เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 299 ลงเรือลำเดียวกัน
บทที่ 299 ลงเรือลำเดียวกัน
“พี่หญิงใหญ่ นี่ท่านไม่รู้เลยเหรอว่าผนึกคืออะไร นี่ท่านเล่นตลกอะไรกับข้าอยู่เนี่ย แล้วข้าจะทำลายมันให้ท่านได้ยังไง!?” ซูอันรู้สึกผิดหวัง
“เจ้าไม่มีสมองเหรอ? จะมีใครปล่อยให้คนที่พวกเขากำลังผนึกรู้วิธีที่จะทำลายผนึก?”
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 66!
—
ซูอันรู้สึกขบขันกับคะแนนความโกรธแค้นที่เขาเพิ่งได้รับ ดูเหมือนว่านางจะรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
“ถ้าข้าต้องการจัดการกับศัตรูสักคนจริง ๆ ข้าจะไม่ผนึกเขาให้ยุ่งยากหรอก แต่ข้าจะฆ่าเขาซะเลย มันไม่ง่ายกว่าหรือไงที่จะฆ่าท่านเพื่อให้เรื่องมันจบ ๆ” ซูอันถาม
“ใครบอกว่าเขาไม่ได้ฆ่าข้า?” หมี่ลี่ถามกลับ
ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีกับคำตอบของหมี่ลี่ และนั่นทำให้น้ำเสียงของเขาดูมีมารยาทมากกว่าเดิม “ถ้าอย่างนั้นมันก็หมายความว่าตอนนี้ท่านเป็น…”
“ทำไมเจ้าไม่ลองเดาดูล่ะ?” หมี่ลี่ท้าทาย
“ข้าไม่อยากเดา!” ซูอันตอบพร้อมพร่ำบ่นในใจ ได้โปรดท่านป้า ลูกก็มีแล้วอย่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้ได้มั้ย? แต่แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดคำเหล่านี้ออกมาดัง ๆ
“เจ้าจะรู้ก็ต่อเมื่อเจ้าช่วยข้า” หมี่ลี่กล่าว “จางฮั่นควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว อีกไม่นานเขาจะกลับมาที่นี่ เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากจะคุยเรื่องนี้กับข้าต่อ?”
“ถ้างั้นอย่างน้อย ๆ ท่านก็ควรบอกข้าว่าข้าจะเข้าไปในผนึกสวรรค์ ผนึกปฐพี และผนึกมนุษย์ได้ยังไงก่อน!” ซูอันตอบกลับ
“มองไปข้างหน้า เจ้าจะเห็นทางเดินหลังแท่นบูชา เดินไปจนสุดทางแล้วเจ้าจะเห็นรูปแบบของค่ายกล ตราบใดที่เจ้ายืนอยู่บนค่ายกล เจ้าจะสามารถเข้าถึงผนึกมนุษย์ได้ หากเจ้าสามารถทำลายผนึกมนุษย์ได้ ค่ายกลจะเรียกผนึกปฐพีออกมาจากนั้นถ้าทำลายมันได้อีก เจ้าก็จะได้พบกับผนึกสวรรค์
“ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้าจะเจอกับอะไรในแต่ละชั้นผนึก แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือเจ้าจะต้องพบกับอันตรายใหญ่หลวง เป็นไปได้ว่าเจ้าอาจจะต้องตาย ดังนั้นหากเจ้าอยากถอยตอนนี้มันก็ยังทัน”
ชายหนุ่มชำเลืองมองฉู่ชูเหยียนแล้วพูดว่า “ถ้าเพื่อช่วยชีวิตคนของข้า ทำไมข้าจะต้องถอย?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างของฉู่ชูเหยียน นางรีบเบือนหน้าหนีเพราะเขินอายเกินกว่าจะสบตาเขา จริง ๆ แล้วมีหลายสิ่งในหัวใจซึ่งนางต้องการจะพูดออกมา แต่จู่ ๆ นางก็พบว่าตัวเองไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร
ในขณะเดียวกัน เฉียวเสวี่ยอิงก็มองดูฉู่ชูเหยียนสลับกับมองซูอันก่อนที่จะถอนหายใจ
ซูอันจับมือฉู่ชูเหยียนและกล่าวว่า “ที่รัก ข้าจะทำลายผนึกเอง เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะหาวิธีช่วยชีวิตเจ้าให้ได้ แต่ถ้าข้าจะต้องตายจริง ๆ เจ้าอย่าแต่งงานใหม่เลย วิญญาณข้าคงไม่สงบสุขแน่ๆ”
“…” เฉียวเสวี่ยอิง
คนคนนี้ช่างมั่นใจในตัวเองจนน่าตบเหมือนเดิม!
