เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1235 จุดจบของโลก
บทที่ 1235 จุดจบของโลก
“จรวดนำวิถี?” ซูอันพึมพำเมื่อเห็นว่า ไม่ว่าเขาจะหลบอย่างไรก็ไม่อาจสลัดให้หลุดจากแสงสีทองได้
“จรวดนำวิถีคืออะไร? สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาตรึงเจ้าไว้แล้ว แน่นอนว่าเจ้าไม่สามารถหลบหนีได้” หมี่หลี่พูดขึ้นในหัวของเขา
ปี่หลิงหลงยังกล่าวอีกว่า “ไม่ต้องกังวลกับข้า เจ้าหนีไปคนเดียวจะเร็วกว่า”
หมี่ลี่ตกใจมาก “ผู้หญิงคนนี้มีน้ำใจห้าวหาญจริง ๆ ”
ซูอันหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะทิ้งเจ้าและหนีไปคนเดียวได้ยังไง? เราจะจับมือตายไปด้วยกันและใช้ชีวิตร่วมกันในปรโลก”
จิตใจของปี่หลิงหลงสั่นสะท้าน คำสาบานรักนิรันดร์ของชายอื่นไม่ได้มีความหมายกับนางมากนัก เพราะหัวใจที่แท้จริงของมนุษย์เราสามารถเห็นได้ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตายเช่นนี้เท่านั้น เมื่อเห็นว่าเขาไม่เต็มใจที่จะทอดทิ้งนางแม้แต่ในเวลาเช่นนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนโยนขึ้น
จ้าวรุ่ยจื่อดูหงุดหงิดอย่างไม่น่าเชื่อ “จับมือตายไปด้วยกันเหรอ? ข้าจะตัดแขนขาของพวกเจ้าให้ขาด! มาดูกันว่าจะจับมือได้อย่างไร!” มือของเขาปัดออก และแสงสีทองอีกเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้าหาทั้งสองคน
แสงสีทองเพียงเส้นเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะผลักซูอันเข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง เขาเรียกหมี่ลี่ทันทีเมื่อเห็นริ้วที่สอง “พี่หญิงใหญ่… อาจารย์ ตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี!?”
ซูอันรู้ว่านางอาจจะอารมณ์เสียเพราะเขาไม่ได้ตอบนางก่อนหน้านี้ เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า “ข้าจะฟังทุกคำดุด่าของท่านเมื่อเรารอดพ้นจากหายนะครั้งนี้! โปรดช่วยข้าด้วย!”
เขาพยายามหลบหลีกทุกวิถีทาง แต่แสงสีทองนั้นได้บาดเสื้อผ้าของเขาไปหลายริ้วแล้ว ส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือ แสงสีทองกำลังเล็งไปที่ซูอันน้อยกลางหว่างขา หากตอบสนองไม่เร็วพอ เขาอาจกลายเป็นน้องชายของขันทีเหวิน! ก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างภูมิใจในขนาดของตัวเอง แต่ตอนนี้เพิ่งตระหนักได้ว่าทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย ขนาดใหญ่เกินไปยิ่งเป็นเป้าที่ใหญ่ทำให้การหลบเลี่ยงยากยิ่งขึ้น
หมี่ลี่เย้ยหยันเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จากนั้นนางก็พูดอย่างรวดเร็วว่า “เจ้าไม่สามารถวิ่งหนีได้หลังจากตกเป็นเป้าหมายของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ แสงสีทองนี้สามารถดูดซับพลังของโลกได้ ยิ่งนานเท่าไร พลังและความเร็วของมันก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แผนที่ดีที่สุดของเจ้าคือหยุดและเผชิญหน้ากับมันโดยตรง”
“เผชิญหน้ากับมันโดยตรง?” ซูอันขมวดคิ้ว ด้วยความแตกต่างในการบ่มเพาะของพวกเขา การเผชิญหน้ากันไม่เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายเหรอ?
แต่แสงสีทองทั้งสองได้ตัดเส้นทางการล่าถอยทั้งหมดแล้ว เขาไม่มีเวลาคิดมากเกินไป ได้แต่ชักกระบี่ไท่เอ๋อร์ออกมา
เขาใช้หงส์หิมะและกระบี่เกล็ดหิมะฟันไปที่แสงสีทองทั้งสองเส้น จากนั้นเปิดใช้งานหงส์ไฟ ดาบอัคคีขนาดใหญ่ที่แผดเผาไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงปรากฏขึ้นและฟาดฟันตามไปอีกกระบวนท่า
แม้ว่าพลังของหงส์ฟ้าจะยอดเยี่ยม แต่เขาไม่มีทักษะธาตุไม้ที่จะใช้กับมัน นอกจากนี้ แสงสีทองยังมาเร็วเกินไปจึงไม่มีเวลาให้คิดมากนัก
กล่าวคือ เขามีทักษะการต่อสู้ระดับสูงสำหรับธาตุน้ำแข็งและไฟ จึงไม่รีรอที่จะใช้พวกมันกระหน่ำโจมตีในทันที
ดวงตาของเหอหลี่เบิกกว้างเมื่อเห็นฉากนี้ ไอ้เด็กเวรนี่เข้าถึงธาตุทั้งสองได้จริง ๆ เหรอ? เหตุการณ์ตรงหน้านี้ได้โค่นล้มสามัญสำนึกของโลกแห่งการบ่มเพาะโดยสิ้นเชิง! ไม่แปลกใจเลยที่ซูอันจะแข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัวตั้งแต่อายุยังน้อย! ถ้าเด็กคนนี้เติบโตขึ้นไปอีก ความแข็งแกร่งของมันจะเกินจริงไปขนาดไหนกันนะ?
