เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 273 กตัญญู
บทที่ 273 กตัญญู
ใบมีดลมเริ่มพุ่งไปทางซูอันอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกมันคมแค่ไหนก็ตาม ทว่าซูอันก็ไม่สงสัยเลยว่าเขาคงจะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ แน่นอนหากลองเอาตัวเข้ารับใบมีดลมพวกนี้ตรงๆ
แน่นอนว่าฉู่ชูเหยียนไม่ปล่อยให้ซูอันตายง่าย ๆ แน่นอน เมื่อเห็นการโจมตีพุ่งเข้ามานางกรีดร้องและเปลี่ยนทุกอย่างภายในรัศมี 2 จั้งให้กลายเป็นน้ำแข็งปกคลุมทั้งสองไว้ทันที มันคือกำแพงน้ำแข็งสีฟ้าที่ชวนให้นึกถึงเปลือกไข่!
เพียงแต่ว่ากำแพงสีฟ้านี้มีความยืดหยุ่นมากกว่าเปลือกไข่มาก การโจมตีของใบมีดลมเมื่อกระทบกับกำแพงน้ำแข็งทำให้เกิดเสียง ‘เคร้ง เคร้ง’ แต่ไม่สามารถทำลายการป้องกันได้
อย่างไรก็ตาม ซูอันไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขา ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าใบหน้าของฉู่ชูเหยียนยังคงซีดและการหายใจของนางก็ผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ
ซือคุนระเบิดเสียงหัวเราะและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า ‘ปราการสีคราม’ ของ แม่นางฉู่ นั้นน่าตื่นตาเหมือนกับข่าวลือจริง ๆ แต่ข้าสงสัยว่ามันจะ ‘ปกป้อง’ พวกเจ้าได้นานสักแค่ไหนกัน?”
รัศมีของกำแพงน้ำแข็งนั้นกินพื้นที่สองจั้งกว่า ๆ ในตอนเริ่มต้น แต่ตอนนี้มันลดลงเหลือเพียงเจ็ดเชียะเท่านั้น
“นายน้อยซือ ท่านช่างแข็งแกร่งจริงๆ!”
“ดูเหมือนว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่าง ก็ไม่ได้เป็นตัวอะไรเลย เมื่อมาอยู่ตรงหน้านายน้อยของข้า!”
“ต่อให้นางจะแข็งแกร่งแค่ไหน นางก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง อีกไม่นานนางจะต้องยอมจำนนให้กับนายน้อยผู้ห้าวหาญของเรา! ฮ่าฮ่า!”
…
ลูกน้องของซือคุนส่งเสียงหัวเราะดังครื้นเครงอยู่ด้านข้าง ใครก็ตามที่ตาไม่บอดจะต้องเห็นว่าซือคุนเป็นฝ่ายได้เปรียบ ส่วนคนเดียวที่ยังคงนิ่งเงียบคือเฉียวเสวี่ยอิงที่เฝ้าดูสถานการณ์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ครู่ต่อมา กำแพงน้ำแข็งสีฟ้าค่อย ๆ เล็กลงเรื่อย ๆ จนเหลือพื้นที่เพียงแค่สองลี้เท่านั้น ทั้งซูอันและฉู่ชูเหยียนต่างต้องเบียดเสียดกันอย่างใกล้ชิด
หากเป็นเช่นนี้ในโอกาสอื่น ๆ ซูอันคงจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ใกล้ชิดกับฉู่ชูเหยียน แต่เมื่อมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวและเหงื่อที่ไหลออกมาของนาง เขาก็ไม่อาจอยู่ในอารมณ์ที่ร่าเริงได้
ในขณะเดียวกัน ซือคุนมองดูรอยร้าวบนกำแพงน้ำแข็งที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา
ใกล้จบแล้วสินะ ก่อนอื่นข้าจะจัดการกับซูอัน แล้วจากนั้น… ฉู่ชูเหยียนก็จะเป็นของข้า!
ไม่สิ ฉู่ชูเหยียนเป็นผู้หญิงที่ภาคภูมิใจในเกียรติตัวเอง ถ้าข้าบังคับนาง นางคงไม่ยินยอมแน่ ๆ หรือว่าบางทีข้าควรไว้ชีวิตซูอัน และเอาตัวมันมาขู่ให้นางยอมจำนน?
ซือคุนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อคิดถึงภาพที่ฉู่ชูเหยียนยอมจำนนต่อเขาเพื่อชายอื่น แต่เมื่อจินตนาการถึงหญิงงามในฝันคุกเข่าลงต่อหน้า เขาก็รู้สึกเย้ายวนอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน ความคิดนี้ทำให้หัวใจของซือคุนเต้นแรง
แต่แล้วในขณะที่เขากำลังฝันหวาน จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงซูอันถามขึ้นว่า “น้องชิท เจ้ากตัญญูต่อแม่ของเจ้ารึเปล่า?”
“แน่นอน! ทำไมข้าจะไม่กตัญญูต่อแม่ของข้า!” ซือคุนตะคอก
แนวความคิดของผู้คนในสมัยราชวงศ์โจวต่างให้คุณค่ากับความกตัญญูกตเวที ไม่ว่าสถานะของบุคคลจะสูงส่งเพียงใด ก็ไม่มีใครกล้าที่จะถูกตราหน้าว่าไม่กตัญญู
“เจ้าจะอ้างได้ยังไงว่าเป็นคนกตัญญูถ้าไม่เคยตั้งครรภ์และรู้ความเจ็บปวดจากการคลอดบุตร? เจ้าไม่รู้หรอกว่ามารดาของเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดเพื่อให้เจ้าได้ลืมตาออกมาดูโลก!” ซูอันพูดขึ้นพลางถอนหายใจ
“…” ฉู่ชูเหยียน
นางไม่รู้ว่าทำไมซูอันถึงพูดเรื่องพวกนี้ แต่เขาเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้สำหรับนางมาโดยตลอด ดังนั้นนางจึงรู้สึกคาดหวังว่ามันน่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
ลูกน้องของซือคุนทั้งหลายต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ช่างไร้สาระเสียจนรู้สึกเหมือนเป็นนวนิยายที่ไร้เหตุผล นายน้อยและซูอันบอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน จากนั้นพวกเขาก็จะฆ่าแกงกัน และตอนนี้ พวกเขากำลังพูดถึงความกตัญญูกตเวที นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
“…” ซือคุน
จากนั้นซือคุนพ่นลมหายใจและเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เพราะคำนึงถึงมิตรภาพของเรา ข้าจึงอดทนตอบคำถามไร้สาระของเจ้า แต่ตอนนี้ในเมื่อข้าได้เติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าแล้ว เจ้าก็สามารถจากไปได้อย่างสบายใจ!”
“เนื่องจากเจ้ามองว่าข้าเป็นเพื่อน ข้าเลยจะมอบของขวัญเป็นการตอบแทน ข้าจะช่วยให้เจ้าได้สัมผัสกับความสุขและความยากลำบากของการตั้งครรภ์เพื่อที่เจ้าจะได้ชื่นชมมารดาบังเกิดเกล้าของตัวเจ้าเองให้มากขึ้น และกลายเป็นลูกกตัญญูจากก้นบึ้งของหัวใจ!” รอยยิ้มลึกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูอัน
“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร?” ซือคุนและลูกน้องของเขาจ้องมองที่ซูอันผ่านกำแพงน้ำแข็งที่บางจนสามารถมองทะลุไปเห็นอีกฝั่งได้ สายตาของพวกเขามองซูอันราวกับมองคนโง่ ผู้ชายตั้งครรภ์ได้ที่ไหน?
มีเพียงเฉียวเสวี่ยอิงเท่านั้นที่ตื่นตระหนกกับคำพูดของซูอัน และนางก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “นายน้อย ระวัง!”
“ระวัง?” ซือคุนรู้สึกงุนงง ชัยชนะกำลังจะอยู่ในกำมือของเขาอยู่แล้ว และในไม่ช้าฉู่ชูเหยียนก็จะเป็นของเขาอีกด้วย มันจะมีอะไรให้ต้องระวังอีก?
เอ๊? ทำไมรู้สึกว่าท้องของข้าป่องออกมาแปลก ๆ นี่ข้ามีหน้าท้องตั้งแต่เมื่อไหร่? ข้ากินอะไรไม่ดีเข้าไปรึเปล่า?
ซือคุนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่าตัวเองท้องเสีย เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองในฐานะสุภาพบุรุษผู้สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก ดังนั้นมันจะเป็นเรื่องน่าอับอายถ้าต้องวิ่งเข้าห้องน้ำต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
หืม? ทำไมรู้สึกว่าท้องข้าใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังหนักขึ้นอีก?
เขามองลงไปที่ท้องของตัวเอง และเห็นได้ชัดว่ามันยิ่งบวมขึ้นเรื่อยๆ!
เขารู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่เห็น และมันก็ทำให้ซือคุนสงสัยในความรู้สึกของตัวเอง เขาหันไปหาลูกน้องและถามว่า “ท้องของข้าโตขึ้นใช่หรือไม่?”
“ใหญ่กว่าเดิม? ก็ไม่นะ?”
พวกลูกน้องส่ายหัวด้วยความสับสน พวกเขาเริ่มแลกเปลี่ยนสายตาซึ่งกันและกัน
“วันนี้นายน้อยดูแปลก ๆ ว่าไหม?”
“ใช่! เขาบอกว่าซูอันเป็นเพื่อนและตอนนี้เขากำลังถามว่าท้องของเขาใหญ่ขึ้นรึเปล่า…”
“เป็นไปได้มั้นว่านายน้อยจะโกรธจนเพี้ยน เพราะอิจฉาที่เห็นซูอันและคุณหนูฉู่สนิทสนมกัน?”
“เป็นไปได้นะๆ”
ซือคุนอดไม่ได้ที่จะเอามือลูบท้องของตัวเอง แต่ไม่ว่าเขาจะสัมผัสมันอย่างไร ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เขารู้สึกก็ไม่หายไป
ไม่นาน ความเจ็บปวดอันน่าพิศวงก็เข้าจู่โจมเขาอย่างฉับพลันจนทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขายับย่น มันเป็นความเจ็บปวดที่แปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อน มันรู้สึกเหมือนวิญญาณกำลังกรีดร้องจากภายใน!
อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของการเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงและเป็นนายน้อยแห่งตระกูลซือ เขาบังคับตัวเองให้กลืนความเจ็บปวดและหยุดตัวเองจากการกรีดร้องออกมาดัง ๆ เขาอดทนที่จะไม่โวยวายต่อหน้าบรรดาลูกน้องและผู้หญิงที่ตนหมายปอง
โชคดีที่ความเจ็บปวดนั้นกินเวลาประมาณสิบวินาทีก่อนที่จะค่อย ๆ หายไป ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เกิดอะไรขึ้น?” ซือคุนขมวดคิ้วพร้อมกับตระหนักได้ว่าใบมีดลมที่เขาสร้างขึ้นก่อนหน้านี้กำลังจะหายไป ดังนั้นเขาจึงรีบมุ่งความสนใจไปที่พวกมันอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
แต่ราว ๆ สามสิบวินาทีต่อมา ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยก็กลับมาทำร้ายเขาอีกครั้ง
“โอ๊ย!”
การจู่โจมอย่างกะทันหันของความเจ็บปวดอันแสนสาหัสทำให้ใบมีดลมของซือคุนเกือบจะสลายหายไปอีกรอบ ทำไมมันมาอีกแล้ว! เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะอดทน และความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไปอีกครั้งหลังจากนั้นไม่กี่วินาที
“ข้าบ่มเพาะหนักเกินไปจนร่างกายของข้ากำลังปั่นป่วนไปหน่อยรึเปล่า?” ซือคุนรู้สึกว่าหลังจากนี้นเขาควรบอกให้ตาเฒ่าซือเล่อจื่อมาตรวจดูร่างกายของเขาสักหน่อย
เขารีบรวบรวมสมาธิเพื่อควบคุมใบมีดลมอีกครั้ง แต่เขาไม่สามารถขจัดความกังวลว่าความเจ็บปวดอันแสนสาหัสจะกลับมาอีก
ถึงแม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อความเจ็บปวดเหลือทนเกิดขึ้นอีกครั้งในอีก 20 วินาทีต่อมา เขาก็แทบจะทรุดตัวลงไปนอนที่พื้น
ระยำเอ๊ย! พอซะที!
ที่เลวร้ายที่สุด เขาตระหนักได้ว่าช่วงเวลาที่ความเจ็บปวดจะถาโถมเข้ามามันเริ่มมีระยะห่างที่สั้นลงแถมความเจ็บปวดก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย!