เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1242 พัฒนาร่างกาย
………………..
บทที่ 1242 พัฒนาร่างกาย
ทันใดนั้น เสียงคำรามดังออกมาจากป่าด้านหลังขณะที่งูเหลือมบินออกมาเพื่อช่วยสกัดกั้นอุกกาบาต งูเหลือมตัวนี้มีความยาวหลายสิบจั้ง รัศมีของมันไม่ด้อยไปกว่าอสรพิษหยกจันทราที่ซูอันเคยต่อสู้มาก่อน สัตว์อสูรที่ทรงพลังอีกหลายตัวก็ออกมาปกป้องเกาะเช่นกัน
เมื่อสัตว์อสูรถึงระดับที่สูงขึ้น พวกมันก็จะพัฒนาความรู้สึกนึกคิด รู้ว่าหากเกาะถูกทำลาย พวกมันทั้งหมดก็จะจบสิ้นเช่นกัน ที่พวกมันไม่กล้าแสดงตัวก่อนหน้านี้เพราะกลัวต่อคลื่นพลังของจ้าวรุ่ยจื่อ แต่ตอนนี้สถานการณ์ดูเลวร้าย พวกมันไม่มัวแต่กังวลเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป
พวกมันแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณเสียอีก จ้าวรุ่ยจื่อรู้สึกกดดันน้อยลงทันที อดไม่ได้ที่จะมองดูสถานการณ์ของอีกเกาะ ริมฝีปากยกยิ้มเมื่อเห็นว่าซูอันกำลังดิ้นรนมากแค่ไหน
จ้าวรุ่ยจื่อไม่สามารถข้ามไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าสารเลวก็ดูเหมือนจะใกล้จะถึงจุดจบแล้ว หากซูอันตายภายใต้พลังของโลก นั่นอาจช่วยให้เขาระบายความคับแค้นใจได้ น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถจับตัวมันมาถลกหนังทั้งเป็นได้
…
ในทางกลับกัน สถานการณ์ของซูอันไม่ค่อยดีนัก เกาะที่เขาอยู่นั้นค่อนข้างเล็ก ดังนั้นเขาจึงสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่บนเกาะได้จากจุดที่ยืนอยู่ ไม่มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังคอยช่วย ก่อนหน้านี้ปี่หลิงหลงสูญเสียพลังชีวิตมากเกินไปและฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางจึงช่วยอะไรเขาไม่ได้มากนัก
ซูอันไม่ได้หลับเลยแม้แต่น้อย ต่อสู้กับอุกกาบาตตั้งแต่เช้าจรดเย็น ร่างกายเริ่มอ่อนล้าหลังจากต่อสู้มานาน เขาบอกหมี่ลี่ด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ท่านจักรพรรดินี ข้าจะไม่ไหวแล้ว ขอโทษที่ท่านต้องตายไปพร้อมกับข้า”
พวกเขาไม่สามารถทนอยู่ได้จนกว่าฝนอุกกาบาตจะหายไปแม้ว่าหมี่ลี่จะช่วยเหลือก็ตาม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกินระยะเวลายาวนานราวกับจะคงอยู่ชั่วกัลปาวสาน
หมี่ลี่กล่าวว่า “ข้าคอยสังเกตสถานการณ์ตลอดเวลา แต่องค์ประกอบของโลกนี้ไม่วี่แววว่าจะคงที่ แต่มีบางสิ่งที่น่าสนใจซึ่งก็คือ เนื่องจากกฎของโลกนั้นวุ่นวาย พลังปฐมบทจึงมีอยู่มากมาย”
ซูอันไม่ได้มีเวลาว่างที่จะสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้เลย สิ่งที่เขามักจะเน้นคือวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ เพราะโดยปกติแล้วพลังปฐมบทนั้นหายากและล้ำค่าเกินไป อย่างไรก็ตาม เขาสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้และตกใจมากที่พบว่ามีพลังปฐมบทอยู่ทุกหนทุกแห่ง! ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาดูเหมือนจะโห่ร้องด้วยความยินดี
“ในตอนเริ่มต้น โลกไม่ได้ถูกแยกออกเป็นสวรรค์และโลกอย่างชัดเจน แต่อยู่ในรูปแบบของความโกลาหลในขั้นต้น” หมี่ลี่มองโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงรอบตัว “สถานการณ์ตอนนี้มีความคล้ายคลึงกันบางอย่างกับยุคเริ่มต้นของโลก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีพลังปฐมบทที่หายากอยู่มากมาย เจ้าควรใช้วิชาปฐมบทแรกเริ่มทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นแล้วมันจะช่วยให้เจ้ารอดพ้นจากเรื่องนี้ได้”
ซูอันใช้วิชาปฐมบทแรกเริ่มอย่างเต็มที่ พลังปฐมบทที่อยู่รอบตัวพุ่งเข้าหาร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ร่างกายของเขาร้อนรุ่มอย่างต่อเนื่อง
ซูอันรู้สึกว่าความเหนื่อยล้าทั้งหมดหายไปในทันที ทั้งยังรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดในชีวิต เขาคำรามออกมาและทุบอุกกาบาตที่ตกลงมาทีละดวงด้วยกำปั้น ใช้พวกมันในการจับสังเกตอัตราการหล่อหลอมร่างกายของวิชาปฐมบทแรกเริ่ม
