เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1263 ไขความลับ
………………..
บทที่ 1263 ไขความลับ
“พีชคณิตเชิงเส้น?” จ้าวรุ่ยจื่อขมวดคิ้ว เขาไม่มีเวลารู้สึกโกรธด้วยซ้ำ ในใจคิดว่า ‘นี่เป็นวิชาลับประเภทไหนกันนะ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?’
ลืมจักรพรรดิไปได้เลย แม้แต่หมี่ลี่ที่อ่านหนังสือในห้องสมุดของราชวงศ์ฉินทั้งหมดมาแล้วก็ยังนิ่งงัน พีชคณิตเชิงเส้นคืออะไร? ทำไมข้าถึงไม่รู้ว่ามันคืออะไร?
มีเพียงปี่หลิงหลงเท่านั้นที่ดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมาได้ นางจำได้ว่าตามข้อมูลของซูอัน ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นครูสอนคณิตศาสตร์ของสถาบันจันทร์กระจ่าง นอกจากนี้ เมื่อเขาเดินทางผ่านสถาบันหลวงแม้แต่บรรดาอาจารย์ที่เคารพนับถือก็ยังรู้สึกทึ่งในความรู้ของเขา ‘พีชคณิตเชิงเส้น’ นี้น่าจะเป็นหนึ่งในทักษะพิเศษที่เขามี
ซูอันยืนยันศิลาจารึกกับจ้าวรุ่ยจื่ออีกครั้ง จากนั้นเขาก็พึมพำกับตัวเองว่า “‘เมฆมืด’ ควรคู่กับ ‘ประตูสวรรค์’ สิ่งนี้อธิบายถึงสถานการณ์ของเราเมื่อเรามาถึงเกาะนี้เป็นครั้งแรก…”
แต่ส่วนหลังเกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์โบราณ ดังนั้นซูอันจึงไม่เข้าใจดีนัก แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เขามีจักรพรรดินีราชวงศ์ฉินที่อ่านหนังสือเก่งอยู่กับเขา เขาขอความช่วยเหลือจากหมี่ลี่ด้วยวิธีนี้ ทำให้เขาทราบความลับคร่าว ๆ ของศิลาจารึก
‘ประตูสวรรค์’ ตั้งอยู่ที่มุมของกลุ่มดาวทั้งยี่สิบแปด ‘พระอาทิตย์ดวงโต’ นั่นก็คือดวงอาทิตย์โดยธรรมชาตินั่นเอง ในอดีต ‘ตำหนักทอง’ หมายถึงลานของพระราชวังที่สวรรค์และโลกอาศัยอยู่ ในขณะที่ ‘เรือนยอดเข้าแถวเกิดเป็นสายสีม่วง’ เป็นที่ประทับภายในสวรรค์และโลก
‘ดาวใต้’ มักหมายถึงดาวราศีธนู ดาวใต้ที่เคลื่อนที่รอบอลิโอธ ควรเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างหายากตามหลักโหราศาสตร์ปกติ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้จักรพรรดิสิ้นหวังก่อนหน้านี้ แต่แผ่นหินเหล่านี้เขาต้องจับคู่มันทั้งหมด
‘สีม่วง’ หมายถึง จักรพรรดิ
ด้วยความช่วยเหลือของหมี่ลี่ ซูอันจึงไขความลับของจารึกได้อย่างรวดเร็ว เขาแค่ต้องจับคู่พวกมันให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ปริศนาการหมุนเสาประเภทนี้จะไม่ยากเกินไปหากเป็นปริศนาธรรมดา แต่กลไกที่ซับซ้อนพอ ๆ กับศิลาจารึก ทำให้การทดสอบแบบสุ่มไม่มีจุดหมาย แม้ว่าปริศนาโบราณจะค่อนข้างลึกซึ้ง แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับคนเช่นเขาที่มีการศึกษาระดับวิทยาลัย มันเป็นเพียงปัญหาพีชคณิตเชิงเส้น
เขาให้หมายเลขเสาแต่ละต้นแล้วบันทึกว่าเสาต้นอื่นหมุนตามการหมุนของเสาแรกอย่างไร ตัวอย่างเช่น ถ้าเสาที่สองไม่หมุน มันจะเป็น 0 ถ้าเสาที่สามหมุน 1 ครั้ง ก็จะเป็น 1 ถ้าเสาที่สี่หมุน 2 ครั้ง ก็จะเป็น 2 ไปเรื่อย ๆ จากนั้นเขาก็จำมันได้เป็น d1=[1,0,1,2… ] t
จากนั้น ถ้าเขาหมุนเสาแรก x1 ครั้ง เสาจะกลายเป็น x1*d1 ถ้าเขาหมุนเสาที่สอง x2 ครั้ง เสาจะกลายเป็น x2*d2 จากนั้นเสาสุดท้ายจะเป็น x1*d1*d2+x3*d3+…= b b จะเป็นค่าคงที่ เนื่องจากมีตำแหน่งสุดท้ายที่แน่นอนจากศิลาจารึกนี้ เขาจึงสามารถอนุมานสถานะสุดท้ายของเสาและจำนวนครั้งที่ต้องหมุนเสาแต่ละต้น
จากนั้นลำดับจะสร้างสมการเชิงเส้นที่เป็นเนื้อเดียวกัน และ x1, x2, x3… ทั้งหมดสามารถแก้ไขได้ สิ่งเหล่านี้จะบอกเขาว่า เขาต้องหมุนเสาแต่ละต้นกี่ครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาได้รับสถานะสุดท้ายของจารึกเหล็ก
สายตาของจ้าวรุ่ยจื่อว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิงในขณะที่ดูซูอันเขียนสัญลักษณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนพื้น เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองคนอื่น ๆ เขาเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นปี่หลิงหลง เหอหลี่ หรือใครก็ตาม ทุกคนล้วนดูมึนงง ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก
ในเวลาต่อมา เหอหลี่อดไม่ได้ที่จะลอบมองจักรพรรดิและเห็นว่าจักรพรรดิกำลังพยักหน้าเล็กน้อยในขณะที่ดูซูอันวาดสัญลักษณ์แปลก ๆ เหล่านั้นราวกับว่ามันสมเหตุสมผลสำหรับพระองค์ เหอหลี่รู้สึกชื่นชมทันที จักรพรรดิก็คือผู้ยิ่งใหญ่ เขาสามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้!
