เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 260 เจ้าหาว่าข้าฆ่าเจ้าไม่ได้ภายในหนึ่งกระบี่งั้นเหรอ
ฝูงชนหันกลับไปมองทางต้นเสียงทันทีและนั่นทำให้พวกเขาเห็นสตรีผู้สง่างามสวมชุดคลุมสีขาวยืนอยู่ไม่ไกล จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากฉู่ชูเหยียน?
“คุณหนูฉู่ มาทำอะไรที่นี่?”
“คุณหนูฉู่ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
…
ฝูงชนประหลาดใจกับการปรากฏตัวของนาง มีผู้ชายสองสามคนก้าวไปข้างหน้าเพื่อคุยกับนางในทันที
น่าเสียดายที่ฉู่ชูเหยียนไม่ได้สนใจแม้แต่จะชำเลืองมองพวกเขา นางเดินตรงไปที่จี้เสี่ยวซีและพูดว่า “แม่นางจี้ หุบเขาที่เจ้าแยกกับเขาอยู่ที่ไหน?”
อันที่จริงนางรู้สึกไม่สบายใจอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วตั้งแต่เข้ามิติลับ การที่ซูอันเป็นผู้ชนะในการประลองระหว่างตระกูล ได้ขัดขวางแผนการของผู้มีอำนาจมากมาย ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงที่จะมีใครบางคนพยายามล้างแค้นเขาระหว่างที่เขาอยู่ในมิติลับนี้
ด้วยความกังวลที่รุมเร้าจิตใจ ในที่สุดนางก็ตัดสินใจหันหลังกลับมาดู จนท้ายที่สุดนางก็มาได้ยินเรื่องนี้เข้าพอดี
จี้เสี่ยวซีตกตะลึงกับความงามหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้านางครู่หนึ่ง แต่นางก็รีบวาดตำแหน่งคร่าว ๆ ของหุบเขาลงบนพื้นดิน
ฉู่ชูเหยียนหันไปหาไป๋ซู่ซู่และกล่าวว่า “อาจารย์ไป๋ ท่านอยู่ดูแลพวกเขาเถอะ ข้าไปคนเดียวได้”
พอพูดจบ นางก็จากไปด้วยความเร่งรีบ
เมื่อมองดูเงาที่ค่อย ๆ หายไปของนาง จี้เสี่ยวซีอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา “ข้าเพิ่งเคยเห็นนางใกล้ ๆ นางช่างมีเสน่ห์จริงๆ…”
ไป๋ซู่ซู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน เป็นเรื่องดีที่ฉู่ชูเหยียนมาถึงทันเวลา ในด้านความแข็งแกร่งของระดับการบ่มเพาะ ฉู่ชูเหยียนมีความแข็งแกร่งพอที่จะเทียบกับอาจารย์ของสถาบันจันทร์กระจ่างได้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนาง
…
ในขณะเดียวกัน ซูอันก็ยังคงพยายามหลบหนีอย่างสิ้นหวัง จากที่เคยดูหนังเกี่ยวกับการทหารมามากมายในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาจึงตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในป่าแห่งหนึ่งที่เขาเดินผ่าน แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะว่าเขามีประสบการณ์จริงในสงครามป่า แต่สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายมากจนต้องเลือกการซ่อนตัวแทนที่จะตกเป็นเป้าในที่แจ้ง
ผู้บ่มเพาะทั้งสี่ที่ไล่ตามเขามาล้วนอยู่ในระดับที่สี่ ดังนั้นซูอันจึงไม่สามารถเผชิญหน้าได้โดยตรง เขาต้องหาโอกาสที่จะแยกพวกศัตรูออกจากกันและโจมตีทีละคน ในป่ามีที่กำบังและสิ่งกีดขวางมากมาย ทำให้ยากขึ้นที่ศัตรูจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้
ในทางกลับกัน ผู้บ่มเพาะทั้งสี่คนขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าซูอันหนีเข้าไปในป่า แต่ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมแพ้เพียงเพราะเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีความได้เปรียบในด้านจำนวนคน ดังนั้นพวกเขาจึงพุ่งเข้าสู่ป่าโดยไม่ลังเลเช่นกัน
ซูอันเดี๋ยวกระโดดเดี๋ยววิ่งไปรอบ ๆ ป่าอย่างว่องไว โดยการใช้ประโยชน์จากทักษะการเคลื่อนไหวของเขาและสภาพแวดล้อมที่มีแต่ต้นไม้อย่างเต็มที่จนยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มทิ้งห่างผู้บ่มเพาะทั้งสี่ที่ไล่ตามเขาไปเรื่อย ๆ ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาน่าจะสลัดคนทั้งสี่ออกไปได้ในเวลาอีกไม่นาน
อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าถึงแม้เขาจะสามารถหนีได้ครั้งหนึ่ง แต่ครั้งถัดไปอาจไม่โชคดีเหมือนเดิม
ดูเหมือนมีคนมากมายจ้องจะเอาชีวิตของเขาให้ได้ในมิติลับนี้ ถ้าเขาต้องการเอาชีวิตรอดไปจนถึงวันสุดท้าย เขาจะต้องกำจัดศัตรูออกไปบ้าง!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูอันจึงค้นหาต้นไม้ที่มียอดเขียวชอุ่มและกระโดดขึ้นไปโดยใช้ใบไม้ในการพรางตัว
ครู่ต่อมา…ผู้บ่มเพาะทั้งสี่ก็มาถึงบริเวณใกล้เคียง
“เกิดอะไรขึ้น? เขาไปไหนแล้ว?”
