เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 332 ตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว
บทที่ 332 ตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว?
บทที่ 332 ตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว?
เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ติดขัดนี้ จู่ ๆ ซูอันก็นึกขึ้นได้ว่าผู้เฒ่ามี่ไม่เคยพูดถึงข้อจำกัดของวิชานี้ และเมื่อนำมารวมกับนิยายจีนกำลังภายในทั้งหมดที่เขาเคยอ่านในชีวิตก่อนหน้า ในชั่วพริบตาก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เป็นไปได้มากว่าวิชาร่างก้าวทานตะวัน เป็นทักษะที่ฝึกฝนได้เฉพาะขันทีเท่านั้น ก่อนหน้านี้เนื่องจาก ‘ซูอันน้อย’ ถูกปิดผนึก จึงเข้าเงื่อนไขของมัน แต่ตอนนี้เมื่อชายหนุ่มกลายเป็นชายที่แท้จริงแล้ว จึงไม่สามารถใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันได้อีกต่อไป…
ช่วงเวลาที่งุนงงกับความรู้สึกที่ท้องน้อยนั้นมากพอที่กระบี่ของหมี่ลี่จะพุ่งเข้าแทงที่หน้าอกของเขา
“ฉึก!”
แรงกระแทกทำให้ซูอันลอยละลิ่วไปไกล และกระบี่ได้ตรึงเขาไว้ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของถ้ำใต้ดินเหมือนกับจางฮั่น
หมี่ลี่เหลือบมองเขาเป็นครั้งสุดท้ายและบ่นว่า “เจ้าควรเรียนรู้ที่จะพล่ามให้น้อยลงเมื่อลงไปอยู่ในยมโลก!”
หลังจากพูดจบ ในขณะที่นางกำลังจะหันหลังกลับและจากไป ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงที่ตึงเครียดมาจากด้านหลัง “ข้าใช้ใบหน้าและคำพูดของข้าเพื่อหาเลี้ยงชีพ ข้าจะสงบปากลงได้ยังไง?”
หมี่ลี่หันกลับมาและอ้าปากค้างด้วยความตกใจ “นี่… เจ้ายังไม่ตายเหรอ?!”
ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวนางสามารถฆ่าได้แม้แต่จางฮั่น ต่อให้สาเหตุใหญ่ของการตายจะมาจากจางฮั่นสูญเสียแรงใจที่จะมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามจางฮั่นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะระดับเก้า ในขณะที่ซูอันอยู่ในระดับที่สามเท่านั้น!
“ท่านคงจะคิดถึงความผูกพันที่ผ่านมาถึงได้ทำร้ายข้าอย่างเบามือ จิตใต้สำนึกของท่านคงสั่งให้แสดงความกตัญญูที่มีต่อข้าออกมา หรือไม่ท่านก็คงตกหลุมรักข้าโดยไม่รู้ตัว” ซูอันยิ้มแล้วดึงกระบี่ที่ติดอยู่ที่หน้าอกของเขาออกมา
ในเวลาเดียวกัน เขาโล่งใจที่เปิดใช้งานเส้นใยสุขสันต์ไว้แล้วล่วงหน้า จึงหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ร้ายแรงนี้ได้
ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าเส้นใยสุขสันต์จะไม่ทำงานถ้าหมี่ลี่มีฐานะยากจนกว่าเขา ไม่เพียงแต่เขาจะเสียของวิเศษอันล้ำค่านี้ไป เขายังจะต้องตายด้วยอีกต่างหาก!
เขาไม่เคยเกลียดความร่ำรวยของตัวเองเท่านี้มาก่อน แต่โชคดีที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
หมี่ลี่ เป็นจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉิน ซึ่งเป็นบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่ง ราชวงศ์ฉินอาจล่มสลาย แต่สุสานแห่งนี้มันนับได้ว่าเป็นของนาง ซึ่งหมายความว่าทุกสิ่งที่ฝังอยู่ที่นี่เป็นสมบัติของนาง
นอกจากนี้ หมี่ลี่ยังครอบครองร่างของฉู่ชูเหยียน ซึ่งอาจมีทรัพย์สินมูลค่ารวมอย่างน้อยหนึ่งล้านตำลึง เมื่อพิจารณาว่านางมีส่วนร่วมในธุรกิจทั้งหมดของตระกูลฉู่ ดังนั้นไม่ว่าเส้นใยสุขสันต์จะคำนวนความมั่งคั่งของหมี่ลี่หรือฉู่ชูเหยียนมาพิจารณาก็ตาม พวกนางควรจะรวยกว่าเขา
หมี่ลี่ตกตะลึง
ข้าตกหลุมรักจนข้าเผลอใจไปกับเขาจริงงั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไงกัน?!
