เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1288 ความเป็นอมตะ
บทที่ 1288 ความเป็นอมตะ
“อา…” ซูฟูส่งเสียงคร่ำครวญด้วยความยินดี เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งรู้สึกถึงบางสิ่งที่เหลือเชื่อ
…
นอกมิติลับมีใครบางคนไม่ได้รู้สึกยินดีเลย ในพระราชวังหลวง จ้าวฮั่นได้นั่งสมาธิอยู่ในห้องหนังสือ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและกระอักเลือดออกจากปาก ใบหน้าซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษ และคลื่นพลังของเขาก็อ่อนลงทันที
“มีอะไรหรือฝ่าบาท?” ขันทีน้อยสองคนวิ่งเข้ามา พวกเขาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อเห็นอาการของจักรพรรดิและรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ดวงตาของจ้าวฮั่นเป็นประกายแวววาว ขันทีน้อยทั้งสองรู้สึกราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นมาจับที่คอ จากนั้นพวกเขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างไร้ชีวิต พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าความกังวลของตัวเองจะกลายเป็นสาเหตุของความตาย จักรพรรดิจะปล่อยให้ใครก็ตามที่สามารถพูดถึงความอ่อนแอของเขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?
จ้าวฮั่นไม่แม้แต่จะมองศพทั้งสอง เขาเดินไปที่หน้าต่างและมองไปทางสถาบันหลวงด้วยสีหน้าลำบากใจ เสี้ยววิญญาณของเขาถูกลบไปแล้วจริง ๆ! แม้ว่าจะมีโลกมาคั่นกลาง ไม่อาจบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทั้งสองมาจากแหล่งเดียวกัน เขารู้สึกได้ทันทีเมื่อเสี้ยววิญญาณได้หายไป
จ้าวฮั่นตกใจมาก ก่อนหน้านี้เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือไม่ว่าคนของคฤหาสน์ราชันลมปราณจะวางแผนอย่างไร แม้ว่าจะไม่รู้มาก่อน แต่เชื่อว่ามันไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น เพราะเสี้ยววิญญาณของเขาอยู่ในร่างของรัชทายาท มันสามารถจัดการสถานการณ์ใด ๆ ได้อย่างง่ายดาย แล้วทำไมมันถึงสูญสลายไป?
แม้ว่าจะมีมิติลับใหม่ปรากฏขึ้น แต่เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่ามิติลับใหม่สามารถคุกคามเสี้ยววิญญาณของเขาได้ เป็นไปได้ไหมว่าจ้าวจิ่งอยู่ในมิติลับด้วยเช่นกัน?
จ้าวฮั่นรีบตะโกนว่า “ขันที!”
ขันทีเหวินเข้ามาถามว่า “ฝ่าบาทมีรับสั่งอะไรแก่ข้าพระองค์พะย่ะค่ะ”
เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมองขันทีน้อยสองคนด้วยซ้ำ หลังจากการรับใช้จักรพรรดิมาหลายปี เขารู้ว่าอะไรควรถามหรือไม่ควรถาม ขันทีน้อยทั้งสองยังเด็กเกินไป…
จ้าวฮั่นได้เช็ดเลือดบนริมฝีปากออกไปแล้ว และคลื่นพลังของเขาก็กลับมาเป็นปกติ เขาพูดว่า “นำตัวราชันลมปราณมาให้… เดี๋ยวนะ ให้เครือข่ายของเราค้นหาว่าราชันลมปราณอยู่ที่ไหนในตอนนี้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!”
