เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1254 ทุกคนจะต้องตาย
บทที่ 1254 ทุกคนจะต้องตาย
จ้าวรุ่ยจื่อที่เริ่มหมดหวังจากเหตุการณ์ต้นท้อปลอม ตอนนี้ได้เห็นเส้นทางอื่นแล้ว และรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีกครั้งในทันที
เขาทบทวนสิ่งที่เพิ่งอ่านอย่างรวดเร็ว ‘เหนือความโกลาหลยังมีเมฆดำทะมึน ประตูสวรรค์เปิดกว้าง’ อาจหมายความว่าประตูใหญ่เปิดออกภายในเมฆดำ เขานึกถึงฉากที่โลกถูกทำลาย สวรรค์และโลกพลิกผัน มีเมฆดำที่เต็มไปด้วยสายฟ้าวูบไหว จากนั้นภูเขาศักดิ์สิทธิ์สามลูกก็ปรากฏขึ้น คำเหล่านี้น่าจะหมายถึงฉากนั้น
แต่อะไรเล่าคือ ‘พระอาทิตย์ดวงโตหวนคืนสู่ตำหนักทอง ดาวใต้เคลื่อนที่รอบอลิโอธ เรือนยอดเข้าแถวเกิดเป็นสายสีม่วง เพลงที่สง่างามบรรเลงผ่านเจิ้ง ผู้ที่เข้าใจจะได้รับชีวิตนิรันดร์’?
เขานึกถึงบันทึกโบราณที่กล่าวถึงคำว่า ‘อลิโอธ’ อย่างคลุมเครือ ดูเหมือนจะเป็นชื่อดวงดาว แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่ามีปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์บางอย่างที่กำลังอธิบายอยู่ รูปแบบการเรียงตัวของดวงดาวบนท้องฟ้าจะทำให้เขาได้รับชีวิตนิรันดร์หรือไม่?
สีหน้าของจ้าวรุ่ยจื่อเปลี่ยนไป จากที่เคยเชื่อว่าตัวเองไม่มีใครเทียบได้ ไม่มีอะไรยากเกินไปในโลกนี้ หรือต่อให้โลกล่มสลาย เขาก็ยังดำรงอยู่ได้ แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกสิ้นหวังจริง ๆ
หากต้องการรูปแบบการเรียงตัวของดวงดาว เขาจะจัดสรรดวงดาวเบื้องบนได้อย่างไร? ตามสิ่งที่เขารู้ รูปแบบการเรียงตัวเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเป็นระยะเวลานาน ช่วงเวลาที่สั้นที่สุดใช้เวลาสองถึงสามทศวรรษ ในขณะที่ช่วงเวลาที่ยาวกว่านั้นใช้เวลาหลายพันหรือหลายหมื่นปี พวกมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถควบคุมได้อย่างแน่นอน
เหอหลี่รู้สึกถึงคลื่นพลังงานบ้าดีเดือดที่กระเพื่อมออกมาในขณะที่ปิดกั้นช่องบนเพดาน อารมณ์ของจักรพรรดิเริ่มไม่มั่นคงอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกตื่นตระหนก แต่สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว “ขอแสดงความยินดีด้วยพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
จ้าวรุ่ยจื่อมองดูเขาอย่างเย็นชา “ไม่มีอะไรควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง”
เมื่อสายตาของจ้าวรุ่ยจื่อมองมาที่เหอหลี่ เหอหลี่รู้สึกราวกับว่าร่างกายถูกแช่แข็ง ไม่สงสัยแม้แต่น้อยว่าถ้าเขาไม่สามารถแสดงคุณค่าของตัวเองออกมา อีกฝ่ายจะกำจัดเขาทันที
เขากลืนน้ำลายแล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า “มิติลับนี้ในภูเขาด้านหลังสถาบันไม่ได้เปลี่ยนไปเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นโลกทั้งใบก็พลิกกลับเมื่อฝ่าบาทเข้ามาและมิติลับใหม่ก็ปรากฏขึ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะความยิ่งใหญ่ของฝ่าบาทเป็นต้นกำเนิดของมิติลับใหม่นี้! ‘เหนือความโกลาหลยังมีเมฆดำทะมึน ประตูสวรรค์เปิดกว้าง’ อธิบายถึงสิ่งที่เราเพิ่งประสบมาไม่ใช่หรือพะย่ะค่ะ? เนื่องจากคำก่อนหน้านี้ได้รับการยืนยันแล้ว ปรากฏการณ์ท้องฟ้าน่าจะได้รับการยืนยันในไม่ช้าเช่นกัน ฝ่าบาทเสด็จมาในเวลาอันสมควร เต๋าแห่งชีวิตนิรันดร์นี้กำลังรอพระองค์อยู่!”
