เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 1298 เรื่องไม่คาดฝัน
บทที่ 1298 เรื่องไม่คาดฝัน
ปี่หลิงหลงตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นและต่อต้านโดยไม่รู้ตัว “เจ้า…”
“ไม่ต้องห่วง ข้าแค่ช่วยเขานิดหน่อย” ซูอันอ้าปาก แต่เป็นเสียงของหมี่ลี่ที่ออกมา
ปี่หลิงหลงรู้สึกอับอายมากจนอยากจะขุดหลุมเพื่อซ่อนตัว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? หมี่ลี่ยังรู้สึกว่าสถานการณ์ปัจจุบันถูกสาปแช่ง แต่นางก็อดทนต่อความรู้สึกอึดอัดและจูบปี่หลิงหลง
…
หลังจากนั้นไม่นาน วิญญาณของหมี่ลี่ก็ออกจากร่างของซูอัน นางบินไปในระยะไกลโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา “ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
ปี่หลิงหลงสังเกตเห็นรอยแดงบนใบหน้าของหมี่ลี่และรู้สึกสับสน แม้แต่วิญญาณก็ยังหน้าแดงได้? แต่นางไม่มีเวลากังวลเรื่องอื่น เพราะตอนนี้สถานการณ์มาถึงจุดวิกฤตแล้ว
นางได้ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม นางยังคงดึงซูอันเข้าสู่อ้อมกอดอย่างอ่อนโยน คิ้วที่สวยงามของนางขมวดมุ่น และดวงตาก็คลอไปด้วยน้ำใสอย่างรวดเร็ว เพราะนางเป็นเพียงหญิงสาวที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน!
ก่อนที่นางจะทันได้พูดอะไร ซูอันที่หมดสติไปครึ่งหนึ่งอยู่ ๆ ก็ร้องออกมาก่อน “เจ็บ!”
ปี่หลิงหลงและหมี่ลี่พูดไม่ออก
ซูอันที่หมดสติไปครึ่งหนึ่งรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังจะแยกออกจากกัน รู้สึกราวกับอยู่ในทะเลทรายที่ไม่มีที่สิ้นสุด โดยมีดวงอาทิตย์ที่แผดเผากำลังจ้องมองลงมาจากเบื้องบน เขารู้สึกคอแห้งมากกว่าที่เคยรู้สึกมาก่อน ราวกับว่าอาจขาดน้ำตายจากความกระหายได้ทุกเมื่อ
แต่ทันใดนั้น โอเอซิสที่หอมหวานดูเหมือนจะปรากฏต่อหน้า และเขาก็วิ่งไปโดยสัญชาตญาณ อยากจะกระโดดลงไปกินน้ำทั้งหมดอย่างตะกละตะกลาม วิชาปฐมบทแรกเริ่มเริ่มทำงานด้วยตัวของมันเอง และเขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาได้รับการหล่อเลี้ยง ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่มีก็ค่อย ๆ หายไป
ดวงตาของปี่หลิงหลงเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาหยดลงที่ด้านข้างของใบหน้าที่สวยงาม ทว่านางยังคงโอบกอดชายตรงหน้าไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนาและสวมกอดเขาอย่างอ่อนโยน
หมี่ลี่พยักหน้าจากระยะไกล เด็กสารเลวคนนี้ไม่รู้จักวิธีถนอมสาว ๆ เขาควรจะขอโทษนางให้ดีเมื่อฟื้นสติขึ้น
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพึมพำในระยะไกล ปี่หลิงหลงมองไปในทิศทางนั้นโดยไม่รู้ตัว และเห็นร่างของจ้าวรุ่ยจื่อซึ่งนอนทรุดอยู่บนพื้นเคลื่อนไหวพยายามที่จะนั่งตัวตรง
จ้าวรุ่ยจื่อมองไปรอบ ๆ ตัวเองด้วยความงุนงง เขาพึมพำว่า “นี่ข้าอยู่ที่ไหน?…” เขามองไปยังทิศทางของปี่หลิงหลงในขณะที่พูด
ปี่หลิงหลงตกใจมาก แม้ว่าทั้งสองไม่มีความรู้สึกร่วมกัน แต่นางก็ยังคงเป็นภรรยาในนามของเขา ถ้าจ้าวรุ่ยจื่อเห็นฉากนี้ ไม่ว่าจะโง่แค่ไหน เขาก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
หมี่ลี่รีบวิ่งไปแตะจุดสำคัญของจ้าวรุ่ยจื่อ และเขาก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง นางตรวจสอบร่างกายของเขาและพูดอย่างจริงจังว่า “ซูฟูกลืนกินเสี้ยววิญญาณของจ้าวฮั่น จิตวิญญาณที่ร้าวรานของจ้าวรุ่ยจื่ออาจไม่มีประโยชน์ต่อซูฟู ดังนั้นมันจึงรอดชีวิตมาได้ นี่เป็นเหตุผลที่เขาตื่นหลังจากนั้นไม่นาน”
ร่างของปี่หลิงหลงสั่นสะท้าน ตอนนี้หัวใจของนางแทบจะหลุดออกมาจากอกแล้ว! แม้จะน่าอาย แต่นางก็ยังถามเสียงเบาว่า “แล้วในอนาคตเขาจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ไหม?” เสียงของนางอ่อนโยนขึ้นโดยไม่รู้ตัว
โชคดีที่หมี่ลี่ไม่หันกลับมา สีหน้าของนางดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบว่า “ลืมเรื่องกลับสู่ปกติไปได้เลย เนื่องจากการครอบครอง วิญญาณของเขาได้รับความบกพร่องโดยธรรมชาติ เขาจะสามารถกู้คืนได้มากที่สุดคือตัวตนที่โง่เขลาก่อนหน้านี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นอาจจะโง่กว่าเดิม นอกจากนี้เขาได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส หากปราศจากการสนับสนุนจากจ้าวฮั่น เขาคงไม่สามารถออกจากมิติลับนี้ไปได้”
ปี่หลิงหลงกัดริมฝีปาก นางหยิบถุงที่เต็มไปด้วยขวดและภาชนะต่าง ๆ ขึ้นมา “อาจารย์ ท่านช่วยให้เขากินยาพวกนี้ได้ไหม?”