เมื่อจ้าวรุ่ยจื่อในอีกเกาะหนึ่งเห็นการกระทำของซูอัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน “สิ้นคิดถึงขนาดจะสู้จนตัวตาย!” ในสายตาของเขา การกระทำของซูอันมีแต่ทำให้สูญเสียพละกำลังอย่างเปล่าประโยชน์และทำให้ตายเร็วยิ่งขึ้น
เหอหลี่เห็นปี่หลิงหลงมองซูอันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม เขาถอนหายใจและกล่าวว่า “เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่รู้วิธีที่จะเอาตัวรอดและรู้เพียงการทิ้งชีวิตไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เขาตกอยู่ในสถานการณ์ทั้งหมดนี้ก็เพราะผู้หญิงคนเดียว ทว่าองค์หญิงรัชทายาทนั้นงดงามมาก การตายโดยมีสาวงามเช่นนั้นอยู่เคียงข้างก็ไม่เลวนักสำหรับจุดจบ”
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งเขาและจักรพรรดิประหลาดใจก็คือ ไม่เพียงแต่ซูอันจะไม่ทรุดลงหลังจากทุบอุกาบาตตลอดทั้งวัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ หมัดของเขาตะบันอุกกาบาตที่ตกลงมาจนแหลกลาญโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
จ้าวรุ่ยจื่อขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าอาจเป็นเพราะวิชาต้องห้ามบางอย่างและไม่กังวลมากเกินไป แต่หลังจากนั้นอีกสามวัน ร่างที่องอาจของซูอันยังคงยืนหยัดต่อสู้ ทำให้เขากังวลในที่สุด
“เจ้าสารเลวนั่นมีพละกำลังมหาศาลขนาดไหน?” จ้าวรุ่ยจื่อตกใจ เขาเริ่มที่จะชื่นชมเด็กคนนั้นด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะมันกล้าแม้แต่จะทำให้หลิงหลงแปดเปื้อน… แต่เขาก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เด็กสารเลวคนนี้ไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมจำนนอย่างแน่นอน ในฐานะจักรพรรดิ เขาไม่สามารถทนต่อการมีอยู่ของบุคคลเช่นนี้ได้
…
ในทางกลับกัน ในตอนแรกปี่หลิงหลงรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญของซูอัน แต่นางค่อย ๆ เริ่มรู้สึกกังวลว่าเขาอาจจะไม่สามารถอดทนได้นานกว่านี้ “อาซู เจ้าไม่สามารถทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ได้ พักสักหน่อยแล้วให้ข้าไปแทนไหม?” นางคงจะมีความสุขถ้าสามารถช่วยเขาได้แม้สักเพียงนิด
ซูอันตบหน้าอกตัวเองพร้อมกับหัวเราะว่า “ไม่ต้องกังวล ข้ารู้สึกดีมาก! ตอนนี้ร่างกายของข้าหนักยิ่งกว่าอุกกาบาตพวกนี้ซะอีก!”
ปี่หลิงหลงคร่ำครวญ ชายผู้นี้ช่างวิปริตเสียจริง
เห็นได้ชัดว่าซูอันไม่รู้ว่าปี่หลิงหลงกำลังคิดอะไรแปลก ๆ หลังจากที่เขาตอบนาง เขาก็จดจ่ออยู่กับการดูดซับพลังปฐมบท
ในความเป็นจริง พลังปฐมบทส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อหยุดฝนอุกกาบาตที่ไม่มีวันจบสิ้น ทว่าพลังปฐมบทที่ใช้สำหรับสิ่งนี้ไม่ได้สูญเปล่า เนื่องจากมันทำหน้าที่หล่อเลี้ยงเลือดเนื้อและกระดูกของเขาอย่างต่อเนื่อง รู้สึกได้ชัดเจนว่าผิวหนังของตัวเองแข็งแกร่งขึ้น มันไม่แข็งเหมือนอย่างก้อนหิน แต่มีพลังยืดหยุ่นสูง
หลังจากที่ผิวหนังของเขาได้รับการขัดเกลาแล้ว เขาจึงใช้พลังปฐมบททำให้กล้ามเนื้อ กระดูก หลอดเลือด และอวัยวะภายในของตัวเองเย็นลง ซูอันรู้สึกว่าหลังจากกระบวนการนี้เสร็จสิ้น ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า การโจมตีของผู้บ่มเพาะปกติจะไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้พลังชี่ในการป้องกันก็ตาม
ซูอันจำได้ว่าอวิ้นเจียนเยว่เคยพูดว่าร่างกายของปราชญ์นั้นแตกต่างจากคนปกติ และมีเพียงผู้ทรงพลังเทียบเท่ากันหรือมากกว่าเท่านั้นที่จะสามารถเจาะทะลวงร่างของปราชญ์ได้ แต่เขามั่นใจว่าตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งไม่ใช่แค่พอ ๆ กับพวกปราชญ์แน่ แต่น่าจะเทียบได้กับพวกเซียนปฐพีด้วยซ้ำ!
แต่คนเดียวที่อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีโลกนี้คือจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงอยากจะอาเจียนทันทีเมื่อคิดว่าตัวเองคล้ายกับไอ้คนน่ารังเกียจนั่น
………………..