จ้าวฮั่นกังวลว่าราชันลมปราณจะสัมผัสได้ถึงสภาพร่างกายของเขา หากพบหน้ากันก็มีแต่จะเพิ่มความมั่นใจของผู้ชายคนนั้นและจำนวนตัวแปรมากขึ้นไปอีก
ขันทีเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “นั่นอาจเปิดโปงเครือข่ายที่เราวางไว้ในคฤหาสน์ราชันลมปราณ”
การค้นหาที่อยู่ของราชันลมปราณ ไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มข่าวกรองเก่าจะทำได้สำเร็จ มีเพียงสายลับระดับสูงสุดในคฤหาสน์ราชันลมปราณเท่านั้นที่มีโอกาสล่วงรู้ แต่เมื่อบุคคลดังกล่าวถูกใช้ ด้วยความเฉียบแหลมของราชันลมปราณ บุคคลนั้นจะถูกเปิดโปงอย่างรวดเร็ว กว่าจะแทรกซึมเข้าไปได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คงน่าเสียดายมากหากต้องสูญเสียสายลับเพราะเรื่องนี้
สีหน้าของจ้าวฮั่นกลายเป็นเย็นชา “จักรพรรดิผู้นี้บอกแล้วว่า ‘ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม’”
เฮ้อ! แล้วถ้าเจ้าได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสำคัญเช่นนั้นล่ะ? เจ้าจะไม่เป็นอะไรนอกจากตัวหมากในตอนท้ายเหรอ? ข้าสงสัยว่าเมื่อไรชะตากรรมเดียวกันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง…
แต่เขาไม่กล้าแสดงความคิดเหล่านั้นบนใบหน้าและถอยออกมาช้า ๆ ก่อนจากไป เขานำศพขันทีน้อยสองคนออกมาด้วยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น
จ้าวฮั่นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ คนรับใช้คนนี้ไหวพริบดีและจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม แต่อารมณ์ของเขาดีขึ้นเพียงชั่วลมหายใจสั้น ๆ เท่านั้น สีหน้าของเขากลับกลายเป็นเย็นชา
เขาจ้องมองไปยังมิติลับบนภูเขาด้านหลังสถาบันหลวง เกิดอะไรขึ้นข้างใน?! โครงการชีวิตนิรันดร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของเขาถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงในขั้นตอนสุดท้าย!
…
ภายในมิติลับ อารมณ์ของซูอันก็หนักหนาสาหัสเช่นเดียวกัน ในใจก่นด่าจ้าวฮั่นอย่างเมามัน ไร้ประโยชน์สิ้นดี! ผู้ชายคนนี้เอาแต่อ้าปากค้าง ทำไมวันนี้เขาถึงถูกหมึกยักษ์นั่นกินง่ายจัง? ไม่เพียงแต่เขาล้มเหลวในการฆ่าสัตว์อสูร ยังลงเอยด้วยการให้อาหารหมึกยักษ์จนมันแข็งแกร่งขึ้น!
ซูอันละทิ้งความคิดโจมตีทั้งหมด แล้วกลับไปด้านข้างของหมี่ลี่คอยปกป้องนาง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้วิ่ง หมึกยักษ์ได้ดูดซับวิญญาณของจ้าวฮั่นไปแล้ว ดังนั้นซูอันจะไม่สามารถหนีไปได้แม้ว่าจะต้องการก็ตาม
ร่างกายของหมึกยักษ์บิดเบี้ยวกลับสู่ร่างมนุษย์ จากนั้นของเหลวในเลือดดูเหมือนจะรวมตัวกัน รอยแตกทุกชนิดปกคลุมร่างกายของมัน และโลหิตจำนวนมากก็ไหลออกมา เผยให้เห็นคนที่อยู่ข้างใน
เมื่อเทียบกับมนุษย์โลหิตก่อนหน้านี้ที่มีลักษณะที่ไม่ชัดเจน ตอนนี้บุคคลตรงหน้าดูไม่แตกต่างจากคนธรรมดา อย่างไรก็ตาม รูปร่างของเขายังคงบิดเบี้ยวเป็นครั้งคราว เผยให้เห็นความจริงที่ว่า เขายังไม่ใช่ร่างกายที่จับต้องได้อย่างสมบูรณ์ ซูอันสงสัยว่าเป็นสิ่งที่คล้ายกับร่างวิญญาณของหมี่ลี่หรือไม่
ดวงตาของร่างนั้นลุกโชนด้วยความปรารถนาในขณะที่มองไปที่ซูอัน ลิ้นสีซีดแลบเลียริมฝีปากหนา “ร่างกายหยางบริสุทธิ์และพรสวรรค์ระดับเลิศล้ำ วันนี้สวรรค์เข้าข้างข้าจริง ๆ”
ซูอันรู้สึกตัวสั่นไปทั่วร่างภายใต้การจ้องมองของอีกฝ่าย ให้ตายเถอะ ไอ้พวกรักร่วมเพศ!
