เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1276 หลุมฝังศพของจักรพรรดิ
บทที่ 1276 หลุมฝังศพของจักรพรรดิ
ลู่เซิงตกตะลึง หลังจากหยุดชั่วครู่ เขาก็ถอนหายใจ “มุมมองของเจ้าช่างแตกต่างออกไปอย่างที่คาดไว้ ในอดีตข้าพึ่งพาหนังสือมากเกินไป ดังนั้นข้าจึงจมดิ่งสู่ความสิ้นหวังเมื่อรู้ชะตากรรมของตัวเอง ข้าไม่มีความกล้าที่จะเปลี่ยนมันด้วยซ้ำ เจ้าคือผู้กำหนดชะตาชีวิต หนังสือเล่มนี้จะมีประโยชน์ในมือของเจ้ามากกว่าในมือของข้าอย่างแน่นอน” เขาชี้ไปข้างหน้าและมีแสงสีทองส่องลงมาที่หน้าผากของซูอัน
ซูอันตื่นตระหนก เขารีบถอยหลังและแตะหน้าผากของตัวเอง “เจ้าทำอะไรกับข้า?”
น่าเสียดาย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ว่าจะลูบหน้าผากอย่างไร ซูอันตื่นตระหนก ท้ายที่สุด เขามีประสบการณ์กับร่างกายของวิชาปฐมบทแรกเริ่มแล้วถึงสามครั้ง ร่างกายของเขาควรจะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อและคงกระพันต่ออาวุธทั่วไป ทำไมเขาถึงไม่สามารถป้องกันแสงสีทองได้เลย?
“อย่ากังวล ข้าแค่วางหนังสือไว้ในทะเลแห่งจิตสำนึกของเจ้า มันจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ” ลู่เซิงพูดอย่างอ่อนแรง ดวงตาของเขาไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน ราวกับว่าร่างกายของเขาอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ
หมี่ลี่รู้สึกประหลาดใจ “มันไม่ใช่หนังสือเป็นรูปเล่มเหรอ?”
ลู่เซิงส่ายหัว “นี่คือรูปแบบดั้งเดิมของหนังสือ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม โชคดีที่มันไม่ได้ตกอยู่ในมือของคนผู้นั้นในช่วงที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่”
“คนผู้นั้น?” หมี่ลี่ถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
หมี่ลี่ตอบว่า “ไม่ต้องกังวล นี่เป็นโอกาสสำหรับเจ้า เจ้าเด็กเลว โชคของเจ้าค่อนข้างดีทีเดียว”
ในที่สุดซูอันก็รู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินนางพูดคำเหล่านี้ แต่เขายังคงพูดด้วยสีหน้าที่น่าสงสารว่า “อาจารย์ผู้งดงาม ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าตัวเองสกปรกแล้ว…” เขารู้สึกราวกับว่ามีใครเอาอะไรมาใส่ในตัวเขา จิตใจของเขาได้เปลี่ยนรูปร่างเป็นคนอื่นไปแล้ว มันไม่ได้รู้สึกดีจริงเลย
หมี่ลี่ตวาด “ไสหัวไป!”
ลู่เซิงมองนางด้วยความตกใจ “หรือว่านี่คือผู้ที่ถูกลิขิตให้เป็นศิษย์ของพระองค์!”
“ฮึ่ม! นี่เป็นแค่เด็กสารเลวที่ข้าเก็บมาเพราะเขาเอาแต่อ้อนวอนข้า ไม่ได้อยากรับมาเท่าไรหรอก” หมี่ลี่ชูคางขึ้นสูง นางมีความภาคภูมิใจมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ซูอันพูดไม่ออก ใครขอร้องใคร? แต่เขาก็ยังปล่อยให้นางโอ้อวดต่อหน้าผู้คนของนางเอง
“ดูเหมือนว่าหนังสือไม่ได้หลอกลวงข้าจริง ๆ ด้วยความช่วยเหลือของพระองค์ ข้าเชื่อว่าความปรารถนาอันหวงแหนของข้าควรได้รับการเติมเต็ม” ลู่เซิงกล่าว ร่างกายของเขาค่อย ๆ มืดลงเรื่อย ๆ และเลือนหายไปในสายลมในอัตราที่มองเห็นได้
หมี่ลี่เงียบลงเมื่อเห็นลู่เซิงจางหายไป ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้า การได้เห็นอดีตคนรู้จักของตัวเองหายไปทีละคนทำให้นางได้สัมผัสกับพลังแห่งกาลเวลาที่ไม่อาจต้านทานได้เลย
ทั้งกลุ่มเดินทางต่อผ่านพระราชวัง หมี่ลี่ยังคงเงียบตลอดเวลา ปี่หลิงหลงถามซูอันด้วยความกังวลว่า “เจ้าสบายดีไหม? ข้าเห็นหนังสือเล่มนั้นหรืออะไรบางอย่างเข้าไปในตัวเจ้า…”
ซูอันส่ายศีรษะ “ตอนนี้ข้าไม่รู้สึกแปลกอะไร แต่ข้าไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไรได้บ้าง เขาไม่ได้แนะนำวิธีใช้งานเบื้องต้นด้วยซ้ำ” เขาพยายามหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นพลังชี่ธรรมดาหรือพลังปฐมบท เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับหนังสือสีทองเล่มเล็กนั้นได้
