เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1244 การย่างกรายของอันตราย
บทที่ 1244 การย่างกรายของอันตราย
จ้าวรุ่ยจื่อเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อคิดถึงความเป็นอมตะที่อาจได้รับ เขาก็เกือบจะเลิกสนใจเรื่องซูอัน การครอบครองร่างเป็นเพียงทางเลือกสุดท้าย ถ้าเขาได้รับความเป็นอมตะจริง ๆ เขาจะใช้ร่างกายของตัวเองอย่างแน่นอน
เขาเดินไปที่ขอบของเกาะลอย ตัดสินใจบินไปที่เกาะทั้งสาม แม้ว่าพวกมันจะอยู่ห่างกันหลายร้อยจั้ง แต่ก็ไม่ได้ไกลเกินไปสำหรับเขา ทว่าเขาก็หยุดกะทันหัน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงส่งเสียงสั่งเหอหลี่ “บินขึ้นไปดูรอบ ๆ หน่อย”
ใบหน้าของเหอหลี่ซีดลงทันที แม้จะสงสัยว่าวังอมตะนั่นซ่อนอะไรอยู่ แต่โดยปกติแล้วเขามักจะระแวดระวังโดยธรรมชาติ เขาเข้าใจในทันทีว่าจักรพรรดิต้องการใช้เขาเป็นหนูตะเภา หลังจากประสบกับนรกมากว่าครึ่งเดือน แม้ว่าทิวทัศน์จะดูเงียบสงบ แต่ใครจะรู้บ้างว่ามีอันตรายอะไรซ่อนอยู่บ้าง?
น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของจักรพรรดิได้ แต่จู่ ๆ เขาก็มีความคิดขึ้นมา เขาสั่งให้ผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณเป็นผู้นำทาง ในเวลาเดียวกัน เขาสัญญาว่าหากใครพบสิ่งที่ดีบนนั้น จะได้สิ่งนั้นเป็นรางวัล
คนเหล่านี้มักจะยอมจำนนและโอนอ่อนได้ง่าย แน่นอนว่าทุกคนหายใจถี่ขึ้นเมื่อได้ยินเงื่อนไขนั้น วังอมตะเหล่านี้ช่างน่าอัศจรรย์เกินกว่าจะมองดู พวกมันเหมาะสมกับคำว่าวังอมตะในตำนานอย่างแท้จริง! หากใครมุ่งหน้าไปได้ก่อนอาจพบกับโอกาสที่น่าอัศจรรย์บางอย่างก่อนใครเพื่อน
แม้ว่าจะไม่พบสิ่งอื่นใดก็อาจจะพบผลหมากรากไม้บางอย่างที่ไม่ธรรมดา ถ้าพวกเขากินมันไปสองสามคำ แม้ว่าจะไม่ได้ผ่านการเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์ ความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของพวกเขาจะรวดเร็วขึ้นมาก ทุกคนจึงตอบตกลงอย่างตื่นเต้น
จ้าวรุ่ยจื่อยิ้ม เหอหลี่คนนี้ค่อนข้างมีพรสวรรค์ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เขาแค่ต้องการคนคอยสอดแนมสถานการณ์ เขาไม่สนใจว่าใครที่ขึ้นไปที่นั่น ไม่ว่าใครจะพบอะไรจริง ๆ หรือไม่ มันไม่สำคัญหรอกถ้ามันจะไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขา ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะปล่อยให้ใครล่วงหน้าไปก่อนทำไม
ผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณยังไม่ได้อยู่ในระดับเก้าและไม่สามารถบินได้ แต่ตอนนี้เมื่อโลกสงบลง มีเกาะลอยอยู่รอบตัว ระยะห่างระหว่างเกาะแต่ละเกาะไม่มากเกินไป ดังนั้นด้วยการบ่มเพาะของพวกเขา การกระโดดข้ามไปมาจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
เหอหลี่ยังออกแรงช่วยพวกเขาเล็กน้อย ด้วยการบ่มเพาะของเขาที่อยู่ขั้นสูงสุดของระดับเก้า แม้แต่ก้อนหินที่ขว้างออกไปก็ยังพุ่งไปถึงขอบฟ้าได้ ผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณอาศัยแรงผลักของเขาเพื่อไปยังเกาะลอยที่ใกล้ที่สุด ทุกคนต่างต้องการแย่งชิงโอกาสจึงพากันไปทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปกลางคัน
“เกิดอะไรขึ้น?” มีคนส่งเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนก เพราะพบว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดของตัวเองหายไปในทันใด!
