เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 224 เพ้อฝัน
เจียงลั่วฝูชำเลืองมองซ่างหงด้วยสายตาประหลาดใจ นางคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะยอมพูดจาตามน้ำไปกับซูอันง่าย ๆ แบบนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางคิดหาเหตุผลจูงใจของอีกฝ่ายไม่ออกนางจึงทำได้แต่เอนหลังพิงเก้าอี้และคอยดูเหตุการณ์ต่อไป นางอยากจะรู้ว่าซูอันจะสามารถสร้างเรื่องน่าประหลาดใจให้นางเพิ่มได้อีกหรือเปล่า
เมื่อซ่างหงและเจียงลั่วฝูกลับไปนั่งที่เดิม บรรดาตัวตนระดับสูงคนอื่น ๆ จึงรีบกลับไปนั่งที่นั่งของตนเองเพื่อดูการประลองคู่พิเศษนี้อย่างตื่นเต้น
ฉินหว่านหรูดึงแขนเสื้อสามีของนางแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวล “ซูอันมีโอกาสเอาชนะหยวนเหวินจี้ได้บ้างไหม?”
“ข้าไม่แน่ใจ” ฉู่จงเทียนส่ายหัว “จากสิ่งที่ข้าเห็นในตอนที่เขาประลองกับหยวนเหวินตง เมื่อครู่ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเขาจะอ่อนแอกว่าหยวนเหวินจี้เล็กน้อย พูดตามตรงในตอนนี้ข้ายังไม่ค่อยแน่ใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยวนเหวินตงก่อนหน้านี้ที่แพ้การประลองไปเช่นนั้น”
หงซิงอิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของฉู่จงเทียน หากซูอันแพ้ในการประลองรอบนี้ ความดีความชอบใด ๆ ก็ตามที่เขาสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้จะสูญสลายหายไปในทันที หากเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว
ฮึ่ม ! ไม่ว่ายังไงมันก็ยังคงเป็นแค่ไอ้โง่ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาได้เพราะความโชคดีล้วน ๆ ถึงแม้ว่าข้าไม่รู้ว่ามันบ่มเพาะมาถึงระดับปัจจุบันได้อย่างไร แต่ท้ายที่สุดความโง่ของมันจะทำให้มันพบกับจุดจบที่น่าอนาถแน่นอน!
ในขณะเดียวกัน ฉู่ฮวนเจากลับแสดงสีหน้าตื่นตระหนก “ถ้างั้นมันก็หมายความว่าพี่เขยของข้ากำลังตกอยู่ในอันตรายงั้นเหรอ?”
ฉู่จงเทียนปลอบนางทันที “วางใจเถอะ พ่อจะเข้าไปช่วยเขาทันทีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น”
“ชิ ตั้งแต่ประลองคู่แรกจนถึงตอนนี้ข้ายังไม่เห็นว่าท่านพ่อช่วยใครทันสักคน !” ฉู่ฮวนเจาเอ่ยขึ้นพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
เอ่อ…
ฉู่จงเทียนแทบจะสำลักกับคำพูดของลูกสาวตัวเอง เขาอยากจะโต้เถียงกลับแต่น่าเสียดายที่ไม่อาจหาคำใดที่จะหักล้างสิ่งที่นางเพิ่งพูดได้เลย มันใช้เวลานานก่อนที่เขาจะกัดฟันกรอดและพูดออกไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด “เอาเป็นว่าครั้งนี้ข้าจะลงมือพร้อมกับแม่และพี่สาวของเจ้าหากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น… แบบนี้เจ้าพอใจรึยัง?”
ฉู่ฮวนเจาพยักหน้าอย่างพึงพอใจทันที “แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย!”
ในทางกลับกัน บรรดาคนของตระกูลหยวนกำลังห้อมล้อมหยวนเหวินจี้และพูดให้กำลังใจเขาอย่างแข็งขัน “เหวินจี้ ไม่ต้องกลัวไป ระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายอยู่แค่ระดับ 3 ขั้นต้นเท่านั้น หากเจ้าไม่ประมาทเจ้าเอาชนะเขาได้แน่!”
“เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเหวินตงประมาทอีกฝ่ายมากเกินไป เอาเป็นว่าเจ้าเอาที่อุดหูนี้ไปสวมเอาไว้เพื่อป้องกันคำพูดที่ไร้สาระของชายผู้นั้น ไม่เช่นนั้นสมาธิของเจ้าอาจจะวอกแวกได้และอย่าลืมว่าอย่างน้อยที่สุดเจ้าจงตัดแขนหรือขาของมันให้ได้สักข้างหนึ่ง!”
“เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับทักษะการเคลื่อนไหวของเขามากเกินไป เราได้ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนหน้านี้แล้วและพบว่ามันไม่ใช่ภัยคุกคามเลย เจ้าแค่ต้องทำสิ่งนี้…”
…
บนเวทีประลอง ซูอันหาวด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “พวกเจ้าคุยกันเสร็จแล้วหรือยัง ? นี่พวกเจ้าจะสู้หรือไม่สู้กันแน่?”
แต่แล้วหลังจากที่ถามจบ ซูอันก็ชะงักค้างไป
ฟังดูแปลก ๆ นะ …ประโยคนี้นี่ไม่ใช่ว่าหยวนเหวินตง เคยพูดไปก่อนหน้านี้ที่มันจะสู้กับข้าไม่ใช่รึไง ? บัดซบเอ๊ย ! นี่ข้าใช้คำพูดประโยคเดียวกับคนที่หล่อน้อยกว่าข้าสิบเท่าแบบนี้ได้ยังไง!?
“ในเมื่อเจ้าเบื่อชีวิตนัก งั้นข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง !” หยวนเหวินจี้กระโจนขึ้นมาบนเวทีประลองด้วยสีหน้ามืดหม่น
“อย่าเป็นเหมือนลูกพี่ลูกน้องของเจ้าที่เอาแต่พล่ามแต่กลับทำให้ทุกคนผิดหวังก็แล้วกัน” ซูอันเอ่ยกลับด้วยรอบยิ้มหยอกล้อ
“ก่อนหน้านี้เจ้าใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเพื่อทำร้ายพี่เหวินตง ! นับจากนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิตที่กล้าทำแบบนั้นกับเขา” หยวนเหวินจี้ชักกระบี่ของเขาออกจากฝักและชี้ปลายกระบี่ไปยังทิศทางของซูอัน
ตอนนั้นเองที่หยวนเจิ้งฉู่โวยวายเสียงดัง “เจ้าลืมแล้วรึไงว่าข้าบอกอะไรเจ้าไปก่อนหน้านี้ ! อย่าแม้แต่จะคุยกับเขา ! สวมที่อุดหูของเจ้าซะไอ้เจ้าโง่!”
แก้มของหยวนเหวินจี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความอับอายที่ถูกด่าว่า ‘ไอ้โง่’ แต่เขาก็ไม่กล้าจะเถียงอะไรและรีบสวมที่อุดหูตามคำสั่งทันที
อย่างไรก็ตามในใจของเขายังคงรู้สึกค้างคาเล็กน้อย คำพูดของซูอันเหมือนมีเวทมนตร์บางอย่างที่ทำให้อดไม่ได้ที่จะอยากต่อล้อต่อเถียงด้วย
ในทางกลับกัน ซูอันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เห็นว่าอีกฝ่ายสวมที่อุดหู เพราะทักษะ ‘แกมองอะไร?’ มีประโยชน์อย่างมหาศาลในการต่อสู้ครั้งก่อน แม้ว่ามันจะทำให้หยวนเหวินตงฟุ้งซ่านเพียงเสี้ยววินาที แต่มันก็มากเกินพอที่จะสร้างโอกาสในวินาทีเป็นตาย
แต่ถ้าคู่ต่อสู้ของข้าใส่ที่อุดหู ทักษะ ‘แกมองอะไร?’ มันจะยังใช้ประโยชน์ได้อีกรึเปล่า?
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าซูอันก็ปลอบตัวเองว่าไม่มีทางที่ทุกคนในโลกจะสวมที่อุดหูตลอดเวลา และเหตุผลที่หยวนเหวินจี้ถูกบอกให้สวมไม่ใช่เพราะตระกูลหยวนรู้เกี่ยวกับผลกระทบของ ‘แกมองอะไร?’ แต่ตระกูลหยวนกลัวว่าหยวนเหวินจี้จะถูกรบกวนโดยคำพูดของเขาและเดินตามรอยเท้าของหยวนเหวินตง
“ไปตายซะ !” หยวนเหวินจี้ตะโกนดังลั่นด้วยสีหน้าเย็นชาพร้อมกับพุ่งตัวไปข้างหน้าเข้าหาซูอัน ความชำนาญในการใช้กระบี่ของเขานั้นต่ำกว่าหยวนเหวินตง แต่อย่างน้อยเขาก็ชำนาญมันมากกว่าซูอัน ซึ่งนั่นทำให้เขาได้เปรียบแน่นอน!
