เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 337 เสนอข้อตกลง
บทที่ 337 เสนอข้อตกลง
บทที่ 337 เสนอข้อตกลง
ซูอันยักไหล่ให้กับความคิดฟุ้งซ่านของเขาและพูดต่อ “นอกจากนี้… เรายังมีช่วงเวลาที่สนิทสนมกันอีกด้วย ข้าไม่ได้ใจร้ายอย่างท่านที่สามารถฆ่าคนที่ท่านเคย…ผูกพันอย่างแน่นแฟ้นแบบมีความสุขสุดขีดมาก่อน!”
“…” ฉู่ชูเหยียน
“…” หมี่ลี่
—
ท่านยั่วยุฉู่ชูเหยียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
—
ท่านยั่วยุเฉียวเสวี่ยอิงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
คะแนนความโกรธแค้นอันมหาศาลนี้ทำให้ซูอันตื่นตระหนก
บ้าไปแล้ว! ทำไมพวกนางถึงให้คะแนนความโกรธแค้นเท่ากันทุกคนแก่ข้าในคราวเดียว?!
แต่แล้วทันใดนั้นเองเสียงระเบิดก็ดังกึกก้องขึ้น
ทั้งหมดหันกลับไปมองยังต้นทางของเสียงระเบิดอย่างรวดเร็ว ได้เห็นทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลเดือดปุด ๆ ใบบัวสีเขียวขนาดใหญ่ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ถ้ำใต้ดินทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เศษหินจากเพดานหล่นลงสู่พื้น
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูอันถาม
“พวกวิญญาณน่ะสิ!” หมี่ลี่ตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว
ซูอันยังคงสงสัย
หมี่ลี่อธิบายอย่างรวดเร็วว่า “จางฮั่นทำให้ทหารชั้นยอด 200,000 นายของราชวงศ์ฉินเสียชีวิต และด้วยความกลัวว่าทหารเหล่านี้จะลุกขึ้นเป็นวิญญาณพยาบาทเพื่อล้างแค้น เขาจึงสมคบคิดกับฌ้อปาอ๋อง*[1] ใช้พลังที่หลงเหลือจากผนึกปราบปรามวิญญาณของข้ากับดอกบัวเร้นลักษณ์เพื่อสร้างผนึกปราบปรามวิญญาณที่มีขนาดเล็กลงเพื่อกำราบวิญญาณ 200,000 ตัวเหล่านั้น”
ซูอันรู้สึกประทับใจ “เพียงแค่พลังที่หลงเหลือจากผนึกของท่านก็เพียงพอแล้วที่จะปราบปรามวิญญาณกว่า 200,000 ตัว? พระเจ้า! ท่านนี่น่ากลัวมากกว่าพวกผีซะอีก!”
หมี่ลี่นิ่งไป
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 378!
—
“หลังจากที่เจ้าปลดผนึกปราบปรามวิญญาณ รากฐานของผนึกขนาดเล็กที่จางฮั่นจัดตั้งไว้ก็ค่อย ๆ สูญเสียพลัง” หมี่ลี่ตอบ “ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า! ถ้าไม่ใช่เพราะการแทรกแซงของเจ้า ข้าคงจะไม่ลืมว่าต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด! แต่ตอนนี้ข้ากลับต้องมารับมือกับมันร่วมกับเจ้า!”
ซูอันกลอกตา “ท่านกำลังบอกว่าท่านกลัววิญญาณ 200,000 ดวงงั้นเหรอ? ข้าหมายถึงว่าแค่เศษเสี้ยวของพลังผนึกปราบปรามวิญญาณที่กักขังท่านก็สามารถผนึกวิญญาณเหล่านี้ได้แล้ว ดังนั้นตัวท่านเองก็ควรจะแข็งแกร่งมากกว่าพวกมันเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ เท่าไม่ใช่หรือไง?!”
