เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1251 ภูเขาที่มืดหม่น
บทที่ 1251 ภูเขาที่มืดหม่น
ขณะนี้ปี่หลิงหลงไม่รู้ว่ากลุ่มของจ้าวรุ่ยจื่อได้เดินไปในเส้นทางที่แตกต่างไปจากพวกตนอย่างสิ้นเชิง และพวกเขาเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบากเช่นกัน
มีทะเลทรายขนาดใหญ่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้า ทว่าจ้าวรุ่ยจื่อไม่ลังเลเลยที่จะนำกลุ่มคนย่างเท้าเข้าไป ทะเลทรายขนาดใหญ่นี้อาจจะเป็นอุปสรรคหนักหนาสำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้บ่มเพาะเช่นคนกลุ่มนี้
แต่เมื่อทั้งหมดไปถึงส่วนลึกของทะเลทราย ปัญหาหลายอย่างก็ปรากฏขึ้น มีเสียงกรอบแกรบรอบตัว เดี๋ยวดังเดี๋ยวเบาในตอนแรก จึงไม่มีใครให้ความสนใจกับพวกมันมากนัก แต่สุดท้ายเสียงก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ เสียงเหล่านี้ดูเหมือนจะมาจากใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา
เหอหลี่ที่หงุดหงิดอยู่แล้วด้วยมีดอกไม้หัวกะโหลกอยู่ในตัว เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงตัดสินใจฟาดฝ่ามือลงกับพื้น เสียงทั้งหมดเบาลงทันที ผู้บ่มเพาะบางคนขุดทรายและพบแมงป่องดำจำนวนมากที่สิ้นชีพจากฝ่ามือของเหอหลี่ พวกเขารู้สึกชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
แต่จ้าวรุ่ยจื่อขมวดคิ้ว จ้องมองไปที่แมงป่อง แมงป่องเหล่านี้แตกต่างจากแมงป่องทั่วไป พวกมันมีขนาดใหญ่กว่าสามถึงสี่เท่าและมีสีดำเงาแปลก ๆ
ไม่กี่อึดใจต่อมา ซากแมงป่องดำก็เหือดหายกลายเป็นควันดำ ผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณทุกคนตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น?
“ระวัง!” สีหน้าของจ้าวรุ่ยจื่อเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เพราะมีเสียงกรอบแกรบล้อมรอบมากขึ้น ซ้ำยังดังกว่าในตอนแรกอีกด้วย ทรายรอบข้างเริ่มปั่นป่วนราวกับมีบางสิ่งบิดเบี้ยวอยู่ข้างใน
ผู้บ่มเพาะจากคฤหาสน์ราชันลมปราณชักอาวุธออกมา ทุกคนหวาดกลัวอย่างมากจากอันตรายที่ไม่รู้จัก จู่ ๆ ทรายก็ลอยขึ้นไปในอากาศรอบตัวพวกเขา สุมทุมทับถมกันเป็นกองพะเนินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีเสียงดังเสียงอู้อี้ แมงป่องสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนคลานยั้วเยี้ยออกมากรุมล้อมและกระโดดเข้าใส่กลุ่มผู้บ่มเพาะทันที
ผู้คนจากคฤหาสน์ราชันลมปราณตื่นตระหนก พากันกวัดแกว่งอาวุธป้องกันตัว ปลดปล่อยทักษะธาตุทุกประเภท สำหรับผู้บ่มเพาะเช่นพวกเขา การจัดการกับฝูงแมงป่องไม่ควรเป็นเรื่องยากเลย แต่แมงป่องเหล่านี้แปลกเกินไป ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีภูมิต้านทานต่อการโจมตีจากหลายธาตุ ด้วยความได้เปรียบด้านจำนวน ในไม่ช้าพวกมันก็สามารถต่อยผู้บ่มเพาะได้ คนผู้นั้นกรีดร้องอย่างน่าสมเพชทันทีและเริ่มกลิ้งไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะ โดยปกติแล้วย่อมจะไม่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจากอาการบาดเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นกลับกรีดร้องอย่างขมขื่น มันง่ายที่จะจินตนาการว่าเหล็กในนั้นเจ็บปวดแค่ไหน
จ้าวรุ่ยจื่อไม่พอใจ เขาปล่อยคลื่นแสงสีทองพุ่งออกมาใส่กลุ่มแมงป่อง พวกมันหายไปเป็นควันสีดำทันทีที่สัมผัสกับแสง กลุ่มแมงป่องรอบตัวหายไปในทันที!
เหอหลี่เบิกตากว้าง คิดกับตัวเองว่า ‘พลังของจักรพรรดิยิ่งใหญ่พอที่จะทำให้ข้าประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าข้าเป็นผู้หญิง ข้าอาจจะตกหลุมรักเขา เกิดอะไรขึ้นกับองค์หญิงรัชทายาท? นางเลือกที่จะตามหนุ่มน้อยนั่นไปจริง ๆ เหรอ?’
