เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1295 เขากำลังจะตาย
บทที่ 1295 เขากำลังจะตาย
ซูฟูคำรามและกลับคืนสู่ร่างหมึกยักษ์ เห็นได้ชัดว่ากำลังจะต่อสู้จนตัวตาย หนวดยักษ์เกี่ยวทหารจำนวนมากออกไปทุกที่ที่พวกมันไปถึง ในเวลาเดียวกัน หนวดบางส่วนก็พุ่งเข้าหาซูอัน
ใบหน้าของปี่หลิงหลงซีด นางจำได้ว่าจ้าวรุ่ยจื่อผู้เย่อหยิ่งก็ถูกกลืนกินโดยร่างมหึมานี้เช่นกัน
หมี่ลี่ปลอบใจนาง “ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าการบ่มเพาะของแต่ละคนจะสูงเพียงใด ต่อหน้ากองทัพมีเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้นที่รออยู่”
หวังเจี่ยนชักคันธนูและยิงทันทีที่หมี่ลี่พูดจบ ลำแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าแยกหนวดออกทีละเส้น มือธนูดินเผาภายใต้คำสั่งก็ยิงออกไปเช่นกัน จากนั้นพายุลูกธนูก็เทลงบนร่างของหมึกยักษ์
ก่อนหน้านี้ร่างกายของซูฟูนั้นเล็กเกินไปที่จะกลายเป็นเป้าโจมตีของมือธนู แต่ตอนนี้เขากลายเป็นหมึกยักษ์ กลายเป็นเป้าขนาดมหึมาไปแล้ว
หมึกยักษ์ส่งเสียงคำราม น่าเสียดายที่ลูกธนูไม่ใช่ลูกธนูธรรมดา พวกมันทั้งหมดมีคุณสมบัติในการปราบปรามวิญญาณ ในไม่ช้าซูฟูก็ไม่สามารถโจมตีได้อีกต่อไปและกลับสู่ร่างมนุษย์
“ต้องกลับร่างเดิมจนได้!” ปี่หลิงหลงหัวเราะ เมื่อเห็นอาการเสียใจของซูฟู ในที่สุดนางก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
“อิ่งเจิ้ง ถ้าเจ้ามีความกล้า ก็สู้กับข้าตัวต่อตัวสิ!” ซูฟูคำรามด้วยความโกรธ
ซูอันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้ามีดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ ไม่มีความจำเป็นต้องต่อสู้กับคนโง่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง”
จังหวะหายใจของซูฟูหยุดลง นี่คือโอรสสวรรค์ การต่อสู้กับชายผู้นี้เพียงลำพังคงเป็นทางเลือกที่โง่เขลาจริง ๆ เขาถอนหายใจกับการขึ้น ๆ ลง ๆ ของโชคชะตา แผนที่ถูกวางไว้มาเนิ่นนาน ในวันนี้จะให้ผลตอบแทนอย่างไรก็สุดจะรู้
แต่ไม่มีทางที่เขาจะยืนรอความตายอยู่อย่างนั้น ซูฟูกลายร่างเป็นแอ่งเลือดและพุ่งไปรอบ ๆ ไม่ว่ากระบวนทัพจะแน่นหนาเพียงใด ก็ไม่สามารถหยุดการไหลของน้ำได้!
ในขณะนั้น ไป่ฉีซึ่งจดจ่ออยู่กับคำสั่งตลอดเวลาก็เคลื่อนไหว เขากลายเป็นหมอกสีดำและพุ่งเข้าหาแอ่งเลือด ทั้งสองพัวพันกันจนคนนอกไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้เลย
ปี่หลิงหลงดูกังวล “อาจารย์ ท่านกล่าวว่าการบ่มเพาะของไป่ฉีนั้นด้อยกว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่มาก ซูฟูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาใช่ไหม?”
หมี่ลี่มีสีหน้าแปลก ๆ เมื่อได้ยินปี่หลิงหลงเรียกนางว่า ‘อาจารย์’ เช่นเดียวกับซูอัน แต่นางก็ยังตอบว่า “ซูฟูได้ใช้ความแข็งแกร่งไปมากแล้วในการต่อสู้กับทั้งกองทัพ นอกจากนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ไป่ฉีได้ฟื้นพละกำลังทั้งหมดกลับมาแล้ว มันแปลกจริง ๆ”
ร่างสีดำกระโจนออกมาไม่นานหลังจากที่นางพูดจบ เคียวสีดำสนิทของเขาแทงลงไปในแอ่งเลือด เกี่ยวร่างวิญญาณที่กำคอของมันด้วยความตื่นตระหนกขณะที่ถูกลากออกมา จะเป็นใครได้อีกนอกจากซูฟู?
ง้าวปลายเคียวของไป่ฉีส่องประกาย ศีรษะของซูฟูร่วงหล่นลงมาและสลายไปในอากาศ จากนั้นเขาก็เดินมาหาซูอันและพูดว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมดีใจที่ไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง!”
ซูอันพยักหน้า “เจ้าทำภารกิจที่รอคอยมาหมื่นปีสำเร็จแล้ว หลับให้สบาย”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” โดยมีไป่ฉีเป็นผู้นำ ทหารทุกคนคุกเข่าลงและคำนับซูอัน จากนั้นสายลมพลันพัดผ่านและกลายเป็นทรายสีเหลืองกระจายไปตามแรงลม ลานกว้างเริ่มมืดมนและสงบลงอีกครั้ง
สภาพแวดล้อมบิดเบี้ยวทั้งหมดกลับไปอยู่ในห้องพร้อมแท่นบูชา ซูอันหันกลับไปมองผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างหลัง
ปี่หลิงหลงถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อาซู นั่นเจ้าหรือเปล่า?” ซูอันไม่ตอบ แต่มองไปที่หมี่ลี่อย่างเงียบ ๆ
หมี่ลี่หัวเราะเยาะ “อะไรนะ เจ้าจะฆ่าข้าด้วยเหรอ? เจ้าจะแสวงหาชีวิตนิรันดร์ผ่านผนึกหยินหยางห้าธาตุนี้ต่อไปหรือไม่?”
ซูอันยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ข้าหมกมุ่นอยู่กับความเป็นอมตะมากจนปล่อยให้แผนการของซูฟูสำเร็จ แต่เวลาผ่านไปเกือบหมื่นปี ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าอมตะในโลกนี้”
หมี่ลี่หัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ข้าไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเจ้า”
ซูอันไม่ได้อารมณ์เสีย แต่พูดต่อว่า “ผนึกหยินหยางห้าธาตุที่ซูฟูสร้างขึ้นนี้สามารถเพิ่มอายุขัยของคนคนนึงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงแม้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ถ้าเราต้องกลายเป็นตัวประหลาดแบบนั้น การมีชีวิตอยู่จะมีความหมายอะไรอีก?”
หมี่ลี่ถามว่า “ซูฟูไม่ได้บอกว่าร่างกายและวิญญาณของเจ้าถูกทำลายไปแล้วงั้นเหรอ? ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่?”
ซูอันอธิบายว่า “ในการต่อสู้ที่เนินทราย ข้าถูกพวกเขาหักหลัง ข้าจึงผนึกเสี้ยววิญญาณไว้ส่วนหนึ่ง ความต้องการในการเปิดใช้งานเสี้ยววิญญาณนี้คือผู้ที่ฝึกวิชาปฐมบทแรกเริ่ม ซูฟูจึงตรวจไม่พบมันโดยธรรมชาติ”
“เจ้าวางแผนทั้งหมดนี้ไว้แล้วเมื่อผนึกข้าไว้ในที่แห่งนั้น?” หมี่ลี่ขมวดคิ้ว “แต่ในเมื่อเจ้าสามารถเตรียมการทั้งหมดนี้ไว้ล่วงหน้าได้ เจ้าจะยังปล่อยให้ซูฟูวางแผนต่อต้านเจ้าได้อย่างไร ช่างน่าผิดหวัง”
“ข้าไม่ได้วางแผนเพื่อป้องกันซูฟู” ซูอันถอนหายใจ “ความกังวลหลักของข้าคือพิธีกรรมของผนึกนี้จะล้มเหลว ดังนั้นข้าจึงเตรียมการบางอย่างไว้ล่วงหน้า ด้วยวิธีนี้ในอนาคตจะมีคนพบข้าและช่วยข้าฟื้นฟูตัวเอง”
สีหน้าของหมี่ลี่เปลี่ยนไป และนางก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว “นั่นไม่ใช่มรดกที่เจ้าตั้งใจจะส่งต่อ แต่เป็นเหยื่อล่อ! เจ้ากำลังใช้ครึ่งหลังของวิชาปฐมบทแรกเริ่มล่อลวงเครื่องสังเวยที่จะช่วยในการเกิดใหม่ให้กับเจ้า!”
“อะไรนะ?” ปี่หลิงหลงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูอันจะทำอย่างไรหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง?
ซูอันขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงความกังวลของผู้หญิงสองคน เขาถามว่า “ชายผู้นี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกับเจ้า?”
หมี่ลี่พูดอย่างใจเย็น “เขาเป็นศิษย์ของข้า”
ซูอันรู้สึกผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำตอบ “ช่างมันเถอะ ในระดับหนึ่ง เขาสามารถเป็นผู้สืบทอดของข้าได้ เราทั้งสองสามีภรรยาลงเอยด้วยการสั่งสอนคนคนเดียวกัน”
“เจ้าหักหลังพี่สาวของข้า ฆ่าฝูซูและใช้ข้าเป็นเครื่องสังเวย ข้าได้ตัดพันธะการแต่งงานทั้งหมดกับเจ้าแล้ว” ภายนอกของหมี่หลี่ดูสงบนิ่ง แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการพูดเรื่องแบบนี้กับเขา “เจ้าจะอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไร? ร่างกายของเขาไม่สามารถทนต่อการครอบครองของเจ้าได้นานขนาดนั้น”
ซูอันขมวดคิ้วอย่างโกรธเกรี้ยว แต่พวกมันก็ค่อย ๆ คลี่คลายออกอีกครั้ง “ถ้ามีคนกล้าพูดกับข้าแบบนี้ในตอนนั้น ข้าคงฉีกร่างมันเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว”
หมี่ลี่แค่นเสียงไม่พอใจ
ซูอันพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ข้าหลับไปนานมากก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ใครก็ตามที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับข้าคงไม่อยากจากไปเร็วนักหรอก”
หมี่ลี่พูดอย่างไม่มีความสุข “ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูด ก็แค่พูดออกมา หยุดทำร้ายร่างกายเขาเถอะ” นางรู้เรื่องผลสะท้อนกลับของ ‘คีย์บอร์ด จงมา!’ กังวลว่าซูอันจะได้รับความเสียหายมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องรอนานขึ้น
“เจ้าค่อนข้างใส่ใจศิษย์คนนี้” รอยยิ้มของซูอันจางหายไป “น่าเสียดาย ที่เขากำลังจะตาย”
………………..