เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1239 จับข้าไม่ได้หรอก
บทที่ 1239 จับข้าไม่ได้หรอก
ทั้งสองหันกลับมา เห็นว่าจ้าวรุ่ยจื่อกำลังยืนอยู่บนเกาะอีกแห่ง ดวงตาแทบลุกเป็นไฟขณะที่กำลังจ้องมองมา จักรพรรดิไม่ได้ตกลงไปใน ‘อเวจีแห่งท้องฟ้า’ เบื้องล่าง แต่เขากลับพบเกาะลอยอีกแห่งที่ใหญ่กว่าเกาะที่ซูอันและปี่หลิงหลงอยู่มาก แผ่นดินมีลักษณะเป็นภูเขาลูกเล็ก ๆ เหอหลี่และผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณที่เหลือล้วนอยู่บนเกาะนั้น สัตว์อสูรบนเกาะทั้งหมดมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก ไร้อารมณ์ที่จะต่อสู้
ใบหน้าของปี่หลิงหลงซีดเผือดเมื่อเห็นดวงตาที่ลุกเป็นไฟคู่นั้น อำนาจของจักรพรรดิได้ทิ้งเงาที่ไม่มีวันดับลงในหัวใจของนางหลังจากหลายปีมานี้ เมื่อคิดว่าคงไม่มีทางรอดอีกแล้ว ในครั้งนี้นางจึงเขย่งปลายเท้าจูบซูอันโดยไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน
ซูอันตกตะลึง ไม่คิดว่านางจะทำอะไรแบบนี้ ผู้คนต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน คิดว่า ทำไมองค์หญิงรัชทายาทถึงทำอย่างนั้น?…
มีเพียงเหอหลี่เท่านั้นที่เผลอผิวปากออกมาอย่างไม่รู้กาลเทศะ เมื่อรู้สึกตัวเขาก็แอบถอยหลัง เขารอดมาได้หลังจากเผชิญกับกลียุคของโลก จึงไม่อยากมาตายตอนนี้เพราะยั่วยุความพิโรธของโอรสสวรรค์
“ดีมาก เจ้าทำได้ดีมาก!” จ้าวรุ่ยจื่อโกรธมากจนหัวเราะแทน “ตาย!” เขาบินพุ่งไปทันทีที่พูดจบ แม้ว่าจะอยู่ห่างจากกันสองสามร้อยจั้ง แต่แน่นอนว่าระยะทางนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ปี่หลิงหลงรู้สึกสิ้นหวัง กอดชายที่อยู่ข้าง ๆ ไว้แน่น ราวกับว่านางจะรู้สึกสบายใจขึ้นอีกนิด
ขนบนร่างกายทั้งหมดของซูอันลุกชัน แม้เขาจะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย แต่การยอมแพ้ไม่ใช่นิสัยของเขา
ซูอันมีความสุขมาก จักรพรรดิจะตายเพราะฟ้าผ่าไหม? วันนี้โชคของเขาพลิกผันเป็นดีจริง ๆ!
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ตั้งแต่แรกที่เขามาสู่โลกใบนี้ก็ถูกฟ้าผ่า บาดแผลนั้นทำให้เขารู้สึกกลัวเล็กน้อยทุกครั้งที่เห็นฟ้าแลบ แต่วันนี้จู่ ๆ เขาก็หลงรักสายฟ้าและเสียงฟ้าร้องคำรามขึ้นมา
แต่เขาก็ผิดหวังอย่างรวดเร็ว ร่างกายทั้งหมดของจ้าวรุ่ยจื่อส่องแสงสีทอง ก่อตัวเป็นม่านพลังทรงเปลือกไข่ปิดกั้นสายฟ้าเอาไว้
“เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่อีกเหรอ!?” ดวงตาของซูอันเบิกกว้าง ไม่ว่าเจตจำนงของเขาจะมั่นคงเพียงใด ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไร้พลังอย่างท่วมท้นต่อคู่ต่อสู้เช่นนี้
แต่โชคดีที่จ้าวรุ่ยจื่อไม่ได้มีช่วงเวลาที่ง่ายอย่างที่ซูอันคิด หลังจากต้านทานสายฟ้านับสิบสายแล้ว ม่านพลังสีทองของเขาก็เริ่มปริแยกจากรอยร้าวเล็ก ๆ ลุกลามไปจนแตกสลาย
เมฆด้านล่างและสายฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดดูเหมือนจะมาบรรจบกัน สีหน้าของจ้าวรุ่ยจื่อเปลี่ยนไป เขารีบกลับไปยังเกาะที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว เมฆค่อย ๆ สงบลงอีกครั้ง
ขณะที่เขายืนอยู่ที่ขอบเกาะและมองไปที่เมฆดำ สีหน้าของจ้าวรุ่ยจื่อก็กลายเป็นเคร่งขรึม แต่เมื่อเห็นซูอันและปี่หลิงหลงอยู่อีกด้านหนึ่ง ความโกรธก็พลุ่งพล่านอีกครั้ง เขายกมือขึ้น ชี้นิ้วและยิงลำแสงสีทองพุ่งตรงไปยังทั้งสอง ในเมื่อเขาไม่สามารถข้ามเกาะไปได้ เขาก็จะฆ่าพวกมันด้วยการโจมตีระยะไกล!