จากนั้นผู้บ่มเพาะก็เริ่มตัวหนักราวกับก้อนเหล็ก เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ โบกมือไปมาอย่างลนลานเพื่อพยายามจะคว้าอะไรบางอย่าง แต่พวกเขาอยู่กลางอากาศแล้วจะคว้าอะไรได้บ้าง? หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ตกลงไปยังท้องฟ้าทีละคน ๆ กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว คนที่เหลือหน้าซีดเผือดขณะเฝ้ามองจุดจบของพวกตัวเอง
หมอกดำที่อยู่เบื้องล่างสูงขึ้น มันอยู่ใกล้เกาะเล็กแล้ว แต่เมื่อเทียบกับสีดำสนิทในตอนแรก เมื่อแสงแดดส่องลงมาอีกครั้ง หมอกสีดำก็กลายเป็นสีชมพู ตอนนี้มันสวยงามราวกับแสงตะวัน
ผู้บ่มเพาะตกลงไปในกลุ่มเมฆหมอก และเสียงกรีดร้องอย่างน่าสมเพชของพวกเขาก็หยุดลง
“ฮะ?” พวกเขาสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ ดังนั้นมันจึงยากที่ซูอันจะไม่สังเกตเห็น
กฎของโลกได้คงที่อย่างชัดเจนแล้ว ทำไมพวกเขาถึงยังร่วงหล่นลงไป? ยิ่งกว่านั้น แม้แต่เกาะขนาดใหญ่ก็สามารถลอยอยู่บนท้องฟ้าได้ แล้วทำไมคนเหล่านี้ซึ่งตัวเล็กกว่าเมื่อเทียบกันจึงตกลงมาแบบนั้น?
เขารีบถามหมี่ลี่ แต่เขารู้ว่าตัวเองพึ่งพานางมากเกินไปแล้ว เหมือนกับคำพูดอันโด่งดังที่ว่า ‘ถ้าเจ้าไม่รู้เกี่ยวกับอะไรนอกประเทศจีน ให้ค้นหาในกูเกิ้ลเลย’ เขารู้สึกราวกับว่าหมี่ลี่กำลังกลายเป็นกูเกิ้ลของเขา
หมี่ลี่อธิบายว่า “ทุกโลกมีกฎของตัวเอง กฎเหล่านี้อาจเป็นเรื่องแปลก ๆ และเจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับมัน เมื่อผู้บ่มเพาะไปถึงระดับปรมาจารย์หรือเซียนปฐพี พวกเขาสามารถสร้างอาณาเขตของตนเองได้ ซึ่งเทียบเท่ากับโลกที่เล็กมาก กฎของอาณาเขตนั้น ๆ ถูกกำหนดโดยเจ้าของ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถใช้กฎที่ไม่เอื้ออำนวยต่อฝ่ายตรงข้ามที่จะเข้ามาบุกรุกอาณาเขต ศัตรูคนใดก็ตามที่ไม่รู้เรื่องนั้นจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส”
ซูอันจำได้ว่ามันเป็นอย่างไรเมื่อเขาเผชิญหน้ากับจ้าวรุ่ยจื่อ เขาไม่สามารถขยับนิ้วเข้าไปในอาณาเขตของอีกฝ่ายได้ หากไม่ใช่เพราะองค์ประกอบต่าง ๆ ของโลกอยู่ในความโกลาหลและทำลายอาณาจักรของจักรพรรดิ เขาอาจจะตายไปแล้ว
หมี่ลี่กล่าวต่อว่า “มิติลับนี้คล้ายกัน ข้าเชื่อว่ามันขัดขวางการบิน สำหรับสาเหตุที่เกาะยักษ์เหล่านั้นสามารถล่องลอยต่อไปในอากาศได้ในขณะที่ผู้คนไม่สามารถบินได้ ไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป เจ้าเพียงแค่ต้องรู้ว่ากฎมีอยู่จริงและต้องปฏิบัติตาม ต่อไปเจ้าอาจพบกับกฎที่แปลกกว่านี้อีก”
