เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1243 ตำหนักเซียน
บทที่ 1243 ตำหนักเซียน
ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซูอันไม่เคยรู้สึกแข็งแกร่งเท่านี้มาก่อน ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังอัดแน่นจนแทบระเบิด
ปี่หลิงหลงอดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วสัมผัสผิวของเขาแล้วถามว่า “ทำไมข้ารู้สึกว่าสีผิวของเจ้าจางลง?”
“จริงเหรอ?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นชายรูปงาม?
“ข้าแน่ใจ” ปี่หลิงหลงรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย “ผิวของเจ้าก็น่าทึ่งมาก! สวยเรียบเนียนกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ”
ซูอันตระหนักว่าวิชาปฐมบทแรกเริ่มทำให้เขาสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสาเหตุที่ผิวของเขาขาวขึ้นกว่าเดิม “การถูกสัมผัสฝ่ายเดียวแบบนี้รู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบ! ข้าจะสัมผัสเจ้าบ้างเพื่อให้ยุติธรรม” เขาร้องออกมา
ปี่หลิงหลงไม่พอใจ นางก้าวถอยหลัง หน้าแดงก่ำ “ทะลึ่ง!” นางหันกลับไปและไม่สนใจเขาหลังจากนั้น
ซูอันหน้าบึ้ง ทำไมนางถึงแตะตัวข้าได้ แต่ข้ากลับจะเป็นคนชั่วช้าลามกถ้าอยากสัมผัสนางบ้าง?
หมี่ลี่กระแอมและพูดว่า “หยุดเจ้าชู้กับองค์หญิงรัชทายาทนี่ซะที วิชาปฐมบทแรกเริ่มของเจ้าไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
ซูอันตอบว่า “จริง ๆ ข้าสำเร็จขั้นที่สามไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ แต่ข้าไม่มีส่วนหลังของวิชาปฐมบทแรกเริ่มจึงไปต่อไม่ได้ มันคงเป็นการสูญเปล่าถ้าข้าปล่อยพลังปฐมบททั้งหมดนี้ไป ดังนั้นข้าจึงใช้มันหล่อหลอมร่างกายใหม่ถึงสามครั้ง”
“สามครั้ง?” ดวงตาของหมี่ลี่เบิกกว้าง อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสเขา “นี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับเจ้า แม้ว่าจักรพรรดิฉินรุ่นต่อ ๆ ไปจะมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แต่พวกเขาก็สามารถทำการปรับแต่งร่างกายจนสมบูรณ์แบบได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น “ใครจะรู้ว่าร่างกายของเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนเมื่อเจ้าฝึกวิชานี้ได้อย่างสมบูรณ์!”
ซูอันยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าทำอย่างนี้เพราะข้าไม่มีทางเลือก ข้าไม่มีวิชาครึ่งหลังด้วยซ้ำ ก็ได้แต่เพียงปรับแต่งร่างกายของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก”
หมี่ลี่ส่ายศีรษะ “ในระดับหนึ่ง สิ่งนี้จะนำเจ้าไปสู่ระดับที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะไปถึงสถานะแบบไหนเมื่อสำเร็จวิชาปฐมบทแรกเริ่มอย่างสมบูรณ์”
ซูอันพูดว่า “แต่ข้าไม่รู้ว่าครึ่งหลังนั้นอยู่ที่ไหน… ข้าอาจจะไม่สามารถหาสุสานหลวงตะวันตกอันลึกลับนั้นได้เลยตลอดชีวิต”
ในมิติลับ วิญญาณที่เหลืออยู่ของฉินซีหวงได้บอกให้เขาค้นหาสุสานหลวงตะวันตกหากต้องการอีกครึ่งหนึ่งของวิชาลับนี้ โชคไม่ดีที่เขาค้นหาทุกที่และแม้แต่เข้าถึงเครือข่ายข้อมูลของทูตยุทธ์เสื้อแพรแล้วก็ยังไม่พบสิ่งใดเลย เขาทำได้เพียงยอมแพ้เท่านั้น
ซูอันไม่รู้สึกความแปลกในน้ำเสียงของนาง เขาเงยหน้าขึ้นและถามว่า “ท่านจักรพรรดินี ท่านสังเกตว่าอุกกาบาตดูเหมือนจะลดลงหรือไม่? องค์ประกอบที่วุ่นวายดูเหมือนจะสงบลงเช่นกัน”
หมี่ลี่พยักหน้า “ข้าเชื่อว่ามิติลับใหม่จะปรากฏตัวอย่างสมบูรณ์ในเร็ว ๆ นี้”
ซูอันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมิติลับใหม่มากนัก แต่กลับกังวลแทน “จักรพรรดิจะไม่มาฆ่าเราเหรอหากทุกอย่างสมดุลแล้ว?”
หมี่ลี่ตอบว่า “ไม่ต้องกังวล กฎของโลกใหม่นั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน เขาจะไม่สามารถข้ามผ่านไปได้เร็วขนาดนั้น”
…
จ้าวรุ่ยจื่อสังเกตเห็นทุกอย่าง หลังจากลังเลเล็กน้อย เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ ด้วยการบ่มเพาะที่สูงส่ง เขาจึงสัมผัสได้ว่ากฎของโลกใหม่ไม่ได้สงบอย่างที่เห็นจากภายนอก
การกระทำก่อนหน้านี้ทำให้เขาเสียหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจว่า เขาจะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อมีความมั่นใจเต็มสิบส่วนเท่านั้น
เขาอยากจะหัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขารู้สึกเช่นนี้เป็นครั้งสุดท้าย ด้วยระดับการบ่มเพาะและสถานะของเขา จะมีสถานการณ์ที่ทำให้เขาไม่มั่นใจในตัวเองด้วยเหรอ?
แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับราชันลมปราณในที่แจ้ง เขาก็ยังรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุม แต่ตอนนี้เด็กเหลือขออย่างซูอันอยู่เหนือการควบคุมของเขาหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ยิ่งเป็นแบบนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งหมายมั่นจะทำให้ซูอันชดใช้อย่างสาสม
ทันใดนั้น เสียงดังกึกก้องมาจากเบื้องบนในขณะที่โลกทั้งใบเริ่มเคลื่อนลงมาอย่างช้า ๆ
ผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณหน้าซีด ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แม้แต่จ้าวรุ่ยจื่อที่สำรวมอยู่เสมอก็เปลี่ยนไป แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาจะสูง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่สามารถรับมือกับทั้งทวีปได้!
แม้ว่าส่วนใหญ่ของแผ่นดินนั้นจะแตกสลายไปแล้วจากฝนอุกาบาตครึ่งเดือน แต่สุดท้ายมันก็ยังคงเป็นทั้งทวีป! ถ้ามันพังลงมาใส่พวกเขาแบบนี้ แม้แต่ความเป็นเซียนที่แท้จริงก็ยังถูกบดขยี้!
เมื่อเห็นผืนดินที่ลดหลั่นลงไป ปี่หลิงหลงก็ขยับเข้าใกล้ซูอันโดยไม่รู้ตัว ดูเหมือนว่าความสิ้นหวังอันเยือกเย็นในหัวใจของนางจะถูกทำลายลงด้วยเศษเสี้ยวของความอบอุ่น
แม้ว่าซูอันจะประหม่ามากเช่นกัน แต่เขาก็ยังจับมือนางเพื่อปลอบโยน ปี่หลิงหลงตัวสั่น ปกติแล้วนางจะต้องดึงมือกลับอย่างเขินอาย แต่ในสถานการณ์นี้ นางไม่ต้องการให้สิบนิ้วที่ประสานแยกออกจากกัน
“พี่หญิงใหญ่ ท่านจักรพรรดินี จะทำยังไงกันดี? พวกเราจะต้องตายที่นี่จริง ๆ เหรอ?” ซูอันเรียกหมี่ลี่อย่างร้อนรน
ซูอันรู้สึกสับสน นับตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในมิติลับนี้ เขารู้สึกว่าปฏิกิริยาของนางค่อนข้างแปลกอยู่เสมอ
“มันหยุด! มันหยุดแล้ว!” ผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณโห่ร้องอย่างดีใจ ผืนดินที่อยู่เหนือพวกเขาหยุดลงเมื่อมันลงมาถึงหลายร้อยจั้งเหนือศีรษะ แม้แต่จ้าวรุ่ยจื่อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันใดนั้นก็มีเสียงปริแตก พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็วและเห็นว่ามีรอยแตกขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ปรากฏขึ้นบนทวีป รอยแตกเหล่านั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด ทั้งทวีปก็แยกออกเป็นสามส่วน
เศษหิน ดิน ต้นไม้ และสิ่งอื่น ๆ โปรยปรายลงมาจากเบื้องบน ซูอันและคนอื่น ๆ เริ่มปกป้องเกาะอีกครั้ง แต่ไม่นานทุกสิ่งก็หยุดร่วงหล่น จากนั้นแสงก็ส่องลงมา ทำให้ความมืดมิดอันยาวนานสิ้นสุดลง
ลมกระโชกแรงพัดผ่านมา ควันและฝุ่นพลันพวยพุ่งเพราะแผ่นดินแตกกระจาย คนเหล่านั้นมองขึ้นไปเห็นเกาะใหญ่สามเกาะลอยอยู่เหนือศีรษะ เกาะแต่ละเกาะมีขนาดใหญ่กว่าเกาะที่จ้าวรุ่ยจื่อยืนอยู่หลายเท่า แทนที่จะเรียกมันว่าเกาะลอยฟ้า มันจะดีกว่าที่จะเรียกมันว่าทวีปลอยฟ้า
“ข้าคิดว่าข้าเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า!”
“แสงแดด ข้าเห็นแสงแดด!”
หลังจากครึ่งเดือนของการต่อสู้อันขมขื่น ผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณก็รอดชีวิตมาได้ด้วยการกัดฟันสู้ พวกเขาต่างพากันหลั่งน้ำตาด้วยความปีติ
“นั่นอะไรน่ะ? นั่นคือตำหนักเซียนเหรอ?” ทันใดนั้น มีคนชี้ไปทางทวีปที่อยู่เหนือศีรษะ แผ่นดินดั้งเดิมถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน และพวกมันเพิ่งเกิดขึ้นใต้ทวีปตอนกลาง พวกเขาจึงสามารถแยกแยะบางอย่างบนนั้นได้
พวกเขาเห็นสิ่งที่ดูเหมือนพระราชวังสูงตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้า ทุกห้องทอแสงเป็นประกายระยิบระยับราวกับสร้างมาจากทองคำ เงิน และหยก
………………..