เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1265 กองทัพดินเผา
บทที่ 1265 กองทัพดินเผา
หมี่ลี่ตัดบทเขาทันที “ฮึ่ม! เจ้าคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนตัวเองไหม? กระจกนั่นถูกใช้เพื่อสะท้อนอวัยวะภายในของคนคนหนึ่งเพื่อดูว่าพวกเขาเก็บงำความไม่ซื่อสัตย์เอาไว้หรือไม่ มันอาจจะฟื้นพลังได้ไม่เต็มที่และไม่สามารถมองทะลุผ่านเข้าไปในร่างกายได้จึงผ่านแต่เสื้อผ้าเท่านั้น เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือว่าสมบัติจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับเจ้าของมัน? กระจกนี้เป็นสมบัติอันทรงเกียรติในมือของจักรพรรดิราชวงศ์ฉินองค์ต่อ ๆ มา แต่เมื่อตกมาอยู่ในมือของเจ้า มันก็กลายเป็นกระจกต่ำตมที่เจ้าเรียกนี่แหละ”
ซูอันพูดไม่ออก อย่างไรก็ตาม เขาต้องยอมรับว่าเขาชอบความสามารถในการมองเห็นผ่านเสื้อผ้ามากกว่าการมองเห็นอวัยวะภายใน ฮึ่ม! ข้าไม่ควรปล่อยให้มันเลื่อนขั้นความสามารถ แม้ว่าในอนาคตจะมีโอกาส… เดี๋ยวนะ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าส่องมันไปที่หมี่ลี่?
แต่เขาอาจจะถูกทุบตีถึงตายได้ถ้าพยายามทำอย่างนั้น ดังนั้นเขาจึงตัดความคิดที่ล่อใจออกไปได้อย่างเด็ดขาด
…
ทั้งสองข้ามสะพานแห่งแสงอย่างรวดเร็วจนมาถึงทวีปลอยที่สอง
จ้าวรุ่ยจื่อมองหน้าแดงก่ำของปี่หลิงหลง ผู้หญิงคนนี้เคยแสดงให้เขาเห็นด้านนี้ของนางตั้งแต่เมื่อไร? เขาหายใจเข้าลึก ๆ ระงับเจตนาฆ่าของตัวเอง เขาได้เห็นวิธีที่ซูอันแก้ไขกลไกก่อนหน้านี้ เด็กคนนี้ยังคงมีประโยชน์กับเขา เขาจะตัดสินใจหลังจากที่ได้รับชีวิตนิรันดร์แล้ว
ทั้งกลุ่มเดินต่อไปยังสะพานแห่งแสงอีกแห่ง ทิวทัศน์นั้นแตกต่างอย่างมากจากทวีปลอยที่พวกเขาเพิ่งผ่านมา ทวีปก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยกลิ่นผลไม้ โลกที่มีชีวิตชีวาด้วยพืชพรรณและสิ่งมีชีวิต ทวีปลอยแห่งที่สองก็มีต้นไม้มากมายเช่นกัน แต่ยิ่งลึกลงไป สภาพแวดล้อมก็ยิ่งเย็นลง เต็มไปด้วยหินและทราย มีแม้กระทั่งสีแดงจาง ๆ บนหินหลายก้อนที่ดูเหมือนเลือดจับตัวเป็นก้อน
“ระวังตัวด้วยทุกคน อาจมีอันตรายแฝงตัวอยู่” เหอหลี่รู้สึกได้ถึงอันตรายเมื่อเห็นฝีมือของซูอัน เขาต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง เมื่อนั้นเขาจะไม่ถูกจักรพรรดิโยนทิ้งไปง่าย ๆ เหล่าผู้บ่มเพาะทั้งหมดได้เปลี่ยนมือไปที่อาวุธของตน มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
บางทีอาจเป็นเพราะนางสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดอย่างกะทันหัน ปี่หลิงหลงจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้ซูอันโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถเข้าไปใกล้เกินไปหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น ซูอันจับมือนางเพื่อปลอบโยน นางกัดริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ชักมือกลับ
