เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1250 หนองโคลน
บทที่ 1250 หนองโคลน
เหอหลี่เห็นเช่นกันว่าขณะนี้ผลไม้หัวกะโหลกที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งในมือของเขามีรอยฟันที่คุ้นเคยมากมาย ท้องของเขาปั่นป่วนและเริ่มอาเจียนออกมาอย่างรวดเร็ว
จ้าวรุ่ยจื่อพูด “ก่อนหน้านี้เราติดอยู่ในภาพลวงตา ทะเลสาบและต้นท้อเป็นของปลอมทั้งหมด ข้าปลุกพวกเจ้าแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” เหล่าผู้บ่มเพาะต่างก็หลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ ในขณะเดียวกันก็ก่นด่าสาปแช่งภาพลวงตา
แต่ใบหน้าของเหอหลี่กลับมืดมนแทน เขาได้ตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเองแล้ว จึงเห็นว่ามีดอกไม้รูปร่างคล้ายหัวกะโหลกที่น่าเกลียดอยู่ในตัวเขา และการเติบโตของมันก็หยุดลงเพียงชั่วคราวด้วยแสงสีทอง
แสงสีทองนั่นอาจเป็นสิ่งที่จักรพรรดิเพิ่งกระทำ แต่เขารู้ว่าการหยุดการเจริญเติบโตดังกล่าวเป็นเพียงชั่วคราว เมื่อหมดเวลา แสงสีทองก็จะอ่อนลง ดอกไม้หัวกะโหลกจะเติบโตอย่างบ้าคลั่งในตัวเขา
เหอหลี่พยายามกำจัดดอกไม้ออกด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่สำเร็จไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ดอกไม้นี้ดูเหมือนจะรวมเข้ากับเลือดเนื้อในร่างกายแล้ว เว้นแต่เขาจะทิ้งร่างนี้ไป ก็จะไม่มีทางกำจัดดอกไม้นี้ได้ เหอหลี่เข้าใจแผนการของจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่กล้าเปิดโปง ทำได้เพียงมองดูสหายที่ตื่นเต้นด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง บางครั้งความไม่รู้ก็มีความสุขยิ่งกว่า
จ้าวรุ่ยจื่อเดินไปที่ทะเลสาบ กดฝ่ามือลงอย่างไร้อารมณ์ และฝ่ามือสีทองก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า น้ำในทะเลสาบเดือดทันที และหลังจากนั้นไม่นานก็ระเหยเป็นไอ เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ก้นทะเลสาบ
ในนั้นเต็มไปด้วยกระดูกเหี่ยว ๆ บ้าง เป็นของมนุษย์บ้าง เป็นของสัตว์เดียรัจฉานบ้าง โครงกระดูกบางส่วนมีรอยยิ้มแปลก ๆ เต็มไปด้วยความพึงพอใจและความทุกข์ คล้ายกับที่ผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณเคยมีบนใบหน้าเช่นนั้นมาก่อน
ทุกคนหลั่งเหงื่อเย็น แม้แต่จ้าวรุ่ยจื่อก็ไม่มีข้อยกเว้น ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเกิดหันกลับมา เมื่อถึงเวลาที่ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ดอกไม้ประหลาดเหล่านั้นอาจเติบโตเต็มที่ในร่างกายแล้ว การกำจัดพวกมันก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีก
เขาแผ่เจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์ออกไปอย่างรวดเร็ว สักพักจึงขมวดคิ้ว โดยปกติแล้ว เจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาสามารถล้อมรอบเมืองหลวงทั้งหมดได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แต่ตอนนี้มันเข้าถึงได้ในระยะแคบ ๆ เท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเขาถูกควบคุมโดยกฎพิเศษของโลกในมิติลับใหม่นี้
“เราจะเดินหน้าต่อไป!” จ้าวรุ่ยจื่อไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตลึกลับในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกการค้นหาสถานที่ดังกล่าว ความสำคัญสูงสุดในตอนนี้คือ พระราชวังที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นจุดศูนย์กลางของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามลูก หากมีสมบัติลับใด ๆ ก็น่าจะอยู่ที่นั่น
แต่หลังจากประสบทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จิตวิญญาณที่เคยสูงส่งของเขาตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยความเศร้าโศก ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้อาจไม่มีเบาะแสของความเป็นอมตะ ถ้าเขารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ คงจะกำจัดไอ้ตัวเล็กซูอันนั่นก่อน!