“แน่นอน ข้าจะไม่กลัวพวกมันถ้าข้าสมบูรณ์พร้อม แต่เจ้าก็เห็นว่าน้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียงได้ทำลายร่างกายของข้าไปแล้ว และร่างกายที่ข้าใช้อยู่ตอนนี้ก็อ่อนแอเกินไป ตัวข้าตอนนี้ไม่สามารถรับมือกับพวกมันได้!” หมี่ลี่ตอบอย่างเย็นชา
ฉู่ชูเหยียนเงียบไป
นางถูกมองว่าเป็นผู้บ่มเพาะอัจฉริยะตั้งแต่อายุยังน้อย นางอยู่ในจุดที่เหนือคนอื่นตลอดมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนดูหมิ่นว่านางอ่อนแอ และที่เลวร้ายกว่านั้นคือนางปฏิเสธมันไม่ได้เลย
นี่มันบ้าชัด ๆ!
“ทำไมท่านถึงบอกเรื่องพวกนี้กับข้า?” ซูอันรู้สึกงุนงงว่าทำไมหมี่ลี่ถึงอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ให้เขาฟัง
จู่ ๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้น เมื่อทหารดินเผาสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่ทะเลสาบ พวกมันจึงรีบเดินขบวนมุ่งหน้าออกไปในทันที แต่เหล่าดวงวิญญาณร้ายสีน้ำเงินกลุ่มใหญ่ที่กรูกันออกจากทะเลสาบก็กลืนกินทหารดินเผาแถวแรกอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ซูอันตกตะลึงกับภาพนั้น เสียงของหมี่ลี่ก็ดังขึ้น “ทำไมเราไม่มาทำข้อตกลงกันล่ะ?”
“ข้อตกลงอะไร?” ซูอันถามขณะที่จ้องมองกองทัพวิญญาณด้วยความสยดสยอง เขายังแก้ปัญหาเกี่ยวกับหมี่ลี่ไม่ได้เลย แต่ตอนนี้กลับมีปัญหาที่ไม่ด้อยกว่าเกิดขึ้นซ้ำอีกงั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าชะตาของข้าคงถึงฆาตแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?
“เจ้าควรรู้อยู่แล้วว่าทุกคนที่นี่จะต้องตายเมื่อวิญญาณพยาบาทฝ่าแนวรบของพวกทหารดินเผาได้สำเร็จ” หมี่ลี่กล่าว
ซูอันถามกลับ “ก่อนตายพวกเขาไม่ใช่ทหารของราชวงศ์ฉินงั้นเหรอ? พวกเขาอาจจะเกลียดชังจางฮั่น แต่ว่าท่านเป็นจักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ฉิน ท่านควรจะสามารถสั่งการให้พวกมันทำอะไร ๆ ก็ได้ตามที่ใจท่านต้องการไม่ใช่หรือไง?”
หมี่ลี่ส่ายหัวและตอบว่า “วิญญาณพวกนี้เป็นทหารของราชวงศ์ฉินก็จริง แต่พวกเขาตายไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและพวกเขาก็ถูกผนึกมาเป็นเวลาพันปีแล้ว ความเกลียดชังได้กัดเซาะจิตสำนึกของพวกเขาไปจนหมด ทำให้พวกเขากลายเป็นวิญญาณพยาบาท สิ่งที่เหลืออยู่ในสำนึกมีแต่ความชั่วร้ายและความกระหายเลือด สัญชาตญาณของพวกเขาคือกำจัดสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้า ดังนั้นหากพวกเขาฝ่าแนวรบของทหารดินเผาได้ พวกเราจะไม่มีใครรอดออกไปจากที่นี่ได้เลย”
“แล้วท่านจะทำข้อตกลงอะไร?” ซูอันถาม
“เจ้าควรใช้การชำระล้างเพื่อจัดการกับวิญญาณพยาบาทเหล่านี้มากกว่าจะมาใช้กับข้า สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์กับเราทั้งคู่!” หมี่ลี่ตอบ
ซูอันรู้สึกดีใจที่หมี่ลี่ดูหวาดกลัวเพราะสิ่งนี้มันเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาสามารถชำระนางให้ตายได้
ด้วยความคิดเช่นนั้น ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะกวนอารมณ์นางต่อ “ทำไมข้าต้องทำอย่างนั้น? ท่านตั้งใจจะฆ่าภรรยาของข้า ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะปล่อยท่านไปง่าย ๆ!”