ประสาทสัมผัสของจ้าวรุ่ยจื่อกว้างขึ้น ดังนั้นเขาจึงตรวจจับการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของทั้งสองได้อย่างเป็นธรรมชาติ สีหน้าของเขามืดลง แต่เนื่องจากตกลงที่จะมอบปี่หลิงหลงให้กับซูอันแล้ว เขาจึงพูดอะไรไม่ได้ ทั้งยังไม่สามารถลงโทษซูอันเพราะมันจะทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองต่อหน้าคนอื่น ตอนนี้เขาอาจจะแสร้งทำเป็นไม่รู้และท้ายที่สุดก็ชำระหนี้แค้นกับซูอันเมื่อได้รับความเป็นอมตะ
ทันใดนั้น หน่วยสอดแนมที่อยู่ข้างหน้าก็นำข้อมูลกลับมา “มีบางอย่างเกิดขึ้นพะย่ะค่ะ!” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกราวกับพบเห็นสิ่งที่น่ากลัวมา
ทั้งกลุ่มหันมองไปทางต้นเสียง และได้เห็นกลุ่มร่างมนุษย์สีดำขนาดใหญ่ ทุกร่างถืออาวุธอยู่ในมือ และที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขายังเห็นรูปร่างของทหารม้าและรถรบ นี่คือกองทัพ!
จ้าวรุ่ยจื่อไม่พอใจ “พวกเจ้าตื่นตระหนกอะไรกัน? พวกมันไม่ได้เป็นอะไรนอกจากรูปปั้น”
จากนั้นคนอื่น ๆ ก็เห็นว่าร่างเหล่านั้นไม่ใช่คนจริง ๆ แต่เป็นร่างดินเหนียว เพียงแต่ว่าพวกมันมีสัดส่วนเหมือนคนจริงและถืออาวุธจริง
ซูอันพบว่าฉากนี้คุ้นเคย นี่ไม่ใช่กองทัพดินเผาเหรอ? เขาเคยเห็นพวกมันมาก่อนในซีอาน และเคยต่อสู้กับพวกมันในมิติลับด้วยซ้ำ ตอนนี้เขามองดูพวกมันแบบนี้อีกครั้งและพบว่าพวกมันมีความน่ารักอยู่บ้าง
“อย่าตกใจ อย่าตกใจ ทุกคน! ข้าได้ตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าพวกมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต” เหอหลี่พยายามปลอบคนของเขาอย่างรวดเร็ว
ทั้งกลุ่มเดินต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ารูปปั้นนั้นเป็นของปลอม แต่เนื่องจากทหารดินเผาถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มตามสองข้างทาง ดูเหมือนว่าสายตาของพวกมันจะติดตามการเคลื่อนไหวของคนทั้งกลุ่ม แต่เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด มันเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากแสงและเงาที่สะท้อนออกมา ทั้งหมดยังคงรู้สึกกลัวเล็กน้อย เนื่องจากเหล่ารูปปั้นนั้นเหมือนจริงมากจนน่าขนลุก
คนที่สบายใจที่สุดนอกเหนือจากซูอันก็คงจะเป็นจ้าวรุ่ยจื่อ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมในขณะที่ตรวจสอบรูปปั้น เขาสงสัยว่าพวกมันเป็นรูปปั้นของกองกำลังชั้นยอดหรือไม่ เพราะพวกมันดูน่าประทับใจอย่างยิ่ง
ซูอันพูดกับหมี่ลี่ว่า “ข้าจำเหตุการณ์ตอนที่พบท่านครั้งแรกได้”
หมี่ลี่ไม่พอใจ “ตอนนั้นข้าควรจะตบเจ้าให้ตาย ๆ ไปซะ…” สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันทีเมื่อพูดจบประโยค “มีบางอย่างไม่ถูกต้องกับรูปปั้นพวกนี้ ระวัง!”