เขาโกรธมาก ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของต้นท้อประหลาดเหล่านี้ ทันทีที่เขาสะบัดแขนเสื้อ แสงสีทองพลันพุ่งออกมา ต้นท้อที่แปลกประหลาดเริ่มไหม้อย่างรุนแรงในทันที และใบหน้าภูติผีแปลก ๆ ทั้งหมดก็กรีดร้องอย่างน่าสมเพช คนอื่น ๆ หน้าซีดด้วยความตกใจขณะที่คอยเฝ้าดู
ป่าท้อดูหนาแน่น แต่สำหรับจ้าวรุ่ยจื่อ การทำลายมันเป็นเรื่องง่ายมาก สถานที่ทั้งหมดถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในเวลาเพียงไม่นาน เขาหันหลังกลับแล้วมุ่งตรงไปในทิศทางที่ซูอันหนีไป ผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณรีบตามหลังไปติด ๆ
“อาจเป็นภาพลวงตาหรือเปล่าพะย่ะค่ะ?” เหอหลี่ถามอย่างอึกอัก
จ้าวรุ่ยจื่อส่ายหัว “ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนที่รุนแรงในอากาศ พื้นที่ตรงนี้เพิ่งผ่านการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าเราจึงไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็นทะเลทรายจริง ๆ” เขาขมวดคิ้ว หากเป็นเช่นนี้จริง สถานที่ที่ซูอันไปอาจไม่ใช่พื้นที่เดียวกับที่เขาเข้ามาด้วยซ้ำ การตามล่าเด็กนั่นคงจะลำบากน่าดู
“เรามุ่งหน้าไปยังพระราชวังที่อยู่ด้านบนสุดก่อน” จ้าวรุ่ยจื่อตัดสินใจอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดอยู่บนทวีปลอย ดังนั้นซูอันจึงไม่มีทางหลบหนีได้ เมื่อเขาสำรวจมิติลับนี้เสร็จและได้รับโอกาสอัศจรรย์แล้ว เขาก็จะค่อย ๆ ค้นหาไอ้ตัวเล็กนั่น
…
“ฮัดชิ่ว!” ซูอันลูบจมูก “สงสัยมีสาวงามสักคนกำลังคิดถึงข้า”
หมี่ลี่กลอกตา “พวกนางคงคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว เช่นนี้ยังจะฟังดูถูกต้องกว่า”
ซูอันยิ้มด้วยความลำบากใจ เขาต้องยอมรับว่าอาจเป็นไปได้จริง ๆ ท้ายที่สุดเขายังคงได้รับคะแนนความโกรธแค้นจากจักรพรรดิเป็นครั้งคราว
“ฮะ? ดูเหมือนจะมีอารามแปลก ๆ อยู่ข้างหน้า” ปี่หลิงหลงกล่าว
ซูอันเงยหน้าขึ้นและเห็นอารามขนาดยักษ์หนึ่งร้อยจั้ง แต่ตัวอารามมีการออกแบบค่อนข้างแปลกตา ไม่เหมือนอารามอื่นที่เขาเคยเห็น มันไม่มีร่องรอยของความศักดิ์สิทธิ์และความเคร่งขรึมแม้แต่น้อย แต่กลับดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่กำลังพักผ่อน
“อารามนี้ดูเหมือนปลาประหลาด” หลังจากมองดูอยู่พักหนึ่ง ปี่หลิงหลงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “แต่ในโลกมีปลาตัวใหญ่เท่านี้จริงเหรอ?”