ในที่สุดซูอันก็ยืนขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน “เรียบร้อย!” จากนั้นเขาก็เดินไปที่แผ่นหิน หมุนเสาตามคำตอบที่คำนวณไว้ แน่นอนว่าแผนภาพทั้งหมดตรงกันหลังจากที่เขาหมุนตามลำดับ!
เสียงดังก้องมาจากใต้ดินอีกครั้งเมื่อกลไกเริ่มทำงาน กลไกแผ่นหินสว่างขึ้น จากนั้นมุกเรืองแสงที่ซูอันเคยเรียงไว้ก่อนหน้านี้ก็ส่องประกายกระทบกับบางส่วนของแผ่นหิน แผ่นหินเหล่านั้นเอียงเล็กน้อย
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก ผ่านไปนานพักใหญ่ จ้าวรุ่ยจื่อจึงขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น?”
เขาไม่รีบร้อนที่จะวิจารณ์ซูอันเพราะสัญญาณต่าง ๆ ได้พิสูจน์แล้วว่าวิธีการของซูอันนั้นถูกต้อง พวกมันยังขาดอะไรอยู่หรือเปล่า? เขาคิดอะไรไม่ออกจึงมองไปที่ซูอัน ในฐานะจักรพรรดิ เขาไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองและทำได้เพียงแค่มอบเรื่องปวดหัวให้ข้าทาสบริวารคิด
ซูอันก็สับสนเช่นกัน เขาทำทุกอย่างถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
จู่ ๆ หมี่ลี่ก็นึกถึงบางอย่าง “เจ้ายังจำบรรทัดสุดท้ายของศิลาจารึกที่เราเห็นได้หรือไม่?”
“ดวงจันทร์อันสูงส่งที่อยู่ตรงกลาง…” ซูอันพูดคำเหล่านั้น เขาเห็นรูปร่างของบางอย่างซึ่งคล้ายกระจกในจุดที่ลำแสงตกกระทบพื้น เขานึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้และหยิบกระจกวิญญาณของจักรพรรดิฉินออกมา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาได้รับจากอสรพิษหยกจันทรา แน่นอนว่ารูปทรงเข้ากันอย่างลงตัว
ซูอันได้ลองใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อเปิดใช้งานตั้งแต่เขาได้กระจกมา แต่มันไม่เคยตอบสนองอะไรเลย แต่ตอนนี้เมื่อแสงกระทบกระจก มันดูเหมือนมีชีวิตขึ้นมา สว่างไสวเหมือนดวงอาทิตย์ดวงเล็ก ๆ ส่องแสงระยิบระยับจนไม่มีใครสามารถมองตรง ๆ ได้ ลำแสงเจิดจรัสพุ่งออกมาจากกระจก ทะลุเมฆและหยุดที่ไหนสักแห่งบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกที่สาม
จากนั้นสิ่งที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น แสงสีทองสว่างไสวค่อย ๆ สาดส่องลงมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มันคลี่ออกเหมือนพรม และในไม่ช้าก็มาถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งที่สอง หลังจากนั้นแสงสีทองที่คล้ายคลึงกันก็โผล่ออกมาจากภูเขาลูกที่สอง จากนั้นจึงหยุดอย่างรวดเร็วใกล้กับแนวแผ่นหิน ก่อตัวเป็นสะพานแสงโปร่งใสระหว่างทวีปต่าง ๆ
หลังจากที่สะพานก่อตัวขึ้น แสงที่ส่องมาจากไข่มุกเรืองแสงในแผ่นหินก็ค่อย ๆ หายไป กระจกวิญญาณของจักรพรรดิฉินก็กลับมาเป็นปกติเช่นกัน ซูอันรีบเก็บมันไว้เพราะมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่เขาไม่อาจสูญเสียได้
………………..