เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1261 ความลับของแผ่นศิลา
บทที่ 1261 ความลับของแผ่นศิลา
“ไม่ได้ขู่ ข้าแค่พูดความจริง” ซูอันสงสัยว่าจักรพรรดิทำให้เขาไร้ความสามารถอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ทำไมเขาถึงตอบโต้อะไรไม่ได้? มันเป็นความข้องใจจริง ๆ
เสียงของหมี่ลี่กล่าวในหัวของเขาว่า “การบ่มเพาะของเขานั้นล้ำลึกจริง ๆ หลังจากระดับปรมาจารย์ ทุก ๆ ระดับคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตอนนี้เขาอยู่ในระดับเซียนปฐพีแล้ว การโจมตีหลายครั้งของเขาจึงเกินความเข้าใจของเจ้า เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าไม่สามารถตอบโต้ได้”
ซูอันถอนหายใจ “ความรู้สึกไร้พลังแบบนี้ช่างห่วยแตกจริง ๆ”
หมี่ลี่กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์แล้ว ข้าก็ควรรับผิดชอบในฐานะอาจารย์ ข้าจะพยายามอธิบายวิธีที่ผู้คนในอาณาจักรใช้กันโดยทั่วไปในแง่ที่เจ้าสามารถเข้าใจได้ในภายหลัง เจ้าสามารถเข้าใจได้มากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง แต่ด้วยความสามารถของเจ้า อย่างน้อยที่สุดเจ้าก็จะไม่ไร้ประโยชน์อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้”
ซูอันถามอย่างงุนงง “ทำไมก่อนหน้านี้ท่านไม่สอนข้าบ้าง?”
“ถ้าเจ้าสู้กับคนระดับเดียวกับจักรพรรดิ ไม่ว่าข้าจะสอนสิ่งเหล่านี้ให้เจ้าหรือไม่ก็ไม่สร้างความแตกต่างมากนัก มีแค่เจ้าจะตายในไม่ช้าก็เร็ว นี่เป็นเหตุผลที่ข้าไม่คิดว่ามันสร้างความแตกต่างไม่ว่าข้าจะสอนเจ้าหรือไม่ก็ตาม” หมี่ลี่ไม่พอใจ “ว่าไง? จะเรียนหรือเปล่า?”
“เรียน ข้าเรียน!” ซูอันตอบรับ “ขอบคุณ อาจารย์ผู้งดงาม!”
ซูอันอธิบายว่า “ท่านรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างข้ากับภรรยาของจ้าวฮั่น นางก็เป็นจักรพรรดินีเหมือนกัน ดังนั้นข้าจึงคิดถึงนางทุกครั้งที่นึกถึงคำว่าจักรพรรดินี มันจะไม่เป็นการเสียมารยาทไปหน่อยเหรอถ้าข้าเรียกท่านแบบนั้น? ข้าเลยเปลี่ยนมันเล็กน้อย อาจารย์ผู้งดงาม ความหมายตรงตัวและยังตรงกับความเป็นจริงอีกด้วย”
มุมริมฝีปากของหมี่ลี่ยกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “แค่อาจารย์ก็พอ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เพิ่มคำอื่นใด”
“เข้าใจแล้ว อาจารย์ผู้งดงาม” ซูอันดูจริงใจอย่างสมบูรณ์จนหมี่ลี่พูดไม่ออก
จ้าวรุ่ยจื่อพูดในตอนนั้นว่า “ถ้าเจ้าให้ชีวิตนิรันดร์กับข้าได้ ความแค้นในอดีตของเราจะไม่มีความหมายเลย ข้าจะไม่สนใจพวกมันอีกต่อไปและจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าสาบานได้”
เขาหัวเราะ การตัดแขนขาออกและเปลี่ยนเจ้าให้เป็นหมูยังทำให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้ ใช่ไหม? ไม่นับว่าผิดคำสาบาน
“คำพูดเพียงคำเดียวจากฝ่าบาทมีค่าเท่ากับเก้ากระถางมังกรแน่นอน ข้าเชื่อแล้ว!” ภายนอกซูอันมีความสุขมาก แต่ภายในกลับเย้ยหยัน ข้าคงจะเป็นคนโง่เง่าถ้าเชื่อคำพูดของเจ้า
แต่เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีแรงจูงใจแอบแฝง พวกเขาจึงตกลงกันได้ในที่สุด
ซูอันเดินไปที่แถวแผ่นหิน “สิ่งเหล่านี้อธิบายถึงดวงดาวบนท้องฟ้า ตราบใดที่พวกมันถูกจัดเรียงในรูปแบบที่ถูกต้อง มันก็น่าจะใช้ได้” เขาเดินไปรอบ ๆ แผ่นหินอย่างรวดเร็วในขณะที่พูด แน่นอนว่าแผ่นหินสามารถเลื่อนขึ้น ลง ซ้าย และขวาได้
“…ซ้าย มังกรฟ้า ปีที่ 51 ขวา แม่ทัพเสือขาว ปีที่ 21 ขึ้น หงส์แดงแสงแห่งสุสาน ปีที่ 31 ลง เต่าดำผู้ถือภูมิปัญญา ปีแรก ดวงจันทร์อันสูงส่งที่อยู่ตรงกลาง…” เขานึกถึงอักขระจากศิลาจารึก และค่อย ๆ จับคู่ปริศนาแผ่นหินกับรูปร่างที่สอดคล้องกัน
เมื่อเขาวางแผ่นสุดท้ายตามลำดับ เกิดเสียงครืนดังขึ้น กลไกแผ่นหินและพื้นดินด้านล่างต่างสั่นสะเทือน แต่หลังจากการสั่นเล็กน้อย ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ
เหอหลี่พูดด้วยความขบขัน “ท่านซู นี่คือสิ่งที่เรียกว่ากลไกที่ช่วยแก้ปัญหาของเราเหรอ?”
