เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 262 พี่น้องควรอยู่ด้วยกัน
ชั่วพริบตา ซูอันถือลูกธนูสีดำเอาไว้ในมือและแทงมันเข้าหาซือเจิ้นเซียง
เมื่อซือเจิ้นเซียงมองเห็นลูกธนูที่ซูอันถืออยู่ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ลูกธนูจะทำความเสียหายอย่างรุนแรงได้ก็ต่อเมื่อใช้คันธนูง้างแล้วยิง การใช้มันแทงแทนมีดในระยะใกล้ไม่อาจทำความเสียหายได้มากเท่าไหร่
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขามีเกราะพลังชี่คอยปกป้องอยู่ ความแตกต่างในระดับการบ่มเพาะของพวกเขาหมายความว่าไม่มีทางที่ซูอันจะสามารถฝ่าการป้องกันของเขาได้
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากที่ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในใจ เขากลับรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่ข้อมือของเขา ความหนาวเหน็บไหลผ่านข้อมือของเขาและกระจายไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
หลังจากนั้น เขารู้สึกเจ็บที่ขาของเขา และก่อนที่เขาจะรู้ตัว เขาก็ล้มลงกับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
“เจ้าตัดเส้นเอ็นของข้า!” ซือเจิ้นเซียงตระหนักในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาอุทานด้วยความตกใจ
—
ท่านยั่วยุซือเจิ้นเซียงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น+999!
—
ซูอันมองซือเจิ้นเซียงอย่างลุแก่โทษ “ข้าขอโทษ แต่เจ้าก็แข็งแกร่งเกินไป เพื่อความปลอดภัยของตัวข้าเอง ข้าเลยต้องทำอะไรให้รอบคอบแบบนี้”
“…” ซือเจิ้นเซียง
บิดาเจ้าเถอะ! เหตุผลที่เจ้าทำให้ข้าพิการก็เพราะข้าแข็งแกร่งเกินไปเนี่ยนะ?
—
ท่านยั่วยุซือเจิ้นเซียงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น+666!
—
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าซือเจิ้นเซียงก็รับความจริงที่เกิดขึ้นได้ เขาได้รับการเลี้ยงดูมาให้เป็นทหารเดนตายในการทำภารกิจอันตรายให้สำเร็จแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม เขารู้ว่าตอนนี้เขาเสียโอกาสไปแล้ว แต่มีคำถามสุดท้ายที่ยังค้างคาใจเขาอยู่
“เจ้าได้ลูกธนูในมือมาจากไหน? ทำไมมันถึงสามารถทะลวงเกราะพลังชี่ ของข้าได้ง่ายดายนัก?”
“ข้าหยิบมันมาจากพื้น” ซูอันตอบกลับพร้อมกับยิ้มแฉ่ง
เขามั่นใจว่าลูกธนูเหล่านี้มีพลังพิเศษตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันคือลูกธนูอันทรงพลังที่ทหารผีดิบใช้ฆ่าผีดิบชาวบ้านได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงลองเอามันมาลองใช้เพื่อทะลวงเกราะพลังชี่ของซือเจิ้นเซียง และผลลัพธ์ที่ได้ออกมามันก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม เขาสังเกตเห็นว่าลูกธนูในมือของเขาสูญเสียความแวววาวไปจนหมดหลังจากใช้งาน ดูเหมือนว่าจำนวนครั้งในการใช้งานมันคงมีขีดจำกัด
“…” ซือเจิ้นเซียง
เจ้าเห็นข้าเป็นเด็กสามขวบเหรอ? อาวุธที่เจ้าเก็บขึ้นมาจากพื้นเนี่ยนะที่สามารถทะลวงเกราะพลังชี่ของข้าได้อย่างง่ายดาย?
—
ท่านยั่วยุซือเจิ้นเซียงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น+250!