“ไม่ต้องตกใจไป! เขาน่าจะซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ นี่แหละ!”
“ทุกคนระวังให้ดี อย่าลืมดูด้านบนด้วย เขาอาจจะซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้!”
…
ซูอันใจหายทันที คนที่เข้ามาได้ควรจะมีแต่นักศึกษาไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมการกระทำของคนพวกนี้ไม่เหมือนมือสมัครเล่นเลย?
เขาคิดไปถึงเจียงลั่วฝู นางไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีสายลับมากมายในสถาบันจันทร์กระจ่าง! เดี๋ยวกลับไปเมื่อไหร่เขาจะบ่นนางให้หูชาแน่นอน!
ผู้บ่มเพาะทั้งสี่ค้นหาบริเวณโดยรอบอยู่พักหนึ่ง แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะหาคนในป่าที่มีจุดซุ่มซ่อนอยู่มากมาย
“เราหากันแบบนี้มันไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทรเลย!”
“แยกกันหาน่าจะง่ายกว่า!”
“ถ้าแยกกันจะไม่เป็นไรเหรอ? นายน้อยกำชับเอาไว้อย่างชัดเจนว่าซูอันมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้บ่มเพาะระดับสามทั่ว ๆ ไปหลายเท่า”
“ไร้สาระ! ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็เป็นแค่ผู้บ่มเพาะระดับสามเท่านั้น เขาคงไม่สามารถฆ่าพวกเราได้ภายในกระบี่เดียวหรอกจริงไหม?”
“ใช่ เราไม่ตายหรอก! พวกเราไม่เหมือนไอ้คนไร้ประโยชน์หยวนเหวินตงนั่นสักหน่อย ไอ้โง่นั่นดันตอบกลับซูอันในเวลาคับขันซะอย่างนั้น การทำเช่นนั้นมันไม่ต่างอะไรกับรนหาเรื่องพิการ!”
“เอาล่ะ แยกกันหาเถอะ หากใครพบซูอันไม่จำเป็นต้องฆ่าให้ได้ แค่พยายามทำให้เขาช้าลงให้มากที่สุดและรอพวกเรามาก็พอ”
…
หลังจากปรึกษากันเสร็จทั้งสี่คนก็แยกไปกันคนละทาง และพวกเขาค่อย ๆ ค้นหาจากด้านในออกรอบนอกป่าด้วยสายตาระแวดระวัง คนที่มุ่งหน้ามาทางทิศที่ซูอันซ่อนอยู่คือมือธนู!
นี่ถือเป็นข่าวดี เพราะเขารู้สึกว่ามือธนูเป็นภัยคุกคามต่อเขามากที่สุด การต้องรับมือกับนักสู้ระยะประชิดถึงสามคนนั้นยากพออยู่แล้ว หากต้องคอยระวังมือธนูที่ยิงสนับสนุนจากระยะไกลด้วยมันจะยิ่งเป็นเรื่องยากลำบากกว่าเดิมมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนที่ยากที่สุดในการหนีก่อนหน้านี้คือเขาต้องคอยหลบลูกธนูด้วยซึ่งมันทำให้เขาทำความเร็วได้ไม่มากเท่าที่ควร เป็นผลให้เขาไม่สามารถสลัดผู้บ่มเพาะทั้งสี่คนนี้ได้จนเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมุ่งหน้าเข้ามาในป่าแห่งนี้
ถ้าเขาสามารถกำจัดมือธนูคนนี้ได้ เขาจะสู้หรือจะหนีก็สบายขึ้น
แถมมือธนูคนนี้ยังเป็นคนที่เอ่ยออกมาว่าเขาไม่เก่งพอที่จะฆ่าผู้บ่มเพาะระดับสี่ได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว
ได้! งั้นข้าจะถือว่านั่นเป็นคำท้าก็แล้วกันนะ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูศัตรูอีกสามคนที่อยู่ห่างไกลออกไป ซูอัน ตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่เย้ายวนใจนี้ ผู้บ่มเพาะระดับสี่สามารถเคลื่อนที่ระยะไกลได้อย่างรวดเร็ว และก็ไม่แน่ว่าเขาจะสามารถจัดการมือธนูได้ในครั้งเดียว เพราะมือธนูก็เป็นผู้บ่มเพาะระดับสี่เช่นกัน
ถ้าเขาพลาดขึ้นมา เขาอาจถูกล้อมและตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!
