เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 249 แยกย้ายสำรวจ
บทที่ 249 แยกย้ายสำรวจ
แม้ว่าพวกเขาจะเข้ามามิติลับแล้ว แต่ซูอันยังคงยืนนิ่งและจ้องมองจี้เสี่ยวซีด้วยความงงงวยพร้อมกับพยายามประมวลผลสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำไมอาจารย์เจียงต้องเน้นย้ำให้ข้าดูแลนางด้วย
จี้เสี่ยวซีถูกจ้องมองหนักเข้าก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “อาจารย์ซู ท่านมองข้าทำไม?”
“เจ้าอย่าเรียกว่าอาจารย์เลย มันฟังดูห่างเหิน”
“พี่…พี่ซู”
“เรียกข้าว่าอาซูดีกว่า”
“อาซู?”
ซูอันเดินวนรอบตัวจี้เสี่ยวซี เขามองประเมินนางอย่างตั้งใจ เขาพบว่ามันยากที่จะเชื่อมโยงหญิงสาวผู้น่ารักตรงหน้าเขากับเจียงลั่วฝู จนในที่สุดเขาก็ถามว่า “อาจารย์ใหญ่เจียงเป็นแม่ของเจ้ารึเปล่า?”
จี้เสี่ยวซีรีบส่ายหัว “ไม่ใช่…นางเป็นพี่สาวของแม่ข้า”
“ป้าของเจ้า?” ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซูอันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินว่าอาจารย์ใหญ่เจียงไม่ใช่แม่ของนาง อันที่จริงแล้วผู้ชายธรรมดา ๆ อย่างจี้เติ้งถูจะคู่ควรกับอาจารย์ใหญ่เจียงได้อย่างไร? คนอ่อนโยนอย่างข้าเท่านั้นแหละที่เหมาะสม!
ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเจียงลั่วฝูรู้เรื่อง ‘ซูอันน้อย’ ได้อย่างไร เขาเคยกังวลว่าผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงบางคนจะรู้เห็นความลับของเขา แต่โชคดีที่ไม่เป็นเช่นนั้น เขาจะกล้าเดินไปตามถนนได้อย่างไร หากคนทั้งโลกได้รู้ถึงความไร้สมรรถภาพของเขา!
แต่ไอ้เจ้าบ้ากามจี้เติ้งถูนั่นไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลยที่เอาความลับของคนไข้ไปนินทากับเจียงลั่วฝูแม้ว่าจะเป็นญาติกันก็ตาม การรักษาความลับของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งที่แพทย์ทุกคนต้องรักษาไว้ไม่ใช่หรือไง?
นี่ยังอธิบายได้ว่าทำไมจี้เติ้งถูถึงแม้ว่าจะแอบมองผู้หญิงทุกคนรอบตัวอย่างหื่นกระหาย แต่กลับเมินเจียงลั่วฝูที่เป็นคนสวยและมีเสน่ห์อย่างยิ่ง…
เอ๊ะแต่นั่นก็ไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน จี้เติ้งถูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเจียงลั่วฝูเลย น่าแปลกที่เขาไม่มีความโลภถึงนางเลย เอาเถอะ มันอาจจะเป็นเพราะความเพี้ยนล้วน ๆ อย่าได้หาเหตุผลอะไรเลยจะดีกว่า!
“เป็นอะไรไป อาซู?” จี้เสี่ยวซีสังเกตว่าซูอันเดี๋ยวขมวดเดี๋ยวคลายคิ้ว ดังนั้นนางจึงถามด้วยความกังวล
“อา…ไม่มีอะไร ใช่แล้ว! แม่ของเจ้าไปไหนซะล่ะ ข้าไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงนางมาก่อน” ซูอันพยายามถามให้ลึกขึ้นเล็กน้อย
จี้เสี่ยวซีก้มหน้า “นางจากไปตั้งแต่ข้ายังเด็ก ข้าจำนางไม่ได้เลย”
ขณะที่พูด ขนตายาวของนางเริ่มสั่นเล็กน้อย หยดน้ำตารื้นขึ้นเป็นประกายในดวงตาของนาง เมื่อเห็นว่านางใกล้จะน้ำตาไหล ซูอันก็ตื่นตระหนกทันที “ข้าไม่ควรถามเรื่องนี้ ขอโทษ ๆ เจ้าอย่าร้องไห้นะ!”