แต่สายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นหลายสายทันทีที่แสงสีทองออกจากเกาะของเขา พวกมันก็กระจัดกระจายไป
“หืม เมื่อสักครู่นี้เจ้ายุ่งมากเลยนี่? มัวแต่คุยกับองค์หญิงของเจ้า ในที่สุดก็จำได้ว่ามีข้าอยู่ด้วยงั้นเหรอ?” หมี่ลี่ตอบด้วยความไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม นางยังคงอธิบายว่า “มิติลับใหม่ปรากฏขึ้น ดังนั้นกฎของโลกกำลังถูกสร้างขึ้นใหม่ ธาตุของโลกอยู่ในสภาพไม่คงที่อย่างยิ่ง การพยายามใช้พลังอย่างบ้าบิ่นที่นี่รังแต่จะดึงธาตุบ้าดีเดือดเหล่านี้ออกมา การบ่มเพาะของจักรพรรดินั้นสูงมากจนทุกสิ่งที่เขาทำจะต้องได้รับพลังระดับสูงสุดในโลกนี้ โดยปกติแล้ว การโจมตีของเขาจะทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มั่นคงนี้ย่อมจะถูกโลกปฏิเสธแทน”
ซูอันรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ “หมายความว่าจักรพรรดิทำอะไรไม่ได้ใช่ไหม?”
“ขึ้นอยู่กับว่าหนักหรือเบา ยิ่งเขาใช้พลังมากเท่าไรก็ยิ่งถูกแรงกระแทกจากกฎของโลกนี้มากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้เจ้าน่าจะปลอดภัยแล้วล่ะ” หมี่ลี่กำลังจะพูดอะไรอีก แต่เห็นว่าซูอันยืนอยู่ที่ขอบเกาะแล้ว
ซูอันเริ่มเต้นรำและโบกไม้โบกมือต่อหน้าจ้าวรุ่ยจื่อพร้อมกับเย้ยหยันว่า “เจ้าจับข้าไม่ได้หรอก สงสัยข้าจะแข็งแรงเกินไป พวกขี้แพ้ ลาลาลา~”
หมี่ลี่ ปี่หลิงหลง และจ้าวรุ่ยจื่อต่างก็พูดไม่ออก แม้แต่หมี่ลี่ยังรู้สึกว่าเด็กเหลือขอคนนี้ต้องการการเฆี่ยนตีสั่งสอนอย่างยิ่ง นับประสาอะไรกับจักรพรรดิ
ดวงตาของจ้าวรุ่ยจื่อกลายเป็นสีแดงก่ำ โกรธจนควันแทบออกมาจากหู ร่างของเขาสั่นไหวขณะที่พุ่งเข้ามาหาซูอันอีกครั้ง ครั้งนี้เร็วกว่าครั้งที่แล้ว น่าเสียดายที่มันทำให้การสะท้อนกลับจากกฎของโลกนี้รุนแรงยิ่งขึ้น
สายฟ้าสีม่วงหลายสิบเส้นพุ่งเป็นตาข่ายรอบตัวจ้าวรุ่ยจื่อ เส้นขอบของเกาะเริ่มแตกปลิวว่อนจากระยะไกล จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าสายฟ้านี้ทรงพลังเพียงใด
ปี่หลิงหลงมองแหวนอัญมณีบนนิ้วของจ้าวรุ่ยจื่อด้วยความตกใจ นางเห็นมันสวมอยู่บนนิ้วมือของเขาเสมอ และคิดว่ามันเป็นเพียงเครื่องประดับที่จักรพรรดินีมอบให้เขาด้วยความรักต่อลูกชาย ปรากฏว่ามันเป็นสมบัติวิเศษ! สมบัติใด ๆ ที่สามารถป้องกันสายฟ้าได้นั้นย่อมถือเป็นระดับสูงสุด
น่าเสียดายที่พลังแห่งสวรรค์และโลกไม่ได้ถูกปิดกั้นอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นไม่นาน วงแหวนก็กะพริบแสงอย่างต่อเนื่อง จากนั้นทุกวงก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ หลังจากต้านทานไว้ได้เพียงชั่วลมหายใจ ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ซื้อเวลาให้จ้าวรุ่ยจื่อมากพอที่จะกลับไปยังเกาะของตัวเอง
จ้าวรุ่ยจื่อไม่สามารถสงบสติอารมณ์และมั่นใจเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไป ผมเผ้าถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง และมีรอยดำเกรียมหลายแห่งบนใบหน้า แขนทั้งสองข้างสั่นอยู่ในแขนเสื้อ ความเสียหายที่เขาได้รับย่อมไม่เบาอย่างแน่นอน…
ซูอันหัวเราะออกมาอย่างสมเพช เมื่อได้ยินคำอธิบายของหมี่ลี่ เขาก็ใช้ทักษะลมปากอาจมโดยไม่ลังเล บังคับให้จักรพรรดิโจมตีเขาทันที น่าเสียดายที่จักรพรรดิมีพลังมากขนาดที่แม้แต่ทะเลสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวก็ไม่อาจคร่าชีวิตได้
จ้าวรุ่ยจื่อมองซูอัน ดวงตาที่แดงก่ำค่อย ๆ จางไป จากนั้นเขาก็หันกลับเดินไปที่ภูเขาด้านหลัง
ซูอันตกตะลึง อะไรกัน? ทักษะลมปากอาจมสูญเสียประสิทธิภาพ? คำอธิบายบอกว่าผลของทักษะจะไม่สิ้นสุด เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายนี่นา!
………………..