จ้าวรุ่ยจื่อพูดอย่างเฉยเมย “รักษาผู้บาดเจ็บแล้วเดินทางต่อ” แรงกระตุ้นในจิตใจของเขาทำให้อยากโยนผู้บาดเจ็บทิ้งไปเพื่อไม่ให้เป็นภาระ เพราะในฐานะผู้นำ เขารู้ว่าเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาสูญเสียขวัญกำลังใจ การพาพวกเขาไปด้วยก็ไม่มีความหมาย
หลายคนเคลือบแคลงใจเมื่อพวกพ้องพากันเสียชีวิตจากการทดลองเกาะลอย หากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอีก ทุกคนจะต้องโกรธแค้นแน่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาต้องรักษาน้ำใจผู้ใต้บังคับบัญชาไว้
เหอหลี่รีบตั้งสติทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ในฐานะผู้บ่มเพาะอันดับเก้า เขามียาล้ำค่าหลายชนิดในครอบครอง ปกติเขาจะไม่เต็มใจใช้มันกับคนอื่นเลย แต่เนื่องจากคำสั่งของจักรพรรดิ เขาทำได้เพียงรักษาคนเจ็บในขณะที่รู้สึกเสียดายอยู่ข้างใน ฮึ่ม! ข้าขอถอนคำพูด ผู้ชายคนนี้ตระหนี่มาก ซ้ำยังรู้วิธีรีดเลือดจนหยดสุดท้ายออกจากตัวเรา ไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิงทิ้งไปหาชายอื่น!
กลุ่มของจ้าวรุ่ยจื่อเดินทางต่อไปในทะเลทราย หลายครั้งที่จักรพรรดิต้องคอยช่วยกำจัดแมงป่องที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนว่าพวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน แม้แต่เขาก็เริ่มรู้สึกกดดัน
“ข้าเชื่อว่าแมงป่องสีดำเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากพลังชี่ที่ชั่วร้าย การดำรงอยู่ของพวกมันขึ้นอยู่กับโลกใบนี้ เว้นแต่เราจะทำลายโลกนี้อย่างสมบูรณ์ พวกมันก็จะหายไป” คิ้วของจ้าวรุ่ยจื่อขมวดลึก แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก “ฮึ่ม ถ้าข้ายังปวดหัวขนาดนี้ ไอ้สารเลวซูอันก็จะต้องตายอย่างหนีไม่พ้นหากเผชิญกับภัยพิบัติแบบเดียวกันกับข้า”
…
“ฮัดชิ่ว!” ซูอันอดไม่ได้ที่จะจามอีกครั้ง “ใครกันที่คิดถึงข้า?”
“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าป่วยเหรอ?” ปี่หลิงหลงกังวลเล็กน้อย โดยปกติแล้วหลังจากมาถึงระดับหนึ่ง ผู้บ่มเพาะจะไม่เจ็บป่วย ถ้าเมื่อใดที่ป่วยก็หมายความว่าเป็นอาการร้ายแรงจริง ๆ
“ข้าสบายดี” ซูอันส่ายศีรษะ จากนั้นเขาก็เอื้อมมือลงไปจับข้อเท้าของนาง สัมผัสได้ถึงผิวที่เนียนนุ่มของคนที่ได้รับการปรนนิบัติในฐานะองค์หญิงรัชทายาทมานานหลายปี
ปี่หลิงหลงหน้าแดงเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือของเขา ทำไมเขาถึงสัมผัสข้าตอนนี้? ข้าควรจะปฏิเสธเขาหรือแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไร… นางรู้สึกขัดแย้งเมื่อจู่ ๆ กระแสลมอุ่นก็พัดผ่านข้อเท้าของนาง ความเจ็บปวดแสบร้อนหายไปทันที แม้แต่รอยมือสีดำก็หายไปด้วย
ซูอันหัวเราะเบา ๆ และไม่ตอบคำถามของนาง “รีบไปกันเถอะ” พูดจบก็พานางไปที่หนองโคลน
ปี่หลิงหลงรู้สึกหวาดกลัว “มีวิญญาณพยาบาท…” นางตกใจเมื่อพบว่าแขนของวิญญาณพยาบาทต้องการจะเอื้อมมาหาทั้งสองคน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ พวกมันก็หดกลับด้วยความกลัวราวกับว่าเป็นฝ่ายที่เห็นภูตผีแทน…
เมื่อใดก็ตามที่ซูอันก้าวเดิน พื้นที่หนองโคลนทั้งหมดในระยะไม่กี่จั้งจะถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง ราวกับพวกเขากำลังเดินบนพื้นแข็ง
“นี่คือความสามารถของกระบี่เกล็ดหิมะ? แต่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ากระบี่เกล็ดหิมะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย!” ปี่หลิงหลงค่อนข้างงงงวย
ซูอันมีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายบนใบหน้า เขาเข้ามาในมิติลับแบบนี้กี่ครั้งแล้ว? เขาเชี่ยวชาญในการจัดการกับเหล่าวิญญาณเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขาเรียนรู้วิชาปฐมบทแรกเริ่มถึงระดับที่สอง เขาก็ได้รับความสามารถในการกดขี่วิญญาณที่ชั่วร้ายทั้งหมด ตอนนี้เขาสำเร็จระดับที่สามแล้ว วิญญาณอาฆาตที่อยู่ข้างใต้รู้สึกถึงภัยคุกคามตามสัญชาตญาณ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกมันจึงต้องการอยู่ให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ข้ามหนองโคลนนั้นและมาถึงหน้าอารามประหลาด มันทรุดโทรมลงมากแล้ว ไม่มีป้ายบอกทาง ประตูบานคู่หายไปบานหนึ่ง บานที่เหลืออยู่ถูกดันเข้าไปด้านในเล็กน้อย พื้นผิวของมันถูกปกคลุมด้วยใยแมงมุม ดูเหมือนจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพียงแค่ออกแรงผลักเบา ๆ
ด้านข้างของประตูมีเส้นสลักคลุมเครือสองเส้น หมี่ลี่อ่านออกเสียง “‘ภูเขาอยู่ในความมืดหม่น แม้ไม่เห็น แต่สัตว์ประหลาดตนนั้นก็ยังอาศัยอยู่ในที่ของมัน’… เฮ้อ สุดท้ายก็เป็นเขา”
………………..