จี้เสี่ยวซีสูดจมูกเล็กน้อยขณะที่นางปาดน้ำตา นางฝืนยิ้มและพูดว่า “ข้าสบายดี ข้าชินกับเรื่องนี้แล้ว”
ด้วยเหตุนี้ ซูอันจึงไม่กล้าที่จะถามต่อไปสำหรับตอนนี้ เอาไว้เขาค่อยหาโอกาสอีกครั้งเพื่อสอบถามจากนางเพิ่มเติมก็แล้วกัน…
จากนั้นเขาก็เริ่มประเมินสภาพแวดล้อมรอบตัว พวกเขาอยู่บนพื้นที่ราบที่เต็มไปด้วยหญ้าใบสีเหลืองทองที่ส่ายไหวไปตามแรงลม สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ในตอนนี้มันดูราวกับว่าขณะนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง มีกลุ่มต้นไม้กระจัดกระจายอยู่ประปราย และมีเนินเขาเล็ก ๆ อยู่อีกสองสามแห่ง…
เขาสามารถมองเห็นบางอย่างที่ขอบฟ้า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเทือกเขาหรืออะไรสักอย่าง มันอยู่ไกลเกินไปจนเขาไม่สามารถยืนยันได้
ในมิติลับนี้ดูธรรมดากว่าที่เขาคิดไว้…
ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาคิดว่าในนี้จะเต็มไปด้วยไดโนเสาร์และสัตว์ประหลาดหลากประเภทวิ่งอาละวาด แต่กลับกลายเป็นว่ามันไม่แตกต่างจากโลกภายนอกมากนัก
ฝูงชนที่ยังคงตื่นเต้นจากการเข้ามาในมิติลับก็ค่อย ๆ สงบลงเช่นกัน
“เหมียนหมาน…ไปกันเถอะ” ฉู่ชูเหยียนเห็นอยู่เช่นกันว่าซูอันกำลังเพลิดเพลินกับการพูดคุยกับจี้เสี่ยวซี แต่การแสดงออกของนางยังคงเย็นชาตามปกติทำให้ยากที่จะคาดเดาความคิดของนาง ชุดของนางพลิ้วไหวไปตามจังหวะก้าวเดิน สักพักนางก็เดินห่างไกลออกไปจนหายไปจากสายตา
“ตามที่คาดไว้ อัจฉริยะอันดับหนึ่งของสถาบันมีทักษะการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งจริงๆ”
“เช็ดปากของเจ้าซะ! น้ำลายไหลยืดแล้ว!”
…
“ป้องกันตัวเองให้ดี อย่าให้ถูกฆ่าตายซะล่ะ~” เพ่ยเหมียนหมานมองมาทางซูอันอย่างเย้ายวน ขณะที่นางส่งเสียงของนางพูดกับเขาผ่านพลังชี่ แว่วเสียงหัวเราะดังมาตามสายลม นางกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ฉู่ชูเหยียนได้จากไป
ดูเหมือนว่าในตอนแรกพวกนางวางแผนที่จะสำรวจพื้นที่ด้วยกัน แต่เมื่อพิจารณาจากขนาดของมิติลับแล้ว มันจึงกลายเป็นว่ามีแนวโน้มเมื่อเวลาผ่านไปพวกนางคงต้องแยกทางกันสำรวจในที่สุด…
“ว้าว…! เสียงหัวเราะนั่นทำให้ข้ารู้สึกเหมือนถูกกระชากวิญญาณออกไปเลย”
“ฮ่า! แค่ฟังมันข้าก็รู้สึกเหมือนร่างกายจะละลาย”
“ไม่หรอก ร่างกายของเจ้าแค่อ่อนแอ”
…
เมื่อได้ยินการสนทนารอบตัวเขา ซูอันก็ส่ายหัวอย่างดูถูก ดูสิว่าพวกเจ้าทุกคนไร้ประโยชน์แค่ไหน! ข้าเคยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับนางมาแล้ว แต่ข้าขี้คร้านจะอวด พวกเจ้าทุกคนมีความสุขมากเพียงเพราะได้ฟังเสียงหัวเราะของนางงั้นเหรอ?…ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเจ้าถึงเป็นแค่นักศึกษา ในขณะที่ข้าเป็นอาจารย์!
ซือคุนมองไปที่เบื้องหลังของผู้หญิงสองคนที่เดินจากไปและตกอยู่ในห้วงความคิด อืม…เขาไม่ได้สนใจนางมากนักในอดีต แต่เพ่ยเหมียนหมานก็มีเสน่ห์จริง ๆ ทั้งรูปลักษณ์ของนางไปจนถึงกิริยาของนางที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนจนแทบต้านทานไม่ไหว ถ้าฉู่ชูเหยียนเป็นหญิงสาวที่มีลักษณะเหมาะจะเป็นคู่ครอง เพ่ยเหมียนหมานก็คงเหมาะสำหรับจะเป็นคู่รักที่ร้อนแรง…
ถ้าเขาจำไม่ผิด นางไม่ใช่สมาชิกในสายเลือดหลักของตระกูลเพ่ย ถ้ามีโอกาสเขาจะต้องทำให้นางเป็นของเขาให้ได้!
เพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัย ซือคุนพยายามไม่พูดคุยหรือแม้แต่มองซูอัน เพื่อที่เมื่อพวกเขาสังหารซูอันสำเร็จมันจะได้ไม่มีใครเชื่อมโยงถึงมาเขาได้…
“โชคดีล่ะทุกคน ข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน” ซือคุนยิ้มแล้วพูดขึ้นกับนักศึกษารอบ ๆ ก่อนจะเดินจากไป
นอกจากซูอันและคนอื่น ๆ อีกสองสามคนที่รู้เท่าทันนิสัยที่แท้จริงของเขา จะเห็นว่ามารยาทของเขาสมบูรณ์แบบ เมื่อประกอบกับรูปลักษณ์ที่ดูดีของเขาแล้ว มันจึงไม่แปลกที่เขาจะได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วไปจำนวนมาก
จากนั้นผู้บ่มเพาะระดับห้าคนอื่น ๆ ก็เริ่มแยกออกไปเช่นกัน
“ใครอยู่ในกลุ่มของข้า ตามมาใกล้ ๆ อย่าทิ้งห่าง พวกเจ้าจะได้ไม่หลงทาง” ลู่เต๋อกวักมือเรียกนักศึกษาในกลุ่มของเขาเองและพาพวกเขาจากไปด้วย เขาไม่ชอบซูอัน ดังนั้นจึงไม่ใส่ใจที่จะกล่าวคำอำลาใดๆ
ในทางกลับกัน ไป๋ซู่ซู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “อาจารย์ซู เจ้าอยากมากับพวกเรามั้ย?”
ซูอันตอบด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ไป๋ ข้าซาบซึ้งในความปรารถนาดีของท่าน แต่ข้าตั้งใจจะออกสำรวจกับคนของข้าเอง”
ล้อเล่นน่า! ในนิยายทุกเล่มที่อ่านมา พระเอกเคยไปร่วมวงกับใครที่ไหน? มีแต่การฉายเดี่ยวเท่านั้นที่จะได้เจออะไรดีๆ!
โชคของข้าคงหดหมด ถ้าไปกับเจ้า!
“ตามใจ แต่เจ้าต้องดูแลเสี่ยวซีให้ดี เข้าใจไหม? คนในสถาบันที่ชอบนางมีอยู่มากมาย รวมทั้งข้าด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนางล่ะก็… เราจะไม่ปล่อยเจ้าไป!” ไป๋ซู่ซู่กล่าวพร้อมกับหัวเราะ
“อาจารย์ไป๋ ข้าดูแลตัวเองได้!” ใบหน้าของจี้เสี่ยวซีแดงก่ำ นางไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ซูอัน
“เจ้าเป็นคนใจดีจริง ๆ เสี่ยวซี เอางี้…ถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตรายให้เปิดมัน ข้าจะรีบไปช่วยเจ้าทันทีถ้าข้าอยู่ใกล้ ๆ ” ไป๋ซู่ซู่ส่งสิ่งของที่ดูเหมือนแท่งส่งสัญญาณไปให้จี้เสี่ยวซี
“ขอบคุณท่านอาจารย์ไป๋” จี้เสี่ยวซีรับแท่งส่งสัญญาณจากไป๋ซู่ซู่มา
หลังจากที่ไป๋ซู่ซู่จากไป ยังมีคนอีกสองสามคนที่เข้ามายุให้จี้เสี่ยวซีเปลี่ยนใจไปกับพวกเขา เมื่อเห็นว่านางมุ่งมั่นว่าจะไปกับซูอันแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็แบ่งปันยา อาวุธ และอุปกรณ์ป้องกันตัวแก่นาง…
ซูอันรู้สึกทึ่ง “เสี่ยวซี ข้าไม่รู้ว่าเจ้าดังมากขนาดนี้ มันเกือบจะเหมือนกับว่าเจ้าเป็นเจ้าตัวขนฟูนุ่มนิ่มเลย!”
“ฮึ่ม! นี่ท่านล้อข้าว่าเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงงั้นเหรอ?” จี้เสี่ยวซีขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“ข้าตั้งใจจะบอกว่าเจ้าน่ารักต่างหาก!” ซูอันอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ขนาด จี้เสี่ยวซีทำหน้าบึ้งนางก็ยังดูน่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเกิดความรู้สึกอยากจะลูบหัวนางขึ้นมา แต่เมื่อนึกถึงว่าหากเขาทำเช่นนั้นในชั่วไม่กี่อึดใจมือของเขาคงจะบวมแดงเป็นตุ่มตะปุ่มตะป่ำเหมือนครั้งที่แล้วที่เขาทำเช่นนั้น เขาจึงหยุดความคิดของตัวเองทันที
จี้เติ้งถูคงคิดว่าผู้ชายทุกคนมีนิสัยไม่ดีเหมือนอย่างที่เขาเป็น ดังนั้นเขาจึงพยายามปกป้องจี้เสี่ยวซีอย่างเต็มที่ โดยไม่ทิ้งช่องว่างใด ๆ ให้คนเอาเปรียบนางเลย!