เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1247 สุสานหลวงตะวันตก
บทที่ 1247 สุสานหลวงตะวันตก
เมื่อเห็นว่าซูอันสงบแค่ไหน ปี่หลิงหลงก็กัดริมฝีปากเบา ๆ เปล่งเสียงเห็นด้วยจากนั้นก็จับมือเดินตามเขาไป
เมื่อเห็นพฤติกรรมที่สับสนของผู้ใต้บังคับบัญชา จ้าวรุ่ยจื่อรู้สึกปวดหัว เขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวในอีกด้านหนึ่งและเห็นว่าซูอันกับปี่หลิงหลงกำลังจะทดลองบ้าง จ้าวรุ่ยจื่อนึกเย้ยหยันหลังจากเฝ้าดูสถานการณ์มาระยะหนึ่งแล้ว การพยายามเลียนแบบการทดลองของฝ่ายตนก็เท่ากับรนหาที่ตาย
เมื่อนึกภาพซูอันกำลังก้าวเท่า แต่ร่วงหล่นลงไปในกลุ่มหมอก จ้าวรุ่ยจื่อก็ยิ้มกว้าง เจ้าสารเลวตัวนั้นกำลังจะตายในที่สุด แต่เมื่อสายตาเลื่อนไปยังนิ้วที่ประสานกันของบุคคลทั้งสอง ความสุขเล็กน้อยที่เพิ่งมีขึ้นมาเมื่อครู่ก็หายไปทันที
จ้าวฮั่นเป็นจักรพรรดิมาหลายปีแล้ว สาวงามแบบใดบ้างที่เขาไม่เคยเจอ? แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกถึงความรักที่มีต่อปี่หลิงหลง อย่างไรก็ตาม ปี่หลิงหลงก็เป็นผู้หญิงของเขา เป็นสมบัติส่วนตัว มีเพียงเขาคนเดียวในโลกนี้เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องนาง แต่ตอนนี้กลับมีชายอีกคนหนึ่งกล้าแสดงความรักกับนางต่อหน้าเขา! ความปรารถนาที่จะครอบครองทำให้เขาเต็มไปด้วยไฟแห่งความริษยา
—
ท่านยั่วยุจ้าวฮั่นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น+365 +365 +365…
—
เมื่อซูอันเห็นคะแนนความโกรธแค้น เขาเอื้อมแขนออกไปดึงปี่หลิงหลงเข้าสู่อ้อมกอด จากนั้นจึงมองจ้าวรุ่ยจื่อด้วยท่าทางยั่วยุ
จ้าวรุ่ยจื่อเกือบจะระเบิดด้วยความโกรธ เขาทำได้เพียงแสร้งเมินไปอย่างไร้ความรู้สึก
ปี่หลิงหลงหน้าแดง แต่นางรู้ว่าซูอันกำลังคิดอะไรอยู่ หากเป็นสถานการณ์อื่น นางคงโกรธเป็นแน่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งสองสามารถตายได้ทุกเมื่อ นางถอนหายใจและปล่อยให้เขาทำตามใจ ปี่หลิงหลงไม่รู้เลยว่ามีผู้หญิงอีกคนกำลังช่วยนางตำหนิซูอันในขณะนั้น
หมี่ลี่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “จงกำจัดความคิดแย่ ๆ ออกไป และตั้งใจฟังที่ข้ากำลังบอก! เราทุกคนจะถึงที่ตายถ้าเจ้าทำผิดแม้แต่ก้าวเดียว!”
“ตกลง” ซูอันไม่กล้าที่จะประมาทเช่นกัน
“จากกุยเหม่ยถึงอู่หวาง อู่หวางถึงต้าโย่ว ต้าโย่วถึงกู่ถงเหริน…” หมี่ลี่พูดช้า ๆ
“หยุด หยุด หยุด!” ซูอันตอบสนองอย่างรวดเร็ว “กรุณาใช้ภาษามนุษย์!”