เขาได้ยินสิ่งที่จ้าวรุ่ยจื่ออ่านก่อนหน้านี้ ในฐานะคนที่อยู่ขั้นสูงสุดของระดับเก้า เขาไม่ได้โง่… เขาสามารถอนุมานความหมายคร่าว ๆ ของตัวอักษรได้หลังจากวิเคราะห์อย่างง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่สามารถถอดรหัสคำเหล่านั้นได้ทั้งหมด แต่ก็มากเกินพอสำหรับการเยินยอ
จ้าวรุ่ยจื่อมีความสุขเมื่อได้ยินสิ่งที่เหอหลี่พูด เขาคำรามด้วยเสียงหัวเราะ “จริงด้วย! สัญญาณโหราศาสตร์ที่ตัวอักษรเหล่านี้อธิบายมักจะพูดถึงปัจจุบัน! ฮ่า ๆๆ…”
เหอหลี่ซึ่งยังคงอยู่บนเพดานก็ยิ้มเช่นกัน แต่ภายในกลับเย็นชา แม้ว่ารูปแบบท้องฟ้าจะได้รับการยืนยันแล้ว แต่ก็ยากที่จะบอกว่าใครจะได้รับโอกาสนี้! หลังจากที่พวกเราหลายคนเข้ามาในมิติลับนี้ด้วยกัน…
จ้าวรุ่ยจื่อรู้สึกตื่นเต้น “เราได้สำรวจความลับทั้งหมดของสถานที่แห่งนี้แล้ว เดินทางต่อไปได้!” หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็ทิ้งซากเมืองโบราณและกลับไปที่ทะเลทราย เขาสงสัยว่าซูอันและปี่หลิงหลงกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ ฮึ่ม! พวกมันอาจถูกวิญญาณพยาบาทหรือกับดักอะไรสักอย่างจัดการ พวกมันควรจะขอบคุณที่สามารถตายได้อย่างไม่เจ็บปวด
…
ซูอันไม่รู้ว่าเขาควรทำหรือไม่ ปี่หลิงหลงเป็นเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่กำลังร้อนรุ่ม นางจูบเขาที่แก้มทั้งสองข้าง ร่างกายทั้งหมดของซูอันรู้สึกราวกับกำลังจะระเบิดเมื่อได้กลิ่นกายนาง
แต่เขาไม่ใช่เด็กที่ไม่มีประสบการณ์อีกแล้ว แม้ว่าปฏิกิริยาของร่างกายเขาจะเป็นอย่างหนึ่ง แต่เขาก็รู้สึกลังเลใจ ซูอันมองหมี่ลี่ด้วยความวิงวอน “ท่านจักรพรรดินี ช่วยข้าตรวจดูว่ามีอะไรผิดปกติกับนางหน่อยเถอะนะ”
หมี่หลี่ซึ่งแสร้งทำเป็นมองหาเบาะแส แต่จริง ๆ แล้วแอบฟังก็อยู่ยิ้มออกมา ทว่านางรีบกลบเกลื่อนและพูดว่า “จิ๊ ๆ เจ้าเพิ่งรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับนางเอาตอนนี้เหรอ?”
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูอันผลักสาวงามในอ้อมแขนของเขาออกไปในขณะที่มองไปที่หมี่ลี่ อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่น่ามัวเมาในอ้อมแขนของเขาเกือบทำให้ความมีเหตุผลของเขาพังทลายลงหลายครั้ง
หมี่ลี่ส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้ แต่ดูจากสภาพแล้ว นางน่าจะถูกวางยาพิษ เจ้าสบายดีเพราะเจ้าฝึกวิชาปฐมบทแรกเริ่มและมีภูมิคุ้มกันพิษทุกประเภท”
“พิษ?” ซูอันทบทวนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเข้ามาในอารามแห่งนี้ ดูเหมือนจะไม่มีสารพิษใด ๆ แล้วทำไมนางถึงได้รับพิษ?