ความคิดที่ว่านางตกหลุมรักมดตัวหนึ่งทำให้หมี่ลี่รู้สึกบ้าคลั่งอย่างเต็มที่
ซูอันใช้โอกาสที่นางสงสัยในรสนิยมของตัวเองในการใช้วิชาปฐมบทแรกเริ่มเพื่อรักษาบาดแผล ต้องขอยอมรับเลยว่าตอนนี้ร่างกายของเขาคงทนมากกว่าเดิมหลายเท่าหลังจากถูกปรับแต่งโดยพลังปฐมบท
ก่อนหน้านี้ หากเขาถูกโจมตีอย่างรุนแรงเช่นนี้ หน้าอกและอวัยวะภายในบริเวณโดยรอบคงจะแหลกเหลวเพราะปราณกระบี่ไปแล้ว
ทว่าในตอนนี้มีเพียงบาดแผลที่ลึกและกว้างใหญ่ที่หน้าอกของเขาเท่านั้น มันเป็นบาดแผลที่ทำให้ถึงตายอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้มันกำลังฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
มันไม่ง่ายที่จะดึงกระบี่ออกจากหน้าอกของเขา เมื่อได้ยินเสียงขูดระหว่างกระบี่กับกระดูกซี่โครง ซูอันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เมื่อคิดว่าจะน่ากลัวขนาดไหนหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเขาเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้
ในเวลาเดียวกัน เขาก็สงสัยอีกประเด็นว่ากระบี่ของฉู่ชูเหยียนมีเชื้อบาดทะยักอยู่หรือเปล่า? เพราะนั่นคงจะน่ากลัวมาก ทว่าเมื่อพิจารณาถึงร่างกายในปัจจุบันของเขา ชายหนุ่มคิดว่ามันคงจะยากที่โรคดังกล่าวจะทำให้ตัวเองล้มป่วยลง
“ท…ทำอะไรกันน่ะ!” เสียงตกใจของเฉียวเสวี่ยอิงดังขึ้น นางรีบมาดูเมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวาย
สิ่งที่เห็นทำให้นางตกใจมาก ร่างของซูอันกำลังเลื่อนลงไปตามกำแพงถ้ำโดยมีเลือดไหลย้อย นางเห็นเขาถือกระบี่เปื้อนเลือดที่ดูคุ้นตา
นั่นกระบี่ของฉู่ชูเหยียนไม่ใช่เหรอ?
เฉียวเสวี่ยอิงรีบวิ่งมาช่วยซูอัน และเมื่อนางเห็นว่าบาดแผลของเขาน่ากลัวเพียงใด นางก็พลันเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อคลุมเพื่อหาขวดยามารักษาเขาโดยสัญชาตญาณ แต่นางก็รู้ตัวช้าไปว่านางได้ใช้ทุกอย่างไปหมดแล้วในการต่อสู้ที่ผ่านมา
“ฉู่ชูเหยียน นี่เจ้าเสียสติไปแล้วเหรอไง!” เฉียวเสวี่ยอิงจ้อง ‘ฉู่ชูเหยียน’ ด้วยความโกรธ “ข้ารู้ว่ามันอาจจะยากที่เจ้าจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ทั้งหมดนั้นก็เพื่อช่วยเจ้า เจ้าไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้!”
ซูอันรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเฉียวเสวี่ยอิงเข้าข้างเขา ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “คนที่พยายามจะช่วยข้าก่อนหน้านี้กำลังฆ่าข้าอยู่ และคนที่พยายามจะฆ่าข้าก่อนหน้านี้กลับกำลังช่วยข้า โลกนี้ก็ตลกดีนะว่างั้นหรือไม่?”
