท่านั้นที่สามารถครอบครองความลับของความเป็นอมตะได้เป็นอย่างดี
เป็นไปได้ไหมว่า โลกนี้เข้าใจความทะเยอทะยานของตัวข้าจักรพรรดิ จึงตัดสินใจให้โอกาสนี้แก่ข้า? ฮ่า ๆๆ โอรสสวรรค์ย่อมได้รับพรจากฟ้าดิน! ดวงตาของจ้าวรุ่ยจื่อลุกโชนอย่างรุนแรงเมื่อมีความคิดเหล่านี้
ทางด้านซูอันกับปี่หลิงหลง พวกเขากำลังวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอย่างกะทันหัน พวกเขาก็หยุดเช่นกัน
ปี่หลิงหลงไม่สามารถยืนนิ่งอยู่บนพื้นที่สั่นสะเทือนแห่งนี้ได้ นางร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกและตกอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของซูอัน
“เจ้าเป็นอะไรไหม?” ซูอันจับนางและบินขึ้นฟ้า เขาไม่กล้าบินสูงเกินไปและอยู่สูงจากพื้นเพียงเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นจักรพรรดิจะสามารถมองเห็นพวกเขาได้จากระยะไกล
“ข้าไม่เป็นไร” ปี่หลิงหลงหน้าแดงเมื่อถูกกอด สัญชาตญาณทำให้นางต้องการผลักเขาออกไป
แต่ทั้งสองกำลังอยู่กลางอากาศ! นางจะตกลงสู่พื้นหากทำอย่างที่คิด พื้นดินเบื้องล่างเหมือนระลอกคลื่นขึ้น ๆ ลง ๆ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เพื่อคลายความขัดเขิน นางรีบถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ซูอันส่ายศีรษะ “ไม่รู้สิ ข้ารู้สึกเหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไปในมิติลับนี้ องค์ประกอบเชิงมิติที่นี่ไม่เสถียรอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญอาจเกิดขึ้นกับสถานที่แห่งนี้ในไม่ช้า”
ปี่หลิงหลงเป็นองค์หญิงรัชทายาทผู้เคร่งครัด แต่นางก็ยังอ่อนโยนและน่ารักเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา ตามที่คาดไว้ แม้แต่ผู้หญิงที่แกร่งที่สุดก็ยังนุ่มนวลเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอด
ซูอันถอนหายใจด้วยความประหลาดใจเมื่อได้กลิ่นหอมอันหรูหราจากเสื้อผ้าของนาง มีคำกล่าวเสมอว่าการตายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งก็เป็นเรื่องโรแมนติกเช่นกัน เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง หากเขามีเวลาอีกสองสามปีอาจจะพอกล้อมแกล้มสู้กับจักรพรรดิได้แต่ตอนนี้ ความแตกต่างระหว่างพวกเขามีมากเกินไป…
“เราใกล้ชิดกันขนาดนี้แล้ว จะแยกความแตกต่างระหว่างเราสองคนเพื่ออะไร? อะไรที่เป็นของข้าก็เป็นของท่าน และอะไรที่เป็นของท่านก็เป็นของข้าเหมือนกัน” ซูอันตอบด้วยรอยยิ้ม
“ใครจะอยากใกล้ชิดเจ้า!” หมี่ลี่ไม่พอใจ “ปกติเจ้าไม่ใช่คนที่ให้เกียรติข้าเลย ข้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว! เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกข้าว่าพี่หญิงใหญ่หรืออะไรก็ตาม ระหว่างเราจะเป็นแค่อาจารย์กับศิษย์”
“อาจารย์กับศิษย์?” ซูอันทวนคำด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“อะไร เจ้าไม่เต็มใจเหรอ?” หมี่ลี่พูดเสียงเข้ม “ถ้าเจ้าไม่ได้รับคำแนะนำจากข้า เจ้าคิดว่าตัวเองจะเติบโตมาถึงจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้ไหม? เจ้าไม่รู้หรอกว่ามีกี่คนที่พยายามจะเป็นศิษย์ของข้า แต่ข้าก็ไม่ได้มองพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทำไมเจ้ายังลังเลในเมื่อข้าบอกว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์”
“แน่นอน ข้าเต็มใจ” ซูอันหัวเราะเบา ๆ หลังจากอยู่ใกล้นางมานาน ทั้งสองคนก็ไม่ระวังตัวกันเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว แต่กลับไว้วางใจซึ่งกันและกันแทน สิ่งที่นางสอนทำให้เขาได้รับประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะความรู้ของนางที่อยู่เหนือกาลเวลา “แต่การเป็นพี่น้องกันมันไม่ดีเหรอ? ทำไมจู่ ๆ ท่านถึงอยากให้ข้าเรียกว่าอาจารย์”
“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนั้น” หมี่ลี่กระแอม “เจ้าเต็มใจหรือเปล่า?”
