เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1246 ถ้าข้าบอกให้เจ้าตายล่ะ?
บทที่ 1246 ถ้าข้าบอกให้เจ้าตายล่ะ?
เหอหลี่กลืนน้ำลายและกระโดดไปยังเกาะลอยที่สามอย่างรวดเร็ว เกาะลอยนั้นก็พาเขาขึ้นไปอย่างช้า ๆ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี และความคิดก็เริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง จักรพรรดิระมัดระวังเกินไปซึ่งทำให้ข้าได้รับโอกาสที่ดี ‘ถ้าข้าไปถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก่อน ข้าจะได้รับโอกาสอัศจรรย์ก่อนใครไม่ใช่เหรอ? ถึงตอนนั้นข้าก็สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของจักรพรรดิได้แล้ว…’
ใครก็ตามที่สามารถบ่มเพาะจนถึงขั้นสูงสุดของระดับเก้าได้นั้นไม่ใช่คนโง่เง่า เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าสาเหตุที่จักรพรรดิยังเมตตาไม่สังหาร เพราะเขามีประโยชน์บางอย่างในมิติลับใหม่นี้ เมื่อออกจากมิติลับนี้ คนอย่างเขาย่อมจะรักษาชีวิตไว้ได้ยาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม หากเขาสามารถได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ มันจะทำให้เขามีโอกาสรอดชีวิตขึ้นมาบ้าง
ฝีเท้าของเหอหลี่เบาลงเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น และไม่หวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเมื่อก้าวขึ้นไปบนเกาะลอยที่ห้า มันเริ่มลดระดับลงทันที ทั้งที่เห็นได้ชัดว่ามันกำลังจะขยับขึ้นอยู่เมื่อครู่!
เหอหลี่ตื่นตระหนก หมายจะกลับไปยังเกาะลอยที่สี่ ด้วยการบ่มเพาะของเขา เขายังสามารถกระโดดได้ไกลพอสมควร ทว่าเกาะลอยก่อนหน้ากลับลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว ขยับระยะห่างให้กว้างพอที่จะทำให้เขาสิ้นหวัง
ทันใดนั้นก็ปรากฏเถาวัลย์พุ่งออกมาพันรอบแขนของเหอหลี่ ลากเขากลับไป หลังจากที่ฟื้นจากความกลัวเมื่อเห็นตัวเองยืนอยู่บนพื้นแข็งอีกครั้ง เขามองเถาวัลย์ในมือของจ้าวรุ่ยจื่อและโค้งคำนับทันที “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ช่วยชีวิตกระหม่อม”
จ้าวรุ่ยจื่อพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไปต่อเถอะ ข้าจะพาเจ้ากลับมาเองถ้ามีอันตราย”
ความรู้สึกขอบคุณของเหอหลี่พลันหายไปในทันที เขาก่นด่าอยู่ในใจ เถาวัลย์ของเจ้ายังยาวไม่พอ! ก่อนหน้านี้มันอาจจะเพียงพอ แต่เจ้าไม่สามารถช่วยข้าได้ตลอดไป! แต่ถึงแม้จะคิดแบบนั้น เขาก็ได้แต่ประคองตัวเองมุ่งหน้ากลับไปทางเดิม
เนื่องจากมีหลายเส้นทางที่สามารถใช้ไปยังเกาะลอยได้ จ้าวรุ่ยจื่อจึงเลือกผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณสองสามคนเพื่อให้เกิดผลสำเร็จไวขึ้น เขาเฝ้ามองคนเหล่านั้นจากเบื้องหลัง และเมื่อใดก็ตามที่มีใครล้มลง เขาจะใช้เถาวัลย์ช่วยกลับมาและส่งอีกคนไปแทน
หลังจากเป็นจักรพรรดิมานาน เขาก็เข้าใจถึงความสำคัญของการหมุนเวียนกำลังคน หากเขายังคงทำให้คนเดิมเสี่ยงต่อไป ไม่นานต้องมีคนไม่พอใจอย่างแน่นอน หากต้องทำในสิ่งที่ไร้เหตุผลด้วยความสิ้นหวัง นั่นอาจทำให้แผนการทั้งหมดของเขาพังทลาย จึงเป็นเหตุผลที่เขาหมุนเวียนกำลังคน ไม่เพียงแต่คนเหล่านี้จะยังคงแสดงความกระตือรือร้นแต่ยังเต็มไปด้วยความหวังอีกด้วย แต่สำหรับเหอหลี่ ชายคนนั้นฉลาดแกมโกงเกินไปและกลัวความตายจึงจำเป็นต้องได้รับแรงกดดันเล็กน้อย
ทางด้านซูอันที่เฝ้าดูอยู่เห็นว่าแม้กระบวนการนี้จะช้า แต่ก็มีประสิทธิภาพมาก พวกเขาเข้าใกล้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาขมวดคิ้ว อีกเกาะหนึ่งมีผู้คนมากมาย ดังนั้นจึงสามารถทดลองด้วยวิธีนี้ได้ แต่เขาทำไม่ได้! ไม่มีเถาวัลย์แบบนั้นบนเกาะนี้ และถ้าเขาพยายามทดลองแบบนั้น ปี่หลิงหลงยังไม่มีความสามารถพอที่จะดึงเขากลับมาเหมือนที่จักรพรรดิทำได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ต้องการส่งปี่หลิงหลงที่อ่อนแอไปทดลองเช่นกัน
แต่เขาคาดไม่ถึงว่าปี่หลิงหลงจะริเริ่มสำรวจเส้นทาง นางรู้สึกถึงความสำคัญของการค้นหาอย่างดีที่สุด นางพูดว่า “สำหรับเถาวัลย์… ข้ามีเสื้อผ้ามากมายในคลัง เจ้าสามารถฉีกมันแล้วใช้เป็นเชือกได้”
ซูอันส่ายศีรษะ “มันไกลเกินไป ต่อให้เราใช้เสื้อผ้าทั้งหมดมาทำเชือกก็ยังไม่พอ จักรพรรดิกำลังวางแผนที่จะสังเวยชีวิตผู้คนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ เราจะใช้วิธีเดียวกันได้ยังไง?”
