เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1264 ความลับของกระจกวิญญาณ
บทที่ 1264 ความลับของกระจกวิญญาณ
จ้าวรุ่ยจื่อที่เฝ้ามองอยู่สามารถบอกได้ว่ากระจกเป็นของที่พิเศษเช่นกัน ในใจคิดอยากจะกำจัดซูอันและแย่งชิงมันมา แต่เขาจำสิ่งที่ซูอันพูดไว้ก่อนหน้านี้ได้ เขาเคยเห็นทักษะของซูอันกับสัญลักษณ์แปลก ๆ เหล่านั้นมาก่อน ดังนั้นเด็กเหลือขอคนนี้อาจเชี่ยวชาญในการไขปริศนาดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจรอเวลาเพราะในอนาคตอาจมีสถานการณ์ที่ต้องการความสามารถของซูอัน
หลังจากที่เจตนาฆ่าของเขาสงบลง จ้าวรุ่ยจื่อเป็นคนแรกที่ย่างเท้าเข้าสู่สะพานแห่งแสง ในตอนแรกเขาระมัดระวัง แต่ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบว่าแม้สะพานจะดูโปร่งใสและน่ากลัว แต่ก็เหมือนกับการเดินบนพื้นดินที่แข็งแรง ไม่ต้องกังวลว่าจะตกหล่น
“นี่เป็นก้าวแรกของความเป็นอมตะ?” ดวงตาของจ้าวรุ่ยจื่อลุกโชนด้วยความหลงใหลในขณะที่จ้องมองไปยังพระราชวังที่อยู่ห่างไกล เขาเคลื่อนที่อย่างฉับพลันไปถึงเกาะที่สองอย่างรวดเร็ว เหอหลี่และคนอื่น ๆ รีบตามหลังไป ท้ายที่สุดอาจมีโอกาสมากมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนิรันดร์ ใครบ้างที่ไม่ต้องการมีส่วนร่วม?
ซูอันแอบขำอยู่ในใจ อยากลองดูว่าจะใช้สะพานแห่งแสงสังหารจักรพรรดิได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นไข่มุกหรือเสา พวกมันทั้งหมดถูกวางไว้อย่างแน่นหนา ไม่สามารถเคลื่อนย้ายพวกมันได้ “ช่างมันเถอะ ค่อยรอโอกาสต่อไป” เขาพึมพำขณะพาปี่หลิงหลงขึ้นไปบนสะพานเช่นกัน
ปี่หลิงหลงประหลาดใจอย่างมาก นางมองไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นขณะที่อยู่บนสะพานแห่งแสง อย่างไรก็ตาม ซูอันเคยเห็นฉากที่คล้ายกันในรายการและเกมที่เคยเล่นมาแล้วในโลกก่อนหน้านี้ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องพิเศษสำหรับเขาเลย
เขานำกระจกวิญญาณออกมาอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเปิดใช้งานมันได้แล้วก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันสามารถทำอะไรได้บ้าง? แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีชีวิตชีวาเหมือนก่อนหน้านี้ “ข้าเข้าใจผิดหรือเปล่า” เขาพึมพำพลางขมวดคิ้ว
ซูอันก้มหัวลงมองกระจก และเลือดก็ไหลออกมาจากจมูกทั้งสองข้างทันที
กระจกสะท้อนฉากสีขาวเป็นประกาย กระดูกไหปลาร้าที่สวยงามของปี่หลิงหลง ไหล่ที่เรียบและกลมมนของนาง และส่วนอื่น ๆ ที่ละเอียดอ่อนแสดงออกมาอย่างเต็มที่
แม้ว่าทั้งสองคนจะเคยนอนเปลือยด้วยกันในวังร้อยดอกไม้ แต่ซูอันก็หมดสติเป็นส่วนใหญ่ เมื่อตื่นขึ้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาชื่นชมเรือนร่างอันสวยงามนี้
ปี่หลิงหลงเห็นซูอันจ้องมองกระจกอย่างว่างเปล่า กำเดาสองเส้นไหลออกมาจากจมูก นางรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อช่วยเขาเช็ดเลือด เอ่ยด้วยน้ำเสียงประหม่าและกังวล “เป็นอะไรหรือเปล่า? เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือถูกพิษ?” แต่นั่นทำให้จมูกของซูอันมีเลือดกำเดาออกมากขึ้นเท่านั้น
“อาซู เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัวแบบนี้!” ใบหน้าของปี่หลิงหลงซีด นางรีบดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้น สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นกระจกในมือของเขา
สีหน้าของนางว่างเปล่าในตอนแรก แต่แล้วนางก็กรีดร้อง มือของนางปิดบังทรวงอก ใบหน้าแดงก่ำ จ้องมองซูอันอย่างโกรธเกรี้ยว
ในที่สุดซูอันก็ตั้งสติได้ “ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ข้า… ข้าไม่รู้ว่าสิ่งนี้จะมีผลเช่นนี้!”