ฉู่ชูเหยียนที่ยังคงซาบซึ้งจากเมื่อครู่ เมื่อได้ยินคำขอของซูอันหัวใจนางก็แทบแตกสลาย “ถ้าเจ้าตายข้าก็จะขอตามเจ้าไป ข้าจะแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง?”
“แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจู่ ๆ มีกระบี่อันทรงพลังหรืออะไรสักอย่างที่ตกลงมาจากฟ้าและช่วยเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของจางฮั่น? ข้าหมายถึง ในนิยายมักจะมีฉากอย่างนั้นเสมอ!”
ใบหน้าของฉู่ชูเหยียนเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มทันที “เจ้าแอบอ่านหนังสือนิยายของข้า!”
วันนั้นเขาโกหกข้าว่าเขาไม่เห็นอะไรเลย! แค่คิดว่าหนังสือที่น่าอับอายนั้นถูกคนอื่นเห็นเข้า นางก็รู้สึกอับอายจนอยากจะขุดหลุมฝังตัวเอง
ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะก่อนที่จะเดินไปตามทางเดินที่หมี่ลี่แนะนำ ขณะที่เขาเดินจากไป เขาก็ยกมือขึ้นโบกเพื่อบอกลานาง
“อาซู!” จู่ ๆ ฉู่ชูเหยียนก็ร้องออกมา
ซูอันหันกลับมา หวังว่าจะได้ยินคำพูดเช่น ‘ข้าจะรอเจ้ากลับมาอย่างแน่นอน ถ้าเจ้าไม่กลับมา ข้าจะใช้ชีวิตเป็นม่าย’ อา…ดูเหมือนว่าการเสียสละของข้าจะไม่สูญเปล่า
แต่สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
“อาซู ถ้าเจ้ากล้าตาย ข้าจะแต่งงานกับชายอื่นทันที!” ฉู่ชูเหยียน ตะโกน
เฉียวเสวี่ยอิงตกตะลึง คุณหนูกินยาอะไรผิดหรือเปล่า?
จากนั้นฉู่ชูเหยียนก็เสริมอย่างรวดเร็ว “ดังนั้น เจ้าต้องกลับมานะ!”
เมื่อได้ยินประโยคท้าย อารมณ์ของซูอันก็แจ่มใสขึ้น เขาตอบอย่างอบอุ่นว่า “รอข้านะ!”
เฉียวเสวี่ยอิงกัดริมฝีปาก ให้ตายสิ คุณหนูถูกคน ๆ นี้ล่อลวงไปซะแล้ว!
ซูอันค่อย ๆ มุ่งหน้าลึกเข้าไปในทางเดินซึ่งงดงามกว่าทางเดินในถ้ำอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นพื้นหรือผนังด้านข้าง ล้วนแกะสลักเป็นงานศิลปะที่สวยงามอย่างวิจิตรบรรจง
มีรูปปั้นสัตว์ทุกชนิดวางอยู่ข้างทางเดิน เมื่อมองคร่าวๆ ซูอันสามารถมองเห็นคู่ของม้ากระโจน เสือหมอบ ช้างงาม หมูป่า ปลาหิน หมี สิงโต เสือดำ อูฐ กิเลน และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีสัตว์บางชนิดที่เขาไม่รู้จัก และเขาสงสัยว่าพวกมันเป็นสัตว์ในตำนานหรือสิ่งมีชีวิตที่มีเฉพาะในโลกนี้
ทุก ๆ สองสามเมตร เขาจะเห็นรูปหล่อสาวใช้ทองแดงนั่งคุกเข่าและถือตะเกียง รูปหล่อเหล่านี้คล้ายกับประติมากรรม ‘โคมไฟวังของฉางซิน’ ที่เขาเคยเห็นในพิพิธภัณฑ์
หลังจากเดินไปได้ประมาณร้อยเมตร ในที่สุดเขาก็มาหยุดอยู่นอกห้องหิน เขาสังเกตเห็นว่าห้องหินโดยรอบมีค่ายกลที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ และที่ศูนย์กลางของค่ายกลคืออักษรมนุษย์ (人)
นี่น่าจะเป็นผนึกมนุษย์ที่หมี่ลี่บอก แต่แล้วในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเข้าไปโดยใช้วิธีที่เขาเพิ่งเรียนรู้จากนางเมื่อครู่ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ซึ่งเรียกความสนใจให้ซูอันหันกลับมาพบหญิงสาวนางหนึ่ง
“หืม? เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
หญิงสาวนางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉียวเสวี่ยอิง
