เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1256 สำแดงตัว
บทที่ 1256 สำแดงตัว
“ทำไมมองข้าแบบนั้น?” สัญชาตญาณผู้หญิงของปี่หลิงหลงทำให้นางรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ไม่มีอะไร” ซูอันหัวเราะเบา ๆ “แค่คิดว่าถ้าเจ้าคิดถึงข้า เจ้าก็แค่บอกข้า ไม่ต้องปิดบังขนาดนี้ก็ได้”
ปี่หลิงหลงพูดไม่ออก
ฮั่นจงพุ่งเข้ามาพร้อมเสียงคำราม เหวี่ยงฝ่ามือเข้าใส่ด้วยพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ สีหน้าของซูอันเปลี่ยนไป เขาเอื้อมมือออกไปสกัดกั้นการโจมตี เกิดเสียงดังกัมปนาท ทั้งสองฝ่ายกระเด็นถอยกลับไปคนละหนึ่งจั้ง
ซูอันรู้สึกตกใจเมื่อรู้สึกถึงอาการชาที่แขน ผู้ชายคนนี้ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือด้วย มันคงไม่ดีนักหากการต่อสู้ของพวกเขาดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตะโกนว่า “ฮั่นจง! ทำไมเราไม่คุยกันดี ๆ ก่อน”
อีกฝ่ายคลานมาตามพื้นและเตรียมที่จะกระโจนอีกครั้ง ทว่าเขาชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง “ฮั่น… จง…” เขาเริ่มพูดเสียงแหบแห้ง ราวกับว่ามันนานเกินไปตั้งแต่เขาพูดครั้งสุดท้าย
เขาจับศีรษะด้วยความเจ็บปวด “ฮั่น…จง นั่นใครน่ะ? ข้าเป็นใคร? อา…” เขาส่ายหัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทุบมันด้วยกำปั้น ในไม่ช้าศีรษะก็เต็มไปด้วยเลือด จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น “ชีวิตนิรันดร์… ไม่ ตายทั้งหมด ทุกคนจะต้องตาย…” หลังจากพูดคำเหล่านั้น เขาก็พุ่งเข้ามาอย่างโกรธจัด
ซูอันหน้าตาบูดบึ้ง พวกเขายังต้องต่อสู้กันในท้ายที่สุด! เนื่องจากอีกฝ่ายมีคุณสมบัติธาตุไม้อย่างชัดเจน เขาจึงใช้ดาบอัคคีซึ่งแน่นอนว่ามีข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติ
หลังจากการต่อสู้ดำเนินไปสักพัก หมี่หลี่ก็เปล่งเสียงประหลาดใจ “มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดูเหมือนว่าเขาจะเหลือแต่สัญชาตญาณการต่อสู้ และไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้อะไรทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่มีทางสู้กับเขาได้เลย”
ซูอันก็ตระหนักได้เช่นกัน ฮั่นจงต่อสู้ราวกับสัตว์อสูร บางทีอาจต่ำกว่าระดับของสัตว์อสูรด้วยซ้ำ อย่างน้อยสัตว์ก็มีทักษะโดยกำเนิด
หมี่ลี่ลอยมา นิ้วเรียวยาวของนางยื่นออกไปจี้จุดซี่โครงล่างของตัวประหลาด ฮั่นจงคำรามอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็ทรุดตัวลงกับพื้น
ซูอันมองไปที่หมี่ลี่ด้วยความตกใจ อุทานว่า “ท่านช่วยข้าจริง ๆ หรือเนี่ย!”
“ข้าไม่ได้ทำเพื่อช่วยเจ้า แต่เป็นเพราะข้ามีเรื่องจะถามเขา” หมี่หลี่กล่าว จากนั้นนางก็ปรากฏตัวต่อหน้าฮั่นจงและถามว่า “ฮั่นจง เจ้าจำได้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”
ปี่หลิงหลงรู้สึกสับสนว่าทำไมสัตว์ประหลาดตัวนั้นถึงทรุดตัวลงมาอย่างกะทันหัน แต่แล้วสตรีในชุดสีแดงที่งดงามอย่างยิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากอากาศ ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ในขั้นต้น ด้วยความแข็งแกร่งของฮั่นจง มันไม่ง่ายเลยที่หมี่ลี่จะยับยั้งเขาได้ แต่นางอยู่ในร่างวิญญาณ ดังนั้นฮั่นจงจึงไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของนางเลย นอกจากนี้ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่ซูอัน
เมื่อเห็นการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหมี่ลี่ ปี่หลิงหลงก็ตกใจ ความคิดแรกของนางคือ มีผีผู้หญิงอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ด้วย แต่จะมีผีตนไหนบ้างที่งดงามขนาดนี้?