“มี เหมือนวาฬตัวใหญ่” ซูอันมองไปยังอารามที่แปลกประหลาด เขารู้สึกว่ามันใหญ่กว่าวาฬสีน้ำเงินในโลกเก่าด้วยซ้ำ
“ฮะ? เป็นไปได้ไหม…” หมี่ลี่พูดออกไปด้วยความงงงวย
ซูอันถามอย่างรวดเร็วว่า “ท่านจักรพรรดินี ท่านติดนิสัยหยุดพูดกลางคันตั้งแต่เมื่อไร? ตกลงจะพูดอะไรกันแน่?”
หมี่ลี่ส่ายศีรษะ “เรามาดูรอบ ๆ กันก่อน ดูให้แน่ใจว่ามันเป็นสิ่งที่ข้าสงสัยว่าจะเป็นจริง ๆ”
ซูอันต้องการขอข้อมูลเพิ่มเติมจากนาง แต่ปี่หลิงหลงก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก แขนที่ซีดเผือดโผล่ออกมาจากพื้นและจับข้อเท้าของนางไว้!
อย่างไรก็ตาม ปี่หลิงหลงมีการบ่มเพาะระดับหก นางตัดมันออกในทันทีที่ตั้งสติได้ ในเวลาเดียวกัน มีมืออีกจำนวนมากยื่นออกมาจับที่เท้าของนาง นอกจากนี้ พื้นดินรอบ ๆ ยังหนืดเหมือนโคลนเหนียว ๆ จุดศูนย์ถ่วงของนางเริ่มไม่มั่นคงและล้มลง โชคดีที่ปฏิกิริยาของซูอันรวดเร็ว เขาอุ้มนางขึ้นมาและจัดการตัดมือที่อยู่รอบเท้าของนางออกก่อนที่จะกระโจนกลับไปที่พื้นแข็ง
“มันคืออะไรกันแน่?” ปี่หลิงหลงยังคงหัวใจเต้นแรงขณะที่จ้องมองไปยังพื้นที่ที่เพิ่งจากมา
ทันใดนั้น พื้นดินกลายเป็นหนองโคลนเหนียวหนืด! แขนจำนวนนับไม่ถ้วนยื่นออกมาไขว่คว้าราวกับต้องการลากสิ่งที่มีชีวิตให้จมลงสู่ก้นบึ้ง สีหน้าของนางซีดเผือดเมื่อได้เห็นสิ่งที่น่าขนลุกนี้
“ข้าไม่รู้ พวกมันดูเหมือนมือของศพ” ซูอันกล่าวด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
ปี่หลิงหลงกำลังจะพูดอย่างอื่น ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วพลางก้มลงจับน่องของตัวเอง เหงื่อเย็นไหลออกมา ซูอันย่อตัวลงด้านข้าง ยกชุดของนางขึ้นเล็กน้อยและเห็นว่าน่องที่ขาวเรียบเนียนมีรอยดำไหม้เกรียมหลายรอย ในตอนแรกปี่หลิงหลงรู้สึกอายเมื่อชายคนหนึ่งถกกระโปรงของนางขึ้น แต่นางก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยมือสีดำเหล่านี้
“สิ่งเหล่านี้เกิดจากความชั่วร้ายของโลก พลังชี่ชั่วร้ายนี้กลืนกินสิ่งมีชีวิต แม้เพียงสัมผัสก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงได้” ซูอันบอกต่อสิ่งที่หมี่ลี่อธิบายให้เขาฟัง
“แล้วนี่เราจะข้ามไปได้ยังไง!?” ปี่หลิงหลงตื่นตระหนก หนองโคลนแห่งนี้ยากที่จะข้ามไปได้ตั้งแต่แรก พวกเขาจะข้ามไปยังอีกฝั่งโดยที่มีวิญญาณพยาบาทมากมายคอยจับตัวอยู่ได้อย่างไร?
นางไม่กังวลเกี่ยวกับรอยดำบนร่างกายมากนัก ถึงแม้จะเจ็บปวดแสบร้อนก็ยังพอทนไหว แต่ตอนนี้พวกเขาไปต่อไม่ได้ และจะกลับไปก็ไม่ได้เช่นกัน หากถูกจักรพรรดิจับได้ สิ่งเดียวที่รอพวกเขาสองคนอยู่ก็คือความตาย!