หมี่ลี่พูดขึ้น “ซูฟู เจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้า ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? ในตอนนั้นเจ้าหายไปพร้อมกับคนสามพันคนที่พาไปด้วยไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากดูดซับวิญญาณของจ้าวฮั่นแล้ว ซูฟูก็รู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อ ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อนที่จะฆ่าใคร ตรงกันข้าม การไม่มีคนแบ่งปันความสำเร็จด้วยเป็นความทรมานประเภทหนึ่ง ตอนนี้มีผู้รับฟังทำให้เขามีความสุขมาก
“อิ่งเจิ้งส่งข้าไปค้นหาน้ำอมฤตแห่งความเป็นอมตะให้เขา ข้าออกไปสู่ทะเลอันไร้ขอบเขตหลายครั้งด้วยความหวังที่จะพบภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน แต่คำถามที่ดีกว่าก็คือ ความเป็นอมตะมีอยู่จริงหรือไม่? ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้อิ่งเจิ้งหมดความอดทนกับข้า ทุกคนในโลกเชื่อว่าข้าทำไม่สำเร็จ แต่จริง ๆ แล้วข้าพบวิธีที่เป็นไปได้ของการเป็นอมตะในทะเลตะวันออก”
“อะไรนะ!?” ลืมซูอันไปได้เลย แม้แต่หมี่ลี่ก็ตกใจ มีวิธีการเป็นอมตะในโลกนี้จริงเหรอ?
ซูฟูหัวเราะเบา ๆ “แท้จริงแล้วมันไม่ใช่วิธีการเป็นอมตะที่พวกเราทุกคนนึกถึง แต่เป็นทักษะวิเศษแบบหนึ่งที่สามารถชะลอความชราได้ ทักษะนี้ต้องการแก่นแท้โลหิตจำนวนมากเพื่อชดเชยเวลา และยังต้องการร่างกายที่เป็นธาตุโลหะ ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดินเพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวย แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ข้าต้องการคือ ร่างกายหยางบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับร่างกายหยินบริสุทธิ์ ด้วยทั้งหมดนี้ ข้าจะขึ้นสู่ความเป็นอมตะ บรรลุถึงร่างกายที่ไม่มีวันตาย”
เขาหยุดชั่วครู่และมองหมี่หลี่ “ไม่อย่างนั้น ทำไมเจ้าถึงคิดว่าอิ่งเจิ้งเลือกที่จะรับเด็กเหลือขอที่นิสัยเสียจากแคว้นฉู่มาเป็นจักรพรรดินี แม้ว่าเขาจะโจมตีแคว้นฉู่อย่างชัดเจนก็ตาม คิดจริง ๆ หรือว่าเจ้ากับพี่สาวของเจ้าทำได้สำเร็จ”
สีหน้าของหมี่ลี่เปลี่ยนไป นางไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุผลเช่นนี้
จากนั้นซูฟูก็ถามว่า “เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกเลยเหรอที่อิ่งเจิ้งแต่งงานกับเจ้ามาหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยแตะต้องเจ้าเลยสักครั้ง? และเลือกที่จะทิ้งเจ้าไว้เป็นหญิงสาวพรหมจารี?”
………………..