นอกจากนี้ ผีสาวตนนี้ยังแสดงออกถึงความรู้สึกสง่างามในทุกอิริยาบท ซึ่งเป็นสิ่งที่นางมุ่งมั่นจะเป็นตั้งแต่ยังเด็ก นางคิดว่าตัวเองไปถึงระดับนั้นแล้ว แต่หลังจากเผชิญกับทุกสิ่งในมิติลับนี้ สภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงของนางก็พิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองยังห่างไกลนัก
นางโน้มตัวเข้าใกล้ซูอันโดยไม่รู้ตัว “อาซู ระวังตัวด้วย ข้าได้ยินมาว่าผีที่สวมชุดสีแดงนั้นทรงพลังที่สุดและดุร้ายที่สุด”
หมี่ลี่หันกลับมา “สารเลว เชื่อข้าเถอะเมื่อข้าบอกว่าข้าอาจทำให้เจ้ากลายเป็นผีได้เหมือนกัน!”
“ฮะ?” ปี่หลิงหลงสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผีจะพูดได้! จากที่นางรู้ ผีพวกนี้มักจะมีการบ่มเพาะที่สูงส่ง สถานที่นี้เต็มไปด้วยวิญญาณพยาบาท และมันยังมีสัตว์อสูรขนยาวตัวนั้นด้วย ตอนนี้มีแม้แต่ผีสาวชุดแดงที่ทรงพลังก็ทำให้นางรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ เขาพูดปลอบใจว่า “อย่ากังวล นางเป็นหนึ่งในพวกเรา”
“หนึ่งในพวกเรา?” ดวงตาของปี่หลิงหลงเบิกกว้าง “เจ้าเคยนอนกับผีด้วยเหรอ?”
ภาพลักษณ์ของซูอันในใจนางคือชายเจ้าสำราญ เขามีสาวสวยมากมายเคียงข้าง! เมื่อนางได้ยินเขาเรียกผีสวมชุดสีแดงที่สวยงามว่าเป็นหนึ่งในคนของเขา นางคิดว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ ‘แบบนั้น’ โดยสัญชาตญาณ
“อะแฮ่ม…” ซูอันรีบเอามือปิดปากนาง เขา ‘เห็น’ ควันดำออกมาจากหมี่ลี่และบอกปี่หลิงหลงว่า “ดูเจ้าพูดสิ นางเป็นแค่เพื่อนที่ดีของข้า…” เขาเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันชั่วร้ายของหมี่ลี่ “เอ่อ… ที่จริงนางถือได้ว่าเป็นอาจารย์ของข้า”
หมี่ลี่ไม่พอใจ “อาจารย์ก็คืออาจารย์ เจ้าหมายถึงอะไร ‘ถือได้ว่า’?”
หมี่ลี่กลอกตา “เจ้ายังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ อย่าเลียนแบบคำพูดเขา”
ปี่หลิงหลงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่า ทำไมนางต้องเรียกผีว่าอาจารย์ด้วย? อา… นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!
ซูอันหัวเราะเบา ๆ จับมือของปี่หลิงหลงเพื่อให้นางสงบลง ปี่หลิงหลงต้องการที่จะดึงมือกลับ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะความอับอายหรือเปล่า
หมี่ลี่ได้หันกลับไปมองฮั่นจงแล้ว เมื่อเห็นแววตาที่ยุ่งเหยิงของเขา นางก็ขมวดคิ้ว “พูด!”
ฮั่นจงเงยหน้าขึ้นมองนาง ในตอนแรกเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะจำอะไรบางอย่างได้ หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยสยดสยอง “ผี! ผี!” หากไม่ใช่เพราะถูดจี้จุดชีพจรไว้ เขาคงวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปแล้ว
หมี่ลี่พูดไม่ออก วันนี้เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวันนี้ทุกคนถึงทำกับข้าเหมือนผี! แม้ว่าร่างปัจจุบันของนางจะเหมือนผีเล็กน้อย แต่การปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยวิธีนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย!
นางย่อตัวลงและขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เขา “เจ้าจำข้าได้แล้วใช่ไหม?”
………………..