หมี่ลี่พูดไม่ออก เมื่อเห็นว่านางเกือบจะเดือดดาล ซูอันรีบอธิบาย “ข้ารู้ว่าท่านสอนข้าเหมือนตอนดัดแปลงวิชาร่างก้าวทานตะวันในตอนนั้น แต่ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องคำศัพท์พวกนี้มากนัก นั่นแปลว่าข้าต้องใช้เวลาคิดสักพักว่าจะไปทางไหนดี ท่านบอกว่าเราไม่มีเวลาสำหรับความล่าช้า การก้าวพลาดเพียงครั้งเดียวจะทำลายทุกอย่าง นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านควรบอกข้าง่าย ๆ ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง ไปทางซ้ายหรือทางขวา”
หมี่ลี่จ้องมองมาที่เขา ครู่ต่อมาจึงถอนหายใจ “ถ้าเป็นครั้งอื่น ข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้” ถึงอย่างนั้น นางก็เปลี่ยนวิธีพูด โดยบอกทิศทางง่าย ๆ ข้างหน้า ข้างหลัง ซ้าย และขวาให้เขาฟัง
ซูอันเคลื่อนไหวพร้อมกับปี่หลิงหลง บางครั้งเขาจะเหยียบเกาะลอยหลายเกาะติดต่อกัน บางครั้งเขาก็จะอ้อมไปอีกทางหนึ่ง บางครั้งเขาจะก้าวไปสามเกาะและถอยหลังไปสองเกาะ
ในตอนแรกปี่หลิงหลงยังคงตัวสั่นด้วยความกลัว กังวลว่าจะร่วงหล่นหมือนกับผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณ แต่ซูอันก็สามารถพาไปยังทิศทางที่ปลอดภัยและถูกต้องได้เสมอ นางอดไม่ได้ที่จะมองชายข้างกาย รู้สึกว่าเขาดูลึกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ
สายลมโชยพัดผ่านมา ภาพของซูอันที่คลื่อนไหวไปตามเกาะราวกับล่องลอยไปท่ามกลางก้อนเมฆ เขาดูมั่นใจและสง่างาม ปี่หลิงหลงหน้าแดง
…
อีกฝ่ายก็สังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นทางด้านของซูอัน จ้าวรุ่ยจื่อและคนอื่น ๆ กำลังรอให้เขาร่วงหล่นลงไป แต่ซูอันก็ไม่พบปัญหาใด ๆ เลย
ในตอนแรกจ้าวรุ่ยจื่อรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แต่ก็ระงับอารมณ์ที่ไร้ประโยชน์อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงศึกษาการเคลื่อนไหวของซูอันอย่างรอบคอบ “ฮะ? ดูเหมือนว่าจะเป็นเครื่องหมายสี่เหลี่ยม เส้นทาง…”
เขาเริ่มคิดกับตัวเอง แม้ว่าการขึ้นและลงของเกาะลอยจะแตกต่างกันไปในแต่ละด้าน แต่ด้วยความรู้และไหวพริบของเขา การหาทางออกด้วยการรู้แจ้งนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
“แต่มีบางอย่างไม่ถูกต้อง หากเจ้าเดินตามเส้นทางการเคลื่อนไหวนี้ เจ้าจะไม่มีที่ไปในไม่ช้า” จ้าวรุ่ยจื่อสังเกตเห็นปัญหาทันที
ในทางกลับกัน ซูอันต้องเผชิญกับทางเลือกที่สำคัญอย่างรวดเร็ว “ไปทางซ้ายสามก้าว!” หมี่ลี่พูดอย่างเย็นชา
ซูอันตื่นตระหนกเพราะไม่มีอะไรอยู่ที่นั่น ด้านล่างที่ว่างนั้นคือหมอกสีชมพูที่อันตราย เขาสงสัยว่าหมี่ลี่บอกผิดหรือไม่ แต่หมี่ลี่รีบยืนกรานว่า “เร็วเข้า ไม่มีเวลาแล้ว!”