“แน่นอน” ซูอันไม่ถามอะไรมากเมื่อรู้สึกว่านางมีบางอย่างผิดปกติ “แต่ข้าไม่สามารถให้เกียรติท่านในฐานะอาจารย์ได้ ดูสิว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง?”
“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก แค่เรียกข้าว่าอาจารย์” หมี่ลี่กล่าว
“ลูกศิษย์ที่ดี” หมี่ลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน
ซูอันพูดไม่ออก ในตอนแรกเขาคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกว่านางทำเพื่อเอาเปรียบเท่านั้น? แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สำคัญ ไม่ว่าเขาจะเรียกนางว่าอาจารย์หรือไม่ก็ไม่ต่างกัน
จู่ ๆ ปี่หลิงหลงก็พูดขึ้น “โลกนี้นี่แปลกจริง ๆ เฮ้อ! สถานการณ์ของเราเลวร้ายมากพออยู่แล้ว ฝนก็ดันมาตกอีก…”
เมื่อได้ยินเสียงอันสิ้นหวังของนาง ซูอันก็ปลอบใจ “ตรงข้ามกับที่เจ้าพูดเลย เป็นเพราะฝนที่ตกมากะทันหันนี้เองที่ทำให้เรามีโอกาสรอด”
ปี่หลิงหลงตกตะลึง นางเป็นคนฉลาดเช่นกันจึงเข้าใจสิ่งที่เขาพูดได้อย่างรวดเร็ว นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม “แม้ว่าโดยปกติแล้วเจ้าจะทำตัวเหลวไหลอยู่เสมอ แต่ในสถานการณ์คับขัน เจ้ากลับเป็นคนใจเย็นมากกว่าคนอื่น”
“ช่วยไม่ได้ มันเป็นเพียงนิสัยที่ข้าได้รับหลังจากผ่านความเป็นความตายมาตลอด” ซูอันหัวเราะเบา ๆ
ปี่หลิงหลงตระหนักถึงบางสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน อันที่จริงนับตั้งแต่ที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเขาเป็นครั้งแรก นางพบว่าตั้งแต่ซูอันอยู่ในเมืองจันทร์กระจ่างเขาก็เดินบนหน้าผาระหว่างความเป็นและความตายมาโดยตลอด! นางรู้สึกทั้งเห็นใจและชื่นชม
ซูอันรู้สึกผิดในขณะที่พูดว่า “ขอโทษด้วย สุดท้ายข้าก็ทำให้เจ้ายุ่งวุ่นวาย หลังจากนี้เจ้าเป็นองค์หญิงรัชทายาทต่อไปได้ตามปกติ”
ปี่หลิงหลงส่ายหัว “ตั้งแต่เกิดเรื่องระหว่างเราที่วังร้อยดอกไม้ของสนมไป่ ไม่มีทางที่เขาจะทนต่อการมีอยู่ของข้าได้ เฮ้อ! ข้าไม่เคยคิดเลยว่ารุ่ยจื่อจะถูกฝ่าบาทครอบงำ”
แม้ว่านางจะไม่ได้รู้สึกรักรัชทายาทมากนัก แต่ก็อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาแบบในนามมาหลายปีแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดความรู้สึกผูกพันได้ แม้แต่แมวหรือสุนัขที่คอยอยู่เคียงข้างตลอดเวลา นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่เล็กน้อยเมื่อรู้ว่าบิดาของเขาเข้าสิงร่างราวกับภูตผี
………………..