“หยุดเล็งกระจกนั้นมาที่ข้า!” ปี่หลิงหลงกำลังจะร้องไห้แล้ว สัญชาตญาณในฐานะหญิงสาวทำให้ความคิดของนางว่างเปล่า นางไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ซูอันรีบเก็บกระจก “ขอโทษ ข้าตอบสนองได้ไม่เร็วพอ” ปี่หลิงหลงกัดริมฝีปากเบา ๆ จ้องเขม็งมาที่เขาราวกับกำลังจะพุ่งเข้ากัด
ซูอันพึมพำ “ใช่ว่าข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน…”
“เจ้าพูดอะไร?” ดวงตาของปี่หลิงหลงเบิกกว้าง
“ไม่มีอะไรหรอก ฮ่า ๆ” ซูอันหยิบกระจกวิญญาณของจักรพรรดิฉินยื่นให้นาง “เจ้าอยากดูข้าด้วยไหมล่ะ? จะได้เท่าเทียมกัน”
ปี่หลิงหลงกำลังจะก่นด่า แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่แล้วก็หันไปมองทางอื่น “ใครจะอยากดูเจ้า”
“คิดให้ดีนะ หากเจ้าพลาดโอกาสนี้ ต่อไปข้าจะไม่ยื่นข้อเสนอให้แล้ว” ซูอันยื่นกระจกให้อีกครั้ง
“ข้าไม่ต้องการ!” ปี่หลิงหลงเริ่มชื่นชมผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ เขาช่างไร้ยางอายยิ่งนัก นางต้องการที่จะปฏิเสธ แต่พบว่ามันยากมากที่จะโกรธจริง ๆ ผู้ชายคนนี้ทำบ้าอะไรกับข้าเนี่ย!
จ้าวรุ่ยจื่อตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าสองคนจีบกันเสร็จแล้วหรือยัง? มาที่นี่ได้แล้ว”
ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าจ้าวรุ่ยจื่อยืนอยู่ที่ขอบของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกที่สอง มองมาที่พวกเขาสองคนอย่างเย็นชา การจ้องมองที่ทะลุปรุโปร่งของอีกฝ่ายดูราวกับกำลังมองดูหมูที่พยายามจะต้อนเข้าเล้า
ปี่หลิงหลงหน้าแดง ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำอย่างไร แต่ซูอันยืนอยู่ตรงหน้านางอย่างใจเย็น ช่วยป้องกันแรงกดดันบางส่วน “เรากำลังไป ทำไมต้องเร่งขนาดนี้ด้วย?”
เมื่อเห็นไหล่กว้างของชายตรงหน้า ปี่หลิงหลงก็รู้สึกอบอุ่นภายในใจ นางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในพระราชวังตะวันออกมาโดยตลอด คอยปกป้ององค์รัชทายาทผู้โง่เขลาจากทุกสิ่ง ตอนนี้ในที่สุดก็รู้แล้วว่าการมีใครสักคนที่สามารถดูแลนางได้นั้นดีเพียงใด
ทั้งสองเดินข้ามสะพานแห่งแสงสว่าง ปี่หลิงหลงรู้สึกอายเล็กน้อยเพราะสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้นางจึงจงใจเดินตามหลังเขาไปสองสามก้าว ซูอันเรียกนางหลายครั้ง แต่นางไม่สนใจ เขาจึงได้แต่ยอมแพ้
หมี่ลี่ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วพูดว่า “นางจะกล้าคุยกับเจ้าได้ยังไงหลังจากที่เจ้าเพิ่งมองร่างเปลือยของนางผ่านกระจก?”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ทำไมนางต้องอายด้วยล่ะ?” ซูอันรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ดูเหมือนเจ้ายังไม่เข้าใจผู้หญิงจริง ๆ” หมี่ลี่กลอกตา ไม่รู้สึกอยากให้ความสนใจเขาอีกต่อไป
“ข้าไม่ได้ตั้งใจด้วยซ้ำ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ากระจกนี่จะต่ำตมขนาดนี้” ซูอันบ่นอย่างขุ่นเคือง
“ต่ำตม? แล้วรอยยิ้มที่มุมปากของเจ้าล่ะ?” หมี่ลี่เปิดโปงอย่างโหดเหี้ยม
ใบหน้าของซูอันร้อนผ่าว เขาพยายามเบี่ยงประเด็นทันทีว่า “มันเป็นความผิดของกระจกบ้า ๆ ของพวกท่านที่ทำหน้าที่โง่ ๆ แบบนี้ เดี๋ยวนะ! จักรพรรดิฉินก็ส่องกระจกนี้ใส่ท่านในตอนนั้น…”
………………..