ใบหน้าของหมี่ลี่มืดลงขณะที่นางเหลือบมองที่ทะเลสาบและเห็นว่าทหารดินเผาค่อย ๆ ถูกกลืนกิน การที่วิญญาณพยาบาทจะมีชัยชนะเหนือพวกมันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
กำลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างมาก มีวิญญาณพยาบาทมากกว่า 200,000 ดวง ในขณะที่ฝ่ายทหารดินเผามีแค่หลักพัน หากไม่ใช่เพราะว่าวิญญาณพยาบาทไม่สามารถออกจากผนึกได้ทั้งหมดในคราวเดียว การต่อสู้มันคงจบลงไปแล้ว
“ได้! ข้าจะออกจากร่างของภรรยาเจ้า แต่เจ้าต้องไม่ใช้การชำระล้างกับข้า ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าต้องรวบรวมทรัพยากรให้ข้าสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ได้ในอนาคต” หมี่ลี่ตอบกลับหงุดหงิด
ซูอันรู้สึกดีใจ นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เขาคาดหวังไว้ ดูเหมือนว่านางจะกลัวสิ่งที่เรียกว่าการชำระล้างจริง ๆ “ดีมาก ข้าจะตกลงตามข้อตกลงของท่าน ท่านรีบออกไปจากร่างของชูเหยียนเดี๋ยวนี้!”
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่เหรอ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าทรยศต่อข้าในภายหลัง?” หมี่ลี่เย้ยหยัน
“แล้วอยากให้ข้าทำอะไรล่ะ? เราควรทำสัญญาเพิ่มอีกอันงั้นเหรอ?” ซูอันถาม
“สัญญามีช่องโหว่มากเกินไป ใครจะไปรู้ว่าคนที่น่ารังเกียจเช่นเจ้าจะเตรียมกับดักทางวาจาชนิดใดไว้ให้ข้า!” หมี่ลี่ปฏิเสธทันที
ซูอันเงียบไป ก่อนจะตอบกลับหมี่ลี่
“พี่หญิงใหญ่ ก่อนหน้านี้ข้าจำได้ว่าท่านเป็นคนผิดสัญญาของเรา แล้วท่านยังมีหน้ายกเรื่องนี้มาว่าข้าได้ยังไง!”
ให้ตายเถอะ แค่คิดก็โกรธแล้ว!
“อาซู เจ้าอย่ายอมรับข้อตกลงของนาง! ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ นางต้องคิดทำอะไรซักอย่างแน่ ๆ!” ฉู่ชูเหยียนร้อง
เฉียวเสวี่ยอิงพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน “ผู้หญิงคนนี้เลวทรามอย่างแท้จริง ๆ เราไว้ใจนางไม่ได้!”
“เจ้าพวกโง่ กลอุบายเป็นเรื่องปกติในสนามรบ! ข้าไม่รู้จักพวกเจ้ามาก่อน ดังนั้นมันเป็นเรื่องปกติมากที่ข้าจะตุกติก พวกเจ้าควรโทษตัวเองที่โง่เง่าจนตกหลุมพรางของข้า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราอยู่บนเรือลำเดียวกันแล้ว ข้าจะตุกติกไปเพื่ออะไรกัน!” หมี่ลี่คร่ำครวญ
ซูอันพูดไม่ออกเพราะความไร้ยางอายของหมี่ลี่ ชายหนุ่มรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อยกับคำพูดของนาง อย่างไรก็ตาม ก็รู้ดีว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของนาง
“ถ้างั้นท่านอยากทำอะไรล่ะ?”
หมี่ลี่ได้ไตร่ตรองสิ่งต่าง ๆ อย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยขึ้น “สัญญาธรรมดามีช่องโหว่มากเกินไป เอาเป็นว่าเรามาทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นโดยการใช้ ‘สัญญาชีวิตและความตาย’ แทน ด้วยวิธีนี้ไม่มีใครสามารถตุกติกอะไรได้เลย”
[1] เป็นขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ในยุคปลายราชวงศ์ฉินที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน เป็นคู่ปรับคนสำคัญของหลิวปังหรือจักรพรรดิฮั่นเกาจู ปฐมจักรพรรดิจีนราชวงศ์ฮั่น