เฉียวเสวี่ยอิงมองซูอัน “เจ้ายังมีอารมณ์ล้อเล่นทั้ง ๆ ที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“ก็ข้ายังมีชีวิตอยู่นี่จริงไหม?” ซูอันสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนในจิตใจของนาง มันยากที่จะเชื่อมโยงนางกับผู้หญิงที่พยายามจะฆ่าเขามาโดยตลอด
เฉียวเสวี่ยอิงตกตะลึง ตลอดเวลานางคิดว่าซูอันเป็นชายที่กลัวความตาย แต่เขากลับสงบอย่างน่าประหลาดใจเมื่อเผชิญกับความตายของตัวเอง นางเผลอเปรียบเทียบเขากับซือคุนที่มักจะรักษาภาพลักษณ์อันสูงส่งเสมอแต่กลับแสดงด้านที่น่ารังเกียจเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย
หมี่ลี่มองดูคนทั้งคู่ในขณะที่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ข้าไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าคนที่ต่ำต้อยเช่นเจ้าจะมีสาวงามคลั่งไคล้หลายคนแบบนี้”
เฉียวเสวี่ยอิงผลักซูอันไปด้านข้างทันทีและกล่าวว่า “ใครกันที่คลั่งไคล้เจ้านี่?!”
ในทางกลับกัน ซูอันดูยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขายักไหล่อย่างสบาย ๆ และพูดว่า “จะให้ข้าทำยังไงได้? ข้าทั้งหล่อและนิสัยดี ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่รู้จักข้าแล้วจะสามารถต้านทานเสน่ห์ของข้าได้หรอก ท่านเองก็เช่นกันพี่หญิงใหญ่ ท่านก็ตกหลุมรักข้าด้วยเหมือนกันนี่นา ไม่งั้นท่านคงไม่พูดจาเหมือนสตรีที่กำลังอิจฉาริษยาอยู่แบบนี้หรอก”
หญิงสาวทั้งสองนิ่งอึ้งไป
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 513!
—
“เจ้ารนหาที่ตายอีกแล้ว!”
หมี่ลี่โบกแขนเสื้อของนางควบแน่นพลังชี่จนเป็นรูปร่างกระบี่ยาวสิบเมตรและส่งมันพุ่งไปฟันซูอันอย่างรุนแรง
“ระวัง!” ซูอันกอดเฉียวเสวี่ยอิงไว้ในอ้อมแขนและกลิ้งไปมาบนพื้นสองสามรอบเพื่อหลบการโจมตีนั้น
ผนังจุดที่ทั้งสองยืนอยู่ก่อนหน้านี้ถูกผ่ากลางราวกับเป็นช่องเขา ดูคล้ายโลกจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
เฉียวเสวี่ยอิงตกตะลึง “น…นี่…”
นางแทบไม่เชื่อในสิ่งที่นางเพิ่งเห็น นางรับใช้ฉู่ชูเหยียนมาเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นนางจึงรู้มากกว่าใครว่า ฉู่ชูเหยียนมีพรสวรรค์แค่ไหน ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!
ซูอันรีบอธิบายกับนางว่า “ระวัง! นางไม่ใช่ชูเหยียน นางถูกหมี่ลี่เข้าสิง!”
“อะไรนะ?!” เฉียวเสวี่ยอิงหันไปหาฉู่ชูเหยียนอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ นี่อธิบายเรื่องทั้งหมดได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีพฤติกรรมผิดไปจากปกติ “คุณหนูฉู่…”
ซูอันส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ชูเหยียนยังคงสบายดี เพียงแต่นางสูญเสียการควบคุมร่างกายของตัวเอง!”
หมี่ลี่ไพล่มือไว้ด้านหลังและประเมินซูอันด้วยความสนใจ “แม้ว่าเจ้าจะมีระดับการบ่มเพาะต่ำ แต่สายตาของเจ้ากลับเฉียบแหลมจนแม้แต่ข้ายังต้องยอมรับ”
“แน่นอน! ท่านยังไม่เห็นความสามารถที่แท้จริงของข้าเลย เมื่อเวลาผ่านไปท่านจะเห็นว่าข้ามีความรู้มากมาย และข้าจะทำให้ท่านได้ลิ้มรส ‘วิชาลับ’ ของปรมาจารย์ชาวญี่ปุ่น!*[1]”
“ญี่ปุ่น? มันคืออะไร?” หมี่ลี่งุนงงกับสิ่งที่ซูอันพูด แต่นางก็ไม่ได้สนใจอะไรกับมันนัก “ด้วยทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เจ้ามี ไม่มีวิชาลับใดที่สร้างความประทับใจให้ข้าได้หรอก!”
ตอนนี้เองนางหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ว่าแต่ มีบางอย่างที่ข้ายังคงสงสัยอยู่ เจ้ารู้ชื่อของข้าตั้งแต่แรกได้ยังไง?”
[1] *วิชาลับของญี่ปุ่นตรงนี้น่าจะหมายถึงเรื่องพวกท่าร่วมรักในหนัง AV ญี่ปุ่น**