แม้ว่าจะไม่เคยมีความรู้สึกลึกซึ้งกับรัชทายาท แต่นางก็รู้สึกราวกับว่าทำผิดต่อเขาจริง ๆ การช่วยเขาเป็นสิ่งเดียวที่นางทำได้ในขณะนี้
หมี่ลี่พยักหน้าและตอบว่า “ก็ได้!” นางเคาะคางของจ้าวรุ่ยจื่อและเทยาเข้าไปในปากของเขา
เห็นได้ชัดว่าการป้อนยาให้ใครสักคนไม่ใช่ความถนัดของนาง ความจริงที่ว่านางเต็มใจที่จะทำอย่างนี้ถือเป็นน้ำใจเพื่อแลกกับการที่ปี่หลิงหลงช่วยชีวิตซูอัน นางป้อนยาให้จ้าวรุ่ยจื่อขณะที่ถามปี่หลิงหลงว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
ใบหน้าของปี่หลิงหลงแดงก่ำ คิดในใจว่า ทำไมถึงถามข้าแบบนี้? แต่นางยังคงตอบทั้งน้ำตาว่า “เจ็บ…”
หมี่ลี่ตกตะลึง นางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามว่า “ข้าถามว่าตอนนี้ร่างกายของซูอันเป็นอย่างไรบ้าง? อาการของเขาดีขึ้นบ้างไหม?”
ปี่หลิงหลงพูดไม่ออก นางอยากจะคลานเข้าไปในโพรงและซ่อนตัวอยู่ที่นั่นตลอดไปจริง ๆ อย่างไรก็ตาม นางตอบในเวลาต่อมาว่า “ร่างกายของเขาไม่ทรุดโทรมอีกต่อไปแล้ว”
“นั่นก็ดีแล้ว ทำต่อไป” หมี่ลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนวิชาปฐมบทแรกเริ่มจะมีประโยชน์ในท้ายที่สุด
นางอุ้มจ้าวรุ่ยจื่อขึ้นมาแล้วบินออกไปข้างนอก โยนเขาออกจากห้องและไม่ได้กลับเข้าไปข้างในอีกเช่นกัน นางทรุดตัวนั่งลงที่ทางเข้าและเริ่มปรับลมหายใจของตัวเอง แต่เมื่อนางคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ คนรู้จักทั้งหมดในอดีตที่เคยพบมา นางพบว่ามันยากที่จะสงบสติอารมณ์
ปี่หลิงหลงเห็นหมี่ลี่พาจ้าวรุยจื่อออกไปข้างนอก ก็รู้ว่าอีกฝ่ายทำเช่นนั้นเพื่อไม่ให้นางอับอาย นางรู้สึกขอบคุณอย่างมาก
แต่ความคิดของนางถูกขัดจังหวะอย่างรวดเร็วโดยผู้ชายที่โอบรอบตัวนาง นางอดไม่ได้ที่จะแตะหน้าอกของเขา “เจ้ามันเลวจริง ๆ…”
…
หลังจากเวลาผ่านไป ปี่หลิงหลงก็ตกใจกับบางสิ่ง นางรู้สึกราวกับมีหลุมดำในร่างกายที่กำลังดูดกลืนแก่นแท้ของชีวิตนางอย่างเมามัน! นางต้องการผลักซูอันออกไปโดยสัญชาตญาณ แต่ในไม่ช้า นางก็นึกถึงบางสิ่งและตัดสินใจที่จะไม่ทำ สองมือโอบกอดเขาอย่างอ่อนโยนและพึมพำว่า “ข้าเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีแล้ว ไม่เป็นไรตราบใดที่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้”
นางคิดว่าหมี่ลี่หลอกว่าการรักษาดังกล่าวอาจเป็นการถ่ายโอนแก่นแท้ของชีวิต แต่เมื่อนางเห็นผมสีขาวราวกับหิมะของตัวเองและจำได้ว่าพลังชีวิตของนางเกือบจะหายไปจากการใช้วิชาต้องห้ามนั้นแล้ว มันไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนักหากนางมีชีวิตอยู่อีกสองสามปีหรือน้อยกว่านั้น ผู้ชายคนนี้ช่วยนางไว้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเองเลย!
เมื่อซูอันซึมซับแก่นแท้ของชีวิตนาง นางรู้สึกอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ผิวของนางมีสีเข้มขึ้น มันแห้งกร้าน สติของนางค่อย ๆ พร่ามัว นางคิดว่าตัวเองตายไปแล้วอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน นางรู้สึกได้ถึงคลื่นชีวิตที่มีพลังมหาศาลไหลเข้าสู่ร่างกาย! จากนั้นร่างกายและเส้นลมปราณก็ได้รับการหล่อเลี้ยง ร่างกายของนางฟื้นตัวและผิวหนังเปล่งประกายระยิบระยับ แม้แต่ผมสีขาวที่ลีบแบนของนางก็ยังได้สีเดิมกลับคืนมา ไม่สิ ตอนนี้ผมสีดำของนางนุ่มสลวยยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!