ทันใดนั้น ทหารดินเผาที่ไร้ชีวิตชีวาเมื่อสักครู่ บัดนี้พวกมันพลันตวัดดาบลง! มันเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อรวมกับข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งกลุ่มลดการป้องกันลง สถานการณ์จึงไม่สู้ดีเป็นอย่างยิ่ง
โชคดีที่การบ่มเพาะของซูอันนั้นยอดเยี่ยมอยู่แล้ว และด้วยการเตือนของหมี่ลี่ เขาจึงปกป้องปี่หลิงหลงได้อย่างรวดเร็วและหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นมุมหนึ่งของเสื้อผ้าก็ยังขาดวิ่น
เหล่าผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณนั้นโชคไม่ดีนัก เสียงกรีดร้องอันน่าสมเพชดังขึ้น เกือบครึ่งถูกดาบและหอกทะลวงร่างอย่างน่าสยดสยอง
แม้ว่าผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณล้วนแต่เป็นชนชั้นสูงที่คัดสรรมาอย่างดี แต่เหอหลี่เพิ่งตรวจสอบทหารดินเผาเหล่านั้นด้วยตัวเองและให้คำรับรองว่าพวกมันเป็นรูปปั้นธรรมดา พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจู่ ๆ รูปปั้นเหล่านี้จะมีชีวิตขึ้นมาได้!
นอกจากนี้ การโจมตีของทหารดินเผายังแม่นยำและอันตรายถึงชีวิต การประสานต่อสู้ของพวกมันก็ยอดเยี่ยม พวกมันเป็นเหมือนกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ถึงขนาดที่ผู้บ่มเพาะบางคนจะหลีกเลี่ยงการโจมตีหนึ่งหรือสองครั้งได้ แต่พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงหอกและง้าวที่โจมตีจากทิศทางอื่นได้
พวกเขาทั้งหมดสาปแช่งให้เหอหลี่ตกนรก ถ้าพวกเขาต้องมาจบชีวิตที่นี่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าคนเดียว!
เมื่อเห็นว่าผู้ใต้บังคับบัญชาครึ่งหนึ่งถูกฆ่าอย่างรวดเร็ว จ้าวรุ่ยจื่อก็ระเบิดความโกรธ “ไร้สาระ!”
ระเบิดพลังกระจายออกไป ในเวลาเดียวกัน แสงสีทองก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่ใครจะทันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ทหารดินเผาทั้งหมดภายในสิบจั้งก็พังทลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ข้าต้องยอมรับว่าชายคนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง” เสียงของหมี่ลี่พูดอยู่ข้างหูของซูอัน
ซูอันหัวเราะออกมา “ท่านเพิ่งรู้ตอนนี้เหรอ? ข้ารู้มานานแล้ว” หมี่ลี่โวยวายและไม่สนใจเขาอีก
ผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณที่เหลือทั้งหมดรีบไปที่ด้านข้างของจ้าวรุ่ยจื่อ แม้ว่าพวกเขารู้ว่าจักรพรรดิอาจไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเขาจะต้องกังวลในภายหลัง ทหารดินเผาสามารถปลิดชีวิตของพวกเขาได้ในทันที สำหรับศพของสหาย พวกเขาไม่สามารถใส่ใจได้เลยในขณะนี้ แม้แต่สีหน้าของจ้าวรุ่ยจื่อก็เคร่งขรึมในขณะที่จ้องมองไปที่ทหารดินเผาที่อยู่ไกลและมืดมิด
มีเพียงซูอันเท่านั้นที่ดูไม่สะทกสะท้าน ท้ายที่สุดแล้วเขาก็คุ้นเคยกับพวกมันดีอยู่แล้ว สายตาของเขาเปลี่ยนไปที่ผู้บ่มเพาะของคฤหาสน์ราชันลมปราณ และอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสับสน “อาจารย์ผู้งดงาม ท่านไม่รู้สึกว่าพวกเขาเลือดออกไม่มากเท่าที่ควรเหรอ?”