—
“แล้วข้าจะจัดการกับเจ้ายังไงดี?” ซูอันนั่งลงและถาม
“ฆ่าข้าซะถ้าเจ้าต้องการ แต่อย่าแม้แต่จะฝันว่าจะได้อะไรจากข้า!” ซือเจิ้นเซียงกล่าวอย่างเย็นชา ความเสียใจเพียงอย่างเดียวของเขาคือไม่สามารถล้างแค้นแทนน้องชายได้
“ข้าจะเมตตาให้โอกาสเจ้า เจ้าสามารถทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองเอาชีวิตรอดจากมีดในมือของข้าได้ ถ้าเจ้ารอดข้าจะปล่อยเจ้าไป ฟังดูเป็นยังไง?” ซูอันเรียกแท่งพิษออกมาถือในขณะที่เขาพูด
“เจ้าพูดจริงเหรอ?” ซือเจิ้นเซียงรู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติ แต่ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ทำให้เขารับข้อเสนอของซูอัน
“แน่นอน! ข้าทำให้แขนขาของเจ้าพิการ แต่การบ่มเพาะของเจ้ายังไม่ได้พิการไปด้วยนี่ เจ้าสามารถใช้เกราะพลังชี่ของเจ้าได้ตามสบายเลย!” ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเมตตา
เขาจงใจไว้ชีวิตซือเจิ้นเซียง เอาไว้ก่อนเพราะเขาต้องการใช้ซือเจิ้นเซียงในการทดลองใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ของเขา
ซือเจิ้นเซียงเหลือบซองใส่ลูกธนูที่ซูอันสะพายอยู่จากนั้นใบหน้าของเขามืดหม่นลง “เจ้าแค่ล้อเล่นกับข้าล่ะสิ ลูกธนูที่เจ้าใช้ก่อนหน้านี้สามารถเจาะเกราะพลังชี่ของข้าได้ เจ้าคงเอาลูกธนูของเจ้ามาทะลวงเกราะพลังชี่ของข้าพร้อมกับแทงมีดเข้ามาพร้อม ๆ กัน ข้าไม่มีโอกาสรอดเลยสักนิด!”
“อย่ากังวล ข้าจะไม่ใช้ลูกธนูของข้าอีกแน่นอน” ซูอันตอบกลับ “เจ้าดูสิ ลูกธนูของข้าที่ใช้แทงเจ้าสีของมันเริ่มหม่นและมีสนิมขึ้นแล้ว ลูกธนูแต่ละดอกสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว และข้าเหลืออีกเพียงไม่กี่ดอกเท่านั้น ข้าจะใช้กับเจ้าให้เสียของอีกทำไม?”
ซือเจิ้นเซียงตกตะลึง คำพูดของซูอันฟังดูน่าเชื่อถือสำหรับเขา มันไม่คุ้มค่าเลยที่จะเสียของมีค่าอย่างลูกธนูชั้นดีไปกับคนพิการอย่างเขา “ก็ได้! ข้าจะยอมรับคำท้าของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญาที่ให้กับข้าไว้!”
หลังจากพูดจบ พัวจงโหยวโคจรพลังชี่สร้างเกราะโปร่งแสงขึ้นรอบ ๆ ตัวของเขาทันที
ฮึ่ม! เจ้ามีของดีก็แค่ไอ้ลูกธนูของเจ้าที่มีความสามารถในการเจาะเกราะพลังชี่ของข้าได้ก็แค่นั้น อย่าหวังว่าไอ้มีดแปลก ๆ ของเจ้าจะเจาะเกราะของข้าได้เลย!
ในทางกลับกัน ซูอันไม่ได้เร่งรีบที่จะแทงซือเจิ้นเซียง เขาเริ่มจากการถามอย่างสบาย ๆ ว่า “เจ้าสนิทกับน้องชายของเจ้ามากมั้ย?”
“แน่นอน!” ซือเจิ้นเซียงตอบ
ดูเหมือนว่าไอ้เวรนี่กำลังเวทนาเขาอยู่สินะ ฮึ่ม! หากข้ารอดไปได้เมื่อไหร่ ข้าจะใช้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ข้ามีจ้างนักฆ่าไปเอาชีวิตเจ้า!
ซูอันพยักหน้ารับรู้ เขายกแท่งพิษขึ้นสูงและแทงลงไปซึ่งซือเจิ้นเซียง จ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา แท่งพิษสามารถแทงทะลุเกราะพลังชี่ของเขาได้อย่างง่ายดายราวกับว่ามันเป็นเต้าหู้นิ่ม ๆ ก่อนที่จะเจาะเข้ามาในผิวหนังของเขาเล็กน้อย
ซูอันตั้งใจที่จะดูว่าแท่งพิษมีประสิทธิภาพเพียงใดกับเกราะพลังชี่ของผู้บ่มเพาะระดับสี่
ซือเจิ้นเซียงตกใจเมื่อเกราะพลังชี่ของเขาถูกทะลวงง่ายดายยิ่งกว่าโดนลูกธนูสีดำของซูอัน แต่เมื่อเขาเห็นว่ามีดประหลาดของ ซูอัน แทบแทงร่างกายของเขาไม่เข้า เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่แล้วในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างจู่ ๆ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน และก่อนที่เขาจะรู้ตัวเขาก็จมดิ่งลงไปในความมืดมิดอันไม่รู้จบ
ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต คำพูดสุดท้ายที่เขาได้ยินคือ “ในเมื่อพวกเจ้าสองคนสนิทกันมาก งั้นเจ้าก็ควรจะตามน้องชายของเจ้าลงไปในนรกด้วยจะดีกว่าจริงไหม? ครอบครัวควรจะอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้!”