ร่างของผู้บ่มเพาะทั้งสี่ค่อย ๆ หายเข้าไปท่ามกลางป่า แต่ซูอันยังคงเลือกที่จะซ่อนอยู่ที่เดิม ซึ่งนับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะหลังจากนั้นทั้งสี่คนก็วิ่งกลับมาที่เดิมพร้อมกันหลังจากตรวจดูไปทั่วบริเวณแล้ว ต่างคนต่างถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยู่ที่นี่จริงๆ”
ซูอันเย้ยหยันอยู่ในใจ ลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เขาเห็นในทีวีจนเบื่อแล้ว ถ้าพวกเจ้าคิดว่าจะเอามาหลอกข้าได้ พวกเจ้าก็ควรตรวจสมองของพวกเจ้าดี ๆ สักหน่อย!
ผู้ใช้หอกซึ่งดูเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มหันไปหามือธนูและสั่งว่า “พัวจงโหยว เจ้าจะต้องปักหลักคอยซูอันอยู่ที่นี่เผื่อว่าเขาจะย้อนกลับมา”
ซูอันดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น เขายังคงรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้จัดการใครสักคน ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะส่งเพื่อนคนหนึ่งมาเป็นเหยื่อคมกระบี่ของเขา
พัวจงโหยวหัวเราะเสียงดังพร้อมกับยกคันธนูขึ้นสูงและประกาศว่า “ได้เลย! ถ้าเขากล้ากลับมาที่นี่ ข้าจะจบชีวิตเขาด้วยธนูเพียงดอกเดียว!”
คนอื่น ๆ พยักหน้าตอบรับก่อนจะแยกออกไปสามทิศทางอย่างรวดเร็วเพื่อดำเนินการค้นหาต่อ
พัวจงโหยวใช้เวลาอีกครู่หนึ่งเพื่อสำรวจบริเวณรอบ ๆ ในขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง “ข้าควรขึ้นที่สูงจะได้เห็นบริเวณรอบ ๆ นี้ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น อืม…ต้นไม้นั่นดูไม่เลวเลย”
หลังจากพึมพำกับตัวเองและพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขากระโดดขึ้นไปบนกิ่งก้านที่อยู่ด้านล่างของต้นไม้อย่างว่องไวและรีบขึ้นไปบนยอดอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่รู้ว่าที่ด้านบนมีเรื่องเซอร์ไพรส์รอเขาอยู่!
เมื่อพุ่งตัวกำลังจะขึ้นไปถึงกิ่งที่อยู่จุดสูงสุดเขากลับพบว่าตัวเองได้รับการต้อนรับจากคมกระบี่อันเย็นยะเยือก!
มันเป็นการฟันที่เร็ว เฉียบคม และแม่นยำ ที่เลวร้ายไปกว่านั้น การโจมตีนั้นเกิดขึ้นขณะที่เขายังอยู่กลางอากาศ ทำให้เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม!
กระบี่ที่เร็วปานสายฟ้าแทงเข้าที่ลำคอของเขาอย่างแม่นยำ ทำให้เสียงอุทานตกใจของเขากลายเป็นเสียงอู้อี้
“เมื่อกี้ตอนที่เจ้าพูดกับเพื่อน ๆ ของเจ้า เจ้าว่าไงนะ? เจ้าบอกว่าข้าไม่สามารถสังหารเจ้าได้ภายในกระบี่เดียวใช่ไหม? ดูเหมือนว่าตอนนี้มันถึงเวลาที่เจ้ากับข้าจะต้องมาพิสูจน์มันร่วมกันซะแล้ว หึหึ!”
พุ่มใบไม้หนาถูกปัดไปด้านหนึ่ง และใบหน้าที่เบิกบานของซูอันก็โผล่ออกมา…