ความคิดของซูอันแล่นปราด ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่าหมี่ลี่ถามว่าเขาเต็มใจไหมถ้านางขอให้เขาตาย แม้ว่าเขาจะตอบกลับไปว่าไม่เต็มใจ แต่ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจว่าทำไมนางถึงถามอย่างนั้น ในขณะนั้นเขารีบไปทางซ้ายสามก้าวตามที่นางบอก
ปี่หลิงหลงร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก สองมือยึดจับซูอันแน่นพยายามยื้อยุด แต่นางจะเทียบความแข็งแกร่งกับซูอันได้อย่างไร? ปี่หลิงหลงกลับถูกลากไปด้วยแทน นางได้แต่หลับตารอความตาย
แต่แล้วนางก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าทั้งสองคนไม่ได้ตกลงไปอย่างที่คิด แต่กลับยืนอย่างมั่นคงอยู่กลางอากาศ ไม่… นางรู้สึกได้ว่ากำลังเหยียบอะไรแข็ง ๆ อยู่ใต้ฝ่าเท้า!
นี่คือ… เกาะลอย? นางตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น จากนั้นจึงมองซูอันด้วยความประหลาดใจ เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
ดวงตาของจ้าวรุ่ยจื่อหรี่แคบลง จากนั้นก็สว่างวาบ “นั่นสินะ! อ๊ะ!”
เขาเริ่มที่จะชื่นชมซูอัน เด็กคนนี้มีพรสวรรค์จริง ๆ แต่คนแบบนี้ไม่มีทางที่เขาจะควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จ น่าเสียดายที่ไม่สามารถปล่อยให้อีกฝ่ายรอดชีวิตไปได้
…
สูงขึ้นไปในอากาศ ซูอันกำลังเอ่ยชื่นชม “ท่านจักรพรรดินี! ท่านคือแสงสว่าง คือหนทาง คือตำนานนิรันดร์…”
หมี่ลี่รู้สึกขนลุกซู่เมื่อได้ยินคำชมเชยเหล่านี้ “พอแล้ว พอแล้ว ไปต่อได้แล้ว” ถึงอย่างนั้นนางก็มีรอยยิ้มแห่งความสุข แท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะคำชม แต่เป็นการที่เขาเลือกที่จะไว้วางใจนางในช่วงเวลาวิกฤตนั้น
“มันสวยงามมาก!” ปี่หลิงหลงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ ท้ายที่สุดแล้ว โลกเบื้องล่างก็เต็มไปด้วยความตาย ในขณะที่โลกนี้เป็นทุ่งหญ้าที่น่ารื่นรมย์และดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม มีหมอกปกคลุมอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ภายใต้แสงอาทิตย์ พระราชวังสีทองที่อยู่ห่างไกลและเสาหยกสีขาวดูยิ่งใหญ่และงดงาม รู้สึกราวกับมาถึงดินแดนมหัศจรรย์อย่างแท้จริง
เมื่อเห็นฉากแฟนตาซีซึ่งก่อนหน้านี้มีเฉพาะในละครและเกม ซูอันอดไม่ได้ที่จะถามหมี่ลี่ว่า “ท่านจักรพรรดินี มีเต๋าแห่งอมตะในโลกนี้จริงเหรอ?”
หมี่ลี่ที่ลอยอยู่เงยหน้าขึ้นมองไปยังพระราชวังอันยิ่งใหญ่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลึกลับขณะที่ตอบว่า “จักรวาลนั้นไร้ขอบเขต ใครจะกล้าอ้างว่าไม่มีเต๋าแห่งอมตะในโลกนี้? แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการประดิษฐ์ขึ้น”
“ประดิษฐ์?” ซูอันรู้สึกสับสน
“เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน?” หมี่ลี่ถาม
“มันไม่ใช่มิติลับแห่งใหม่เหรอ?” ซูอันถามอย่างละเอียด “ดูจากลักษณะแล้ว ดูเหมือนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน”
หมี่ลี่ส่ายศีรษะ “นี่คือสุสานบรรพบุรุษของชาวฉิน หรือที่รู้จักกันในนามสุสานหลวงตะวันตก”
………………..