—
ท่านยั่วยุซือเจิ้นเซียงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น+1024!
—
ในขณะที่ซูอันสามารถจัดการกับศัตรูสองคนได้สำเร็จ เขายังคงไม่คลายความระมัดระวังลง
ในการต่อสู้กับซือเจิ้นเซียงก่อนหน้านี้ เขาตระหนักได้ว่าถึงเขาจะเคยชนะผู้บ่มเพาะระดับห้าและฆ่าผู้บ่มเพาะระดับสี่มาก่อน แต่ทั้งหมดนั้นมันมีส่วนที่เป็นไปเพราะโชคช่วย จริง ๆ แล้วการเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับสี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
โชคดีที่เขามีแท่งพิษและลูกธนูของทหารผีดิบ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถทำลายการป้องกันของศัตรูได้ ศัตรูที่เหลือต่างมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า ดังนั้นการเอาชนะจึงยากยิ่งขึ้น
ดูเหมือนว่าข้าต้องคิดกลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อเอาชนะซะแล้วสิ…
เมื่อมองไปที่ศพของซือเจิ้นเซียงความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในจิตใจของ ซูอัน
…
ในขณะเดียวกัน หลังจากค้นหาทั่วป่าอย่างไร้ประโยชน์มาระยะหนึ่งแล้ว นักฆ่าอีกสองคนที่เหลือต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาอาจตามหาผิดทาง ดังนั้น ตามที่ได้ตกลงกันไว้ พวกเขาจึงมุ่งหน้ากลับไปยังที่ที่พัวจงโหยว กำลังดักรออยู่ แต่ก่อนจะกลับไปถึงพวกเขากลับพบกันเองซะก่อน
ผู้ใช้กระบี่ถามขึ้นก่อน “พี่เจีย ท่านพบอะไรบ้างไหม?”
“ข้าไม่พบอะไรเลย แล้วน้องเจิ้นล่ะ?” ผู้ใช้หอกถามกลับ
ผู้ใช้กระบี่ชื่อเจิ้นหลิวหม่างในขณะที่ผู้ใช้หอกคือ เจียเจิ้งจิ่ง พวกเขาทั้งคู่เป็นทหารเดนตายภายใต้การดูแลของตระกูลซือ เมื่อสองปีก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งคู่ถูกส่งมาแฝงตัวอยู่ที่สถาบันจันทร์กระจ่างพร้อมกันและนั่นทำให้พวกเขากลายเป็นสนิทกันไปโดยปริยาย
“ข้าไม่เจอเขา เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาอาจจะมุ่งหน้าไปทางเหนือที่ซือเจิ้นเซียงอยู่?” เจิ้นหลิวหม่างถาม “เราไปดูทางเหนือกันดีมั้ย?”
เจียเจิ้งจิ่งส่ายหัว “ไปหาน้องพัวก่อนจะดีกว่า แต่ถ้าผ่านไปอีกสักพักแล้วน้องซือยังไม่กลับมา เราค่อยไปดูทางเหนือพร้อม ๆ กัน”
เมื่อมีมากกว่าหนึ่งคน พวกเขาจึงคลายความระมัดระวังลง พวกเขารีบวิ่งกลับไปที่พื้นที่ที่พวกเขาจากพัวจงโหยวมา
“ถ้าพวกเราไม่มีใครพบร่องรอยของซูอันเลย เป็นไปได้ไหมที่เขาย้อนกลับไปยังที่ที่น้องพัวอยู่?” เจียเจิ้งจิ่งถามเดาสุ่ม
เจิ้นหลิวหม่างตอบพลางหัวเราะ “ถ้าพี่พัวพบซูอัน ป่านนี้ไอ้นั่นมันคงตายไปแล้วแน่นอน แม้แต่พวกเราเองถ้าอยู่ในระยะใกล้ยังหลบแทบไม่พ้นเลย แล้วคนอย่างไอ้ซูอันจะไปหลบพ้นได้ยังไง?”
“นั่นก็จริง” เจียเจิ้งจิ่งพยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นร่างที่อยู่ข้างหน้าและกล่าวว่า “อา น้องซือ… เจ้ากลับมา…”
ไม่ทันพูดจบประโยคเขาก็สังเกตได้ว่า ซือเจิ้นเซียงลอยอยู่สูงเหนือพื้นดินเกินไปเล็กน้อย พวกเขารีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็วใบหน้าของพวกเขาซีดด้วยความตกใจ พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าซือเจิ้นเซียงถูกแขวนคอห้อยลงมาจากต้นไม้!