“ข้าอยู่ข้างคุณหนูไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าทำลายเชือกที่มัดนางไม่ได้ ปกป้องนางจากแม่ทัพผีดิบก็ไม่ได้ ข้าเลยมากับเจ้าด้วยเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง นอกจากนี้ข้าสงสัยว่าผู้บ่มเพาะเช่นเจ้าจะมีปัญญาอะไรไปทำลายผนึกทั้งหมดด้วยตัวเอง” เฉียวเสวี่ยอิงตอบ
“ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าทำไมสวรรค์ถึงมอบใบหน้าที่ดูดีมาให้เจ้า แต่กลับให้ปากที่เลวทรามต่ำช้ามาด้วย” ซูอันโต้กลับ
เฉียวเสวี่ยอิงกลอกตา “เจ้าก็เช่นกัน”
แม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกัน แต่ซูอันก็ยังดีใจที่มีบุคคลอื่นคอยช่วยเหลือ ซึ่งหมายถึงโอกาสที่จะทำลายผนึกได้มีสูงขึ้น
เฉียวเสวี่ยอิงหยิบยาฟื้นฟูและยาเม็ดพลังชี่ออกมาสองสามเม็ดแล้วกลืนเข้าไป นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่งให้ซูอันด้วย
แม้ว่าจะไม่ชอบหน้ากัน แต่จากนี้พวกเขาก็เหมือนอยู่เรือลำเดียวกันแล้ว นางจึงแบ่งปันทรัพยากรที่มีให้กับเขาด้วย
ซูอันส่ายหัว เขารู้สึกว่าร่างกายอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แล้ว ถ้าเขาหายจากอาการบาดเจ็บทั้งหมดจริง ๆ วิชาวัฏจักรหงส์อมตะจะสูญเสียผลของมันทันที
“ก็แล้วแต่เจ้า!” เฉียวเสวี่ยอิงตอบพร้อมกับทำหน้าบึ้ง นางคิดว่าซูอัน ยังโกรธนางอยู่ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเพิกเฉยต่อเขาเช่นกัน
ทั้งสองเดินไปที่มุมของค่ายกล ซูอันยื่นมือออกมาและพูดว่า “ส่งมือของเจ้ามา”
“อะไร?” เฉียวเสวี่ยอิงรู้สึกงุนงงกับสิ่งที่ซูอันกำลังทำอยู่ แต่นางยังคงยื่นมือให้เขาอย่างเชื่อฟัง
นางพบว่ามือของนางถูกจับโดยมืออันอบอุ่นและมั่นคงทันทีหลังจากนั้น นางขมวดคิ้วทันที
ซูอันอธิบายการกระทำของเขา “หมี่ลี่บอกก่อนหน้านี้ว่าเราจะถูกย้ายไปที่อื่นเมื่อเราเข้าไปในผนึก ดังนั้นเราควรจับมือกันไว้จะได้ไม่พลัดหลงกัน”
เขาไม่แน่ใจว่าค่ายกลนี้ทำงานอย่างไร ในชีวิตก่อนหน้านี้เขาเล่นเกมมาแล้วมากมาย จึงรู้ว่าในเกมมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Portal หรือ ‘การเคลื่อนย้ายแบบสุ่ม’ หากพวกเขาถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่ต่างกัน ย่อมเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะตามหากัน
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้พยายามจะเอาเปรียบข้า?” เฉียวเสวี่ยอิงมองมือที่ถูกกอบกุมด้วยใบหน้าที่สงสัย นางไม่คุ้นเคยกับการถูกสัมผัสร่างกายจากผู้ชาย นับประสาอะไรกับคนน่าชังคนนี้
“เจ้าสงสัยว่าข้าจะเอาเปรียบเจ้าเหรอ?” ซูอันเยาะเย้ย “ภรรยาของข้าคือสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองจันทร์กระจ่าง! คิดว่าข้าจะเลือกกระดานแบนที่ไม่มีหน้าอกและก้นแบบเจ้าแทนเหรอ?”
“เจ้าบอกว่าใครเป็นกระดาน!?” เฉียวเสวี่ยอิงกัดฟันกรอด ในใจคิดว่าเพิ่งรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาเล็กน้อย แต่ให้ตายเถอะ! ดูเหมือนเสือดาวจะเปลี่ยนจุดของมันไม่ได้ เจ้านี่ยังน่าชังเหมือนเดิม!
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 468!
—
นางก้มศีรษะมองดูหน้าอกตัวเอง ก็จริงที่มันไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย แต่มันก็ไม่ได้เล็กสักหน่อย! เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าก้นของข้าเล็ก? เจ้าตาบอดหรือเปล่า?!