เฮ้อ! น่าเสียดายที่มันกำลังเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ อย่างไรก็เท่ากับตายไปแล้วเก้าในสิบส่วน แต่ถ้าเป็นอัจฉริยะล่ะ? มันอาจมีพรสวรรค์เช่นข้าที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ได้
จ้าวรุ่ยจื่อมองเห็นกระบี่เกล็ดหิมะและดาบอัคคีอย่างชัดเจนเช่นกัน คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย เด็กคนนี้มีพรสวรรค์งั้นเหรอ?
แต่เคยมีตัวอย่างของผู้ที่ปลุกพลังธาตุสองประเภทมาแล้ว เขาจึงไม่พบว่ามันน่าประหลาดใจขนาดนั้น มันทำให้ความตั้งใจของเขาที่จะฆ่าซูอันแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
“เจ้ากำลังประเมินตัวเองสูงเกินไป!” เขาคำราม แม้ว่ากระบี่เกล็ดหิมะและดาบอัคคีจะโดดเด่นทั้งคู่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอหากซูอันต้องการสกัดกั้นการโจมตีของเขา
แน่นอนว่ากระบี่เกล็ดหิมะและดาบอัคคีดูมีขนาดใหญ่กว่าแสงสีทอง แต่พวกมันก็กระจัดกระจายทันทีเมื่อสัมผัสกัน ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง แสงสีทองทั้งสองหรี่ลงอย่างเห็นได้ชัด
ซูอันรู้สึกสิ้นหวัง ความแตกต่างระหว่างพวกเขามีมากเกินไปแล้ว
“นำกระถางมังกรออกมา!” หมี่ลี่ตะโกน นางดูเหมือนจะตื่นตระหนกเช่นกัน
ซูอันไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับคำพูดของหมี่ลี่ เขาเรียกกระถางมังกรออกมา แสงสีทองสองสายดูเหมือนจะพุ่งเข้าใส่กระถางมังกรทันทีที่มันปรากฏขึ้น ทั้งสองสิ่งกระทบกันก่อให้เกิดเสียงดังสะท้านสะเทือน
ตู้ม!
คลื่นเสียงที่ทรงพลังกระเพื่อมออกไปด้านนอก ผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณทุกคนต่างเอามือปิดหู ใบหน้าซีดเซียว เลือดพุ่งออกจากหูและจมูกของผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำ
ซูอันซึ่งอยู่ใกล้กับแรงกระแทกมากที่สุด รู้สึกแย่มากเมื่อโลหิตและพลังชี่ปั่นป่วนในตัว อย่างไรก็ตาม แสงสีทองทั้งสองนั้นได้หายไปแล้ว
เตาหลอมสีเขียวหวีดเสียงต่ำ มีรอยร้าวจาง ๆ อยู่สองรอยบนผิวของมัน ซึ่งเกิดจากแสงสีทองทั้งสอง
ซูอันเสียใจอย่างมากเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หมี่ลี่กล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล เจ้าสามารถซ่อมแซมได้เมื่อเจ้าเรียนรู้วิธีปรับแต่งสมบัติ ฮึ่ม! ถ้าไม่ใช่เพราะกระถางมังกรไม่สมบูรณ์ แม้แต่การโจมตีเต็มกำลังของผู้ชายคนนี้ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมันได้”
“โอ้?” จักรพรรดิเห็นว่าเตาหลอมสีเขียวขนาดเล็กสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้จริงและยังคงอยู่เหมือนเดิม เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติวิเศษระดับอมตะ ไม่สิ มันอาจจะอยู่ในระดับเทพในตำนานก็ได้!
ด้วยการบ่มเพาะและสถานะ จักรพรรดิไม่สนใจสมบัติระดับอมตะเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นระดับเทพในตำนาน เขาต้องเอามันมาให้ได้ จ้าวรุ่ยจื่อเอื้อมแขนออกไปด้านหน้า บังเกิดมือที่มองไม่เห็นคว้าเตาหลอมสีเขียวไว้
ซูอันรู้สึกหวาดกลัว สัมผัสได้ว่ากระถางมังกรกำลังจะจากไปก่อนที่มือนั้นจะมาถึงเสียด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น มีแสงสีม่วงส่องลงมาจากด้านบน กระทบกับมือที่มองไม่เห็นนั้นและระเบิดมันเป็นจุณ
ดวงตาของจ้าวรุ่ยจื่อหรี่แคบลงในขณะที่เงยหน้าขึ้น ท้องฟ้าได้เปลี่ยนสีไปเสียก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น รอยแตกสีแดงตัดผ่านขอบฟ้า ราวกับเป็นดวงตาขนาดใหญ่
อสนีบาตจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากสวรรค์พร้อมกับพลังกดดันที่น่าสะพรึงกลัวราวกับวันสิ้นโลกมาถึง!
………………..