ซูอันปะทะกับหยวนเหวินจี้ไปหลายกระบวนท่า จนในไม่ช้าก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาตระหนักได้ว่าการเคลื่อนไหวของตนเหมือนจะถูกอีกฝ่ายมองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้าอาจดูน่ากลัวในตอนแรก แต่แท้จริงแล้วหากมองดี ๆ เจ้าเคลื่อนไหวได้เพียงไม่กี่รูปแบบเท่านั้น !” เมื่อเดาความคิดของซูอันได้แล้ว หยวนเหวินจี้พลันระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น และยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างที่เขาพูดเขาก็ยังคงฟาดฟันไปที่ซูอันอย่างรุนแรงต่อเนื่องโดยไม่สะดุดแม้แต่น้อย
ในทางกลับกัน ซูอันก่นด่าผู้เฒ่ามี่ในใจแบบไม่หยุดหย่อน ตาเฒ่านั่นให้ทักษะการเคลื่อนไหวที่มีข้อบกพร่องมากมายแบบนี้กับข้าได้ยังไง ! มันจะมีประโยชน์อะไรหากทักษะการเคลื่อนไหวมันถูกมองออกได้อย่างง่ายดายขนาดนี้!
หากพูดอย่างยุติธรรม วิชาร่างก้าวทานตะวันฉบับดัดแปลงนี้ ผู้เฒ่ามี่จำเป็นต้องดัดแปลงมันอย่างเร่งด่วนเพราะความกลัวว่าจะมีใครบางคนมองมันออกว่าแท้จริงแล้วมันคือวิชาอะไร ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่มีเวลาคิดปรับปรุงมันให้ดีมากนักซึ่งส่งผลทำให้มันเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง ฉะนั้นมันจึงไม่แปลกเลยหากมันจะถูกแก้ไขได้โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่วิเคราะห์มันพร้อม ๆ กันและเอาความรู้นั้นส่งต่อให้หยวนเหวินจี้
ในขณะที่ซูอันฟุ้งซ่าน หยวนเหวินจี้ได้ใช้โอกาสนี้กุมความได้เปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ รอยยิ้มที่ร่าเริงผุดขึ้นบนริมฝีปากของหยวนเหวินจี้ และเมื่อเห็นช่อว่างของซูอัน เขาพลันตัดสินใจฟันกระบี่อย่างเต็มแรงหวังจะสับขาของซูอันให้ขาดสะบั้นในกระบี่เดียว!
วันนี้โชคของข้าไม่เลว การที่หยวนเหวินตงพิการไปแล้วทำให้ไม่มีใครในรุ่นเยาว์ของตระกูลหยวนสามารถแข่งขันกับข้าได้อีกต่อไป นอกจากนี้ข้ายังมีโอกาสสร้างความดีความชอบในการล้างแค้นให้หยวนเหวินตง ซึ่งหลังจากนี้ข้าจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลอย่างเต็มที่แน่นอน และท้ายที่สุดข้าก็จะกลายเป็นผู้สืบทอดตระกูลหยวนอย่างชอบธรรม!
อันที่จริงข้าเองต้องขอบคุณฉู่ฮวนเจาจริง ๆ ที่รังแกข้าตั้งแต่ข้ายังเด็ก ไม่งั้นวันนี้ข้าคงไม่ได้มีโอกาสแบบนี้แน่!
ฮ่าฮ่าฮ่า รอให้ข้าเป็นทายาทของตระกูลหยวนก่อนเถอะ ข้าจะบีบให้ฉู่จงเทียนยกเจ้าให้ข้าให้ได้และจากนั้นข้าจะรังแกเจ้าทุกวัน!
ฮ่าฮ่า แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้วโว๊ย!
แต่แล้วในขณะที่หยวนเหวินจี้กำลังคิดเพ้อฝันไปไกลและกระบี่ของเขาฟันไปถึงขาของซูอัน เขากลับพบว่าไม่มีแรงต้านต่อกระบี่ของเขาเลย!
สิ่งที่เขาฟันผ่านเป็นเพียงภาพติดตา ! แต่ร่างของซูอันตัวจริงตอนนี้ได้หายไปเจอจุดเดิมเรียบร้อยแล้ว!