ใบหน้าของปี่หลิงหลงซีดเผือด “แล้วเราจะทำยังไง? จะรอความตายอยู่ที่นี่เหรอ?”
หมอกสีชมพูกำลังลอยขึ้น เป็นที่แน่ชัดว่าเกาะจะจมหมอกจนหมดภายในเวลาไม่กี่วัน
ซูอันถามหมี่ลี่ว่ามีสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้หรือไม่ หมี่ลี่ไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า “เจ้าเชื่อข้าไหม?”
“แน่นอนว่าข้าเชื่อ” ซูอันหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะทำตามสิ่งที่ท่านจักรพรรดินีพูด”
“ถ้าอย่างนั้น…” หลังจากหยุดชั่วคราว หมี่ลี่ถาม “แล้วถ้าข้าบอกให้เจ้าตายล่ะ?”
ซูอันตกตะลึง เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงไม่ยอม ชีวิตช่างน่าอัศจรรย์ มีสาวงามมากมายรอข้าอยู่ ข้ายังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย”
หมี่ลี่พูดไม่ออก นางมองเขาอย่างเงียบ ๆ แต่สุดท้ายก็เอ่ยปากเย้ยหยัน “ข้าจะหวังอะไรจากเจ้าได้ล่ะ”
ซูอันอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านจักรพรรดินีเป็นอะไรไป? ท่านทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่เราเข้ามาในมิติลับนี้แล้ว ท่านมักจะหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่ง และจู่ ๆ ก็มาขอข้าให้เป็นศิษย์ของตัวเอง แล้วนี่ยังมาถามอะไรแปลก ๆ กับข้าอีก”
หมี่ลี่ส่ายศีรษะ “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ต่อไปเจ้าจะรู้เอง” ซูอันต้องการถามนางต่อไป แต่หมี่ลี่ถามอย่างกระวนกระวายใจว่า “ยังไม่รีบไปอีกเหรอ? อีกฝ่ายกำลังเข้าใกล้เกาะลอยมากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าจะออกไปหรือไม่?”
“ใครบอกว่าเราต้องทดสอบพวกมัน? นอกจากนี้เจ้าคิดว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จได้ด้วยวิธีชั่วช้ายิ่งกว่าเดรัจฉานจริง ๆ เหรอ?” หมี่ลี่ไม่พอใจ เสียงของนางเต็มไปด้วยความดูถูก
ราวกับจะพิสูจน์คำพูดของหมี่ลี่ เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชดังขึ้นมาขณะที่นางพูด ผู้บ่มเพาะหลายคนตกลงมาจากท้องฟ้า และจักรพรรดิก็ไม่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาทั้งหมดได้ ผู้บ่มเพาะสองคนตกลงไปในหมอกทันที
เกิดความโกลาหลบนอีกเกาะ ซูอันเห็นว่าผู้บ่มเพาะหลายคนติดอยู่ที่จุดหนึ่ง และผ่านไปไม่ได้ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร
ทั้งหมดกำลังหวาดกลัว บางคนกลัวเมื่อเห็นเพื่อนร่วมทางตกลงไปและรีบกลับไป ในขณะที่บางคนกำลังคำนวณจังหวะขึ้นลงของเกาะลอย
“ไปกันเถอะ” หมี่ลี่หยุดชั่วขณะแล้วกล่าวเสริม “เจ้าต้องรับปากนะว่าเจ้าไปทุกที่ที่ข้าบอกทันที ห้ามลังเลอะไรทั้งสิ้น”
“ตกลง ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว” ซูอันจับมือของปี่หลิงหลงและพูดกับนางว่า “ไปกันเถอะ”
ปี่หลิงหลงลังเลเล็กน้อย “พวกเขามีคนเยอะขนาดนั้นก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ถ้ามีแค่เราสองคน…”
ซูอันตอบอย่างจริงจังว่า “เชื่อข้าสิ!”
หมี่ลี่กลอกตา เด็กสารเลวคนนี้มักจะใช้สิ่งที่นางสอนเพื่อเกี้ยวสาว ขัดหูขัดตาจริง ๆ