ปี่หลิงหลงกังวลใจ “คนผู้นั้นเห็นล่วงหน้าว่าภัยพิบัติใหญ่กำลังจะมาถึง ข้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าสิ่งที่เรากำลังจะเผชิญหน้ากันนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก”
ซูอันหัวเราะ “ยิ่งน่ากลัวยิ่งดี อย่าลืมว่าเรายังมีจักรพรรดิที่น่าสะพรึงกลัวคอยไล่ตามหลังมา เราจะหวังว่าจะอยู่รอดได้ยังไงหากอันตรายที่จะเผชิญอ่อนแอเกินไป”
หมี่ลี่พยักหน้า “เจ้าหนู แม้ว่าเจ้าจะนิสัยเสียและตะกละเล็กน้อย แต่ธรรมชาติของเจ้าก็มองโลกในแง่ดี สาวน้อย แม้ว่าเจ้าจะฉลาด แต่เจ้าก็ยังด้อยกว่าเขามากในด้านนี้”
ปี่หลิงหลงไม่ได้รู้สึกรำคาญ ทว่ากลับยิ้มออกมา “ข้าเทียบเขาไม่ได้ตั้งแต่แรก” หากเร็วกว่านี้หนึ่งเดือน ตัวตนที่เย่อหยิ่งของนางจะไม่มีทางยอมรับได้ แต่ตอนนี้นางแสดงความเคารพอย่างจริงใจแทน
“ฮึ่ม! ผู้หญิง” หมี่ลี่คำรามด้วยความดูถูก
“ต่อไปเราน่าจะเข้าใกล้ธาตุน้ำแล้วใช่ไหม? ท่านรู้จักทุกคนในห้องอื่นแล้วเดาออกไหมว่าใครอยู่ในห้องนั้น?” ซูอันถาม
“ไม่แน่ใจ ข้าพอจะรู้คร่าว ๆ ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้างในตอนนั้น แต่ข้าจำไม่ได้ว่ามีใครเกี่ยวข้องกับธาตุน้ำบ้าง” หมี่ลี่ส่ายศีรษะ
“หรือจะเป็นซูฟู?” ซูอันถามด้วยความอยากรู้
“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? เราควรไปทางไหน?” ซูอันถาม
หมี่ลี่กล่าวว่า “จากการวิเคราะห์การก่อตัวของธาตุทั้งห้า เส้นทางทั้งห้านี้มีความเป็นไปได้ทุกทาง”
ปี่หลิงหลงหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วขว้างไปตามเส้นทางหนึ่ง ลูกธนูพุ่งออกมาจากภายในอย่างรวดเร็ว “ดูเหมือนมีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นที่เป็นของจริง ในขณะที่เส้นทางอื่น ๆ เป็นกับดัก”
หมี่ลี่กล่าวว่า “แน่นอน โชคไม่ดี ทางที่มีกับดักอาจไม่ใช่ของปลอม และทางที่ไม่มีกับดักอาจเป็นเส้นทางแห่งความตายที่แท้จริง”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังครุ่นคิดอยู่ จู่ ๆ ซูอันก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เขาชี้ไปที่เส้นทางที่สองจากทางซ้าย “ทางนี้!”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ปี่หลิงหลงถามอย่างสับสน เส้นทางนั้นเป็นทางที่เพิ่งโยนหินลงไป ทั้งยังมีกับดักอีกมากมายที่เปิดใช้งานทันที แม้แต่หมี่หลี่ก็ยังประหลาดใจ นางมองซูอันและรอให้เขาอธิบายตัวเอง
“หนังสือบอกข้า” ซูอันลูบหัวตัวเอง “ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่จู่ ๆ ฉากของเส้นทางที่สองก็ปรากฏขึ้นในหัวของข้า”
“งั้นก็ไปกันเถอะ” หมี่ลี่เป็นคนแรกที่เดินไปข้างหน้า ราวกับว่านางเชื่อในหนังสืออย่างสมบูรณ์ ซูอันเกือบจะเตือนนางให้ระวัง แต่การบ่มเพาะของนางนั้นสูงกว่าของเขาเสียอีก หากมีบางอย่างจริง ๆ นางควรจะสามารถจัดการกับมันได้
พวกเขาเจอกับดักระหว่างทาง แต่ซูอันและหมี่ลี่จัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย หลังจากผ่านเส้นทางที่อันตรายเล็กน้อย เส้นทางที่เหลือก็ราบรื่น ทั้งกลุ่มมาถึงหน้าประตูบานใหญ่อีกบานหนึ่ง บนนั้นปรากฏลูกบิดสีทองเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบทำให้ดูยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ
“ฮะ?” หมี่ลี่อุทาน
“มันคืออะไร?” ซูอันคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อได้ยินเสียงของหมี่ลี่พลางจับสังเกตสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง
หมี่ลี่ยังคงจ้องมองประตูอย่างเงียบ ๆ ปี่หลิงหลงพูดจากด้านข้างว่า “มีเก้าแถว ทั้งแนวตั้งและแนวนอน รวมทั้งหมดแปดสิบเอ็ดลูกบิด เก้าเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิและมีเพียงผู้ปกครองเท่านั้นที่มีสิทธิ์ใช้สัญลักษณ์นี้ คนอื่น ๆ ที่ใช้สัญลักษณ์นี้โดยพลการจะถูกลงโทษทั้งตระกูล” ในฐานะคนจากราชวงศ์ นางมีความรู้สึกไวต่อสิ่งเหล่านี้
ซูอันตกใจมาก เขามองไปที่หมี่ลี่ “ท่านอาจารย์ หรือว่า? นี่คือที่ฝังอิ่งเจิ้งใช่ไหม?”