การจ้องมองของจ้าวรุ่ยจื่อดูดุร้ายเมื่อมองไปที่ซูอัน
อย่างไรก็ตาม ซูอันไม่ได้สนใจพวกเขาเลย เขาสังเกตแผ่นพื้นอย่างระมัดระวัง สายตาของเขาจับจ้องไปที่รอยบุ๋มวงกลมตรงกลางแผ่นหินแต่ละแผ่น เขานึกถึงบางสิ่ง จากนั้นหยิบไข่มุกแปดสิบเอ็ดเม็ดออกมาและจัดเรียงมันลงไป แน่นอนว่าพวกมันเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เสียงแตกดังมาจากใต้ดิน แผ่นหินยังคงสูงขึ้นและลดต่ำลง จากนั้น แผ่นหินบางแผ่นก็จมลงไปในพื้นดิน ในขณะที่แผ่นหินอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมา ในที่สุดก็กลายเป็นเสาสี่เหลี่ยมหลายต้น เสาหินใหม่มีสัญลักษณ์ที่แตกต่างกัน บางอันดูเหมือนสัตว์อสูร บางอันคล้ายสัญลักษณ์ทางโหราศาสตร์ ในที่สุดเสียงกึกก้องก็หยุดลงและกลไกก็หยุดนิ่งอีกครั้ง
ซูอันขมวดคิ้ว กลไกยังไม่เปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์อีกเหรอ? เขาพยายามขยับเสา พบว่าแม้จะขยับไม่ได้เลย แต่ก็หมุนได้ นอกจากนี้ เมื่อมีการหมุนเสาหนึ่ง มันจะทำให้เสาอื่น ๆ บางต้นหมุนตามไปด้วย
“นั่นสินะ…” ซูอันตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ขมวดคิ้วหลังจากนั้นไม่นาน แม้ว่าจะมีความคิดคร่าว ๆ เกี่ยวกับการแก้ปัญหา แต่เขาไม่รู้ว่าเสาหลักจะตอบสนองต่อเงื่อนไขแบบใด อีกทั้งตัวอักษรมากมายบนแผ่นหินยังคงเป็นปริศนา
จ้าวรุ่ยจื่อหัวเราะเสียงดัง “นั่นสินะ! สวรรค์เข้าข้างข้าแล้ว! ไอ้สารเลว เจ้าหมดคุณค่ากับข้าแล้ว!” เขามองซูอันด้วยความมุ่งร้ายราวกับจะโจมตีในทันที เขายังไม่ได้สาบานเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกังวล
จ้าวรุ่ยจื่อลังเล เขาไม่ได้ดำเนินการทันที แต่สั่งเหอหลี่แทน “จับคู่แผนภาพตามจารึกที่เราพบในซากปรักหักพังเหล่านั้น” เขาได้ตัดสินใจที่จะจับซูอันตอนทันทีที่เหอหลี่แก้ไขกลไกสำเร็จ
“เข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ!” เหอหลี่จะละทิ้งโอกาสในการมีส่วนร่วมอันดีเช่นนี้ได้อย่างไร? เขารีบนึกถึงคำจารึกบนศิลา “เหนือความโกลาหลยังมีเมฆดำทะมึน ประตูสวรรค์เปิดกว้าง พระอาทิตย์ดวงโตหวนคืนสู่ตำหนักทอง ดาวใต้เคลื่อนที่รอบอลิโอธ เรือนยอดเข้าแถวเกิดเป็นสายสีม่วง เพลงที่สง่างามบรรเลงผ่านกู่เจิง ผู้ที่เข้าใจจะได้รับชีวิตนิรันดร์…”
แน่นอนว่ามีเมฆดำ ประตูสวรรค์ ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ พระราชวังสีทอง และแผนภาพอื่น ๆ เขาแค่ต้องจับคู่สัญลักษณ์เหล่านี้ โชคไม่ดีที่เมื่อใดก็ตามที่เขาจับคู่สองตัวและพยายามจับคู่มากขึ้น ตัวที่จับคู่แล้วจะเริ่มหมุนเวียนและทำให้ลำดับยุ่งเหยิง หลังจากลองทำหลายวิธี แต่น่าเสียดายที่เขาคิดไม่ออกจนหลั่งเหงื่อเย็นไปทั่วหลัง
เมื่อเห็นเหอหลี่ล้มเหลว จ้าวรุ่ยจื่อก็เดินไปผลักเขาออกไป “สวะ อะไรง่าย ๆ แบบนี้ก็ทำไม่ได้”
หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็เริ่มหมุนเสาด้วยตัวเอง ในไม่ช้าพวกมันทั้งสี่ก็จับคู่กัน ในขณะที่เขาให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา แต่เมื่อพยายามจัดการกับสองเสาสุดท้ายจึงค้นพบว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร มันจะทำลายเสาหลักอื่น ๆ ที่จับคู่ไว้อย่างถูกต้องแล้ว เขาขมวดคิ้ว หลังจากพยายามอีกสองสามครั้ง แต่ก็ไม่สามารถจับคู่เสาทั้งหกได้ จ้าวรุ่ยจื่อก็ทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
เหอหลี่ต้องกลั้นยิ้มไว้ คิดในใจว่า เจ้าด่าข้าทำไม? ข้าก็หลงคิดว่าเจ้าเก่ง แต่นี่น่ะเหรอ? แน่นอนว่าไม่มีทางที่เขาจะพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาดัง ๆ