ซูอันเข้าใจสิ่งที่นางพูดเพียงครึ่งเดียว มันจะดีแค่ไหนถ้าเขาสามารถสร้างอาณาเขตของตัวเองได้? หากเขามีความสามารถในการกำหนดกฎในอนาคต เขาจะสร้างชายหาดให้เยอะ ๆ บิกินีจะเต็มท้องถนน อย่างมากที่สุดจะมีแค่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นเท่านั้น ไม่มีเสื้อผ้าอื่นไปมากกว่านี้…
หมี่ลี่พูดอีกครั้ง “สิ่งที่เจ้าต้องใส่ใจคือหมอกสีชมพู เห็นได้ชัดว่าเราไม่สามารถเห็นฟ้าแลบได้อีก แต่เหตุใดคนเหล่านั้นจึงเงียบเสียงลงทันทีที่ตกลงไปในเมฆหมอก”
“ถ้ามันเป็นพิษ เจ้าควรมีความสุขเพราะภูมิคุ้มกันพิษของตัวเอง” หมี่ลี่ขมวดคิ้ว “แต่ยาพิษที่รุนแรงก็ไม่น่าจะสามารถฆ่าผู้บ่มเพาะเหล่านั้นได้ทันที นอกจากนี้หมอกยังลอยสูงขึ้น แม้จะไม่เร็วนัก แต่ก็จะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า”
ในอีกเกาะหนึ่ง เหล่าผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณไม่กล้าที่จะพยายามต่อไป เมื่อพวกเขาเห็นสหายของตัวเองตายอย่างอนาถ เหอหลี่ก็ปวดหัวเช่นกัน แย่แล้ว! ถ้าจักรพรรดิขอให้ข้าไปก่อนมันจะเกิดอะไรขึ้น?
โชคดีที่จ้าวรุ่ยจื่อไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจ เขายืนอยู่ที่ขอบเกาะและสังเกตหมอกด้านล่าง เอื้อมมือไปจับหางของงูเหลือมตัวใหญ่จากป่า งูเหลือมพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งด้วยเสียงคำรามที่ตกใจ มันพยายามพันรอบตัวจ้าวรุ่ยจื่อ ปากของมันกว้างขึ้นและกัดลงบนตัวเขา
จ้าวรุ่ยจื่อไม่พอใจ สะบัดข้อมือวูบ ร่างกายของงูเหลือมก็กระเพื่อมเหมือนคลื่น ด้วยเหตุนี้ กระดูกทั้งหมดของมันก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ร่างกายของมันอ่อนปวกเปียกเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว ไม่สามารถต้านทานได้เลย แม้ว่าการบ่มเพาะจะมาถึงระดับปัจจุบันแล้ว แต่ก็ไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองจากความอ่อนแอของการเป็นงูได้
สัตว์อสูรในป่าซ่อนตัวด้วยความตื่นตระหนก ราวกับว่าพวกมันจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นหากอยู่ห่างจากจักรพรรดิ
ผู้ชมเหตุการณ์กลืนน้ำลาย พวกเขาทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความชื่นชมในอำนาจของจักรพรรดิ แม้แต่สัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวก็ยังถูกปราบอย่างง่ายดาย
จ้าวรุ่ยจื่อหย่อนงูเหลือมลงในหมอกเมฆ ด้วยความยาวที่น่าขันของมัน มันแทบจะแตะขอบหมอกไม่ได้เลย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ขมวดคิ้วและดึงงูเหลือมกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
………………..