เดี๋ยวนะ! ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และเงยหน้าขึ้นมองไปยังคบเพลิงและเทียนไข เห็นควันจาง ๆ ออกมาจากเชิงเทียนที่กำลังลุกไหม้
ข้างในนี้มืดเกินไป ดังนั้นเขาจึงใช้ทักษะดาบอัคคีเพื่อจุดเทียนเหล่านี้ ในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจที่อารามทรุดโทรมเช่นนี้มีเทียนที่ยังจุดอยู่ได้ แต่ตอนนี้เขาตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้อาจเป็นที่มาของพิษ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเจาะรูบนหลังคาแล้วรีบพาปี่หลิงหลงบินออกไปจากซากอาราม เสียงร่ำไห้อันน่าสยดสยองดังอื้ออึงล้อมรอบพวกเขาอีกครั้ง
“ใครแสร้งทำเป็นภูตผีที่นี่? แสดงตัวออกมา!” ซูอันคำรามในขณะที่เขามองไปรอบบริเวณ น่าเสียดายที่นอกจากหญ้าที่แกว่งไกวอย่างรุนแรงแล้ว เขาก็ไม่เห็นใครอีกเลย
ซูอันขมวดคิ้ว เขาใช้ความสามารถของตราหยกค้นหาบริเวณโดยรอบด้วยความช่วยเหลือของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ให้ควบคุมเลย! ลืมนกหรือหนูไปได้เลย ไม่มีแม้แต่แมลงสักตัว
ใบหน้าของเขาซีดเผือด คาดว่าทะเลสาบที่เต็มไปด้วยวิญญาณพยาบาทจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ ทว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่พืชพรรณเฟื่องฟู! แต่กลับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดนอกจากพวกเขาสองคน มันแปลกเกินไป…
“ทำไมเราถึงมาอยู่ข้างนอกได้” หลังจากสูดอากาศบริสุทธิ์และได้ยินเสียงตะโกนดุร้ายของซูอันแล้ว ปี่หลิงหลงก็สั่นสะท้าน ความสับสนเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
ซูอันใช้โอกาสนี้ป้อนยาสงบใจให้นาง “เจ้าถูกวางยาพิษในอาราม”
เมื่อผลของยาแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ดวงตาของปี่หลิงหลงก็กลับมาสดใสอีกครั้ง “วางยา?” ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางแดงอยู่แล้วจากการเคลื่อนไหวทั้งหมดก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางกลับมาได้สติอีกครั้ง มันก็ยิ่งแดงก่ำขึ้นไปอีก
แม้ว่าจะถูกวางยา แต่นางก็ยังไม่ลืมสิ่งที่เกิดขึ้น ครั้นนึกถึงตอนที่ยั่วยวนเขาเมื่อครู่ นางอายมากจนอยากจะหนีไปซ่อนตัวตลอดกาล
ข้าไม่มีความละอายใจเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับข้า!? นางกำลังจะบ้า อยากจะทึ้งผมด้วยความหงุดหงิดจริง ๆ แต่ความมีเหตุผลก็หยุดนางไว้ นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ และแสร้งทำเป็นสงบ “เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าถูกวางยา? ข้า… ไม่ได้ทำอะไรเลยใช่ไหม?”
ซูอันรู้ว่านางเป็นคนอย่างไร เขารู้ว่านางคงอายมากหากบอกไปตรง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาจะกล้าบอกความจริงกับนางได้อย่างไร? “ไม่มีอะไรมาก ข้าพาเจ้าออกมาที่นี่เมื่อรู้ว่าเจ้าถูกวางยา”
หมี่ลี่กลอกตาขณะที่เฝ้าดูละครอยู่ข้าง ๆ “ผู้หญิงคนนี้รู้จริง ๆ ว่าควรแสดงอะไรยังไง”
“ท่านหมายถึงอะไร?” ซูอันถามอย่างสับสน
หมี่ลี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้านางไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ ปฏิกิริยาแรกของนางควรจะถามว่า เจ้าทำอะไรกับนางหรือเปล่า แต่นางกลับถามว่า นางทำอะไรกับเจ้าหรือเปล่า น่าสนใจไหมล่ะ?”
ซูอันพูดไม่ออก หญิงสาวยิ่งสวย ยิ่งโกหกเก่ง! นอกจากนี้ ผู้ที่เข้าใจหญิงงามได้ดีที่สุดก็คือหญิงงามอีกคนหนึ่ง
………………..