เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 418 ล่องเรือ
บทที่ 418 ล่องเรือ
บทที่ 418 ล่องเรือ
“พรวด!”
เพ่ยเหมียนหมานพ่นชาของนาง
ผู้ชายคนนี้มีชีวิตแบบไหนมาจนถึงตอนนี้? พูดแบบนี้มันไม่ต่ำไปหน่อยเหรอ?
ทุกคนในห้องโถง ระเบิดความโกรธทันที
“ไอ้เวร…ไม่ต้องมาห้ามข้า ข้าจะฉีกมันให้เป็นชิ้นๆ!”
“กระบี่ของข้าอยู่ที่ไหน?”
“ทำไมต่ำตมได้ขนาดนี้?”
“แม่นางชิว เจ้ารู้ไหมว่ามันพูดอะไรออกมา? เจ้าเลือกคนเลวทรามอย่างมันได้ยังไง!”
…
—
ท่านยั่วยุเฉินเซวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
—
ท่านยั่วยุเจี่ยงฟั่นสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
—
ท่านยั่วยุฉู่ฮงไฉสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
ท่านยั่วยุ…
ซูอันเต็มไปด้วยความสุขในขณะที่เห็นคะแนนความโกรธแค้นหลั่งไหลเข้ามาหาตัวเอง
ต้องเป็นคนพิเศษอย่างข้าเท่านั้นถึงจะทำอะไรพิเศษแบบนี้ได้!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าฝูงชนดูเหมือนจะบ้าคลั่งไปแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะโง่พอที่จะถูกทุบตีอยู่ที่นี่
ก่อนที่ใครจะได้ทันตั้งตัว ซูอันก็รีบวิ่งหายขึ้นไปที่ชั้นบนอย่างรวดเร็ว ฝูงชนที่โกรธจัดถูกพวกคนของหอสุขนิรันดร์ห้ามไม่ให้ติดตามขึ้นไปทันที
ฮัวเว่ยเหมียนสั่งลูกน้องของตัวเองให้ยับยั้งฝูงชนที่โกรธจัด ก่อนจะมองตามร่างของซูอันที่จากไปอย่างขุ่นเคือง ผู้ชายคนนี้สร้างปัญหาเก่งจริง ๆ!
ชายหนุ่มผิวปากอย่างมีความสุขในขณะที่เดินตามสาวใช้ไปด้วย เขาสงสัยว่าตัวเองควรจะไปเยี่ยมชมหอคณิกาอื่น ๆ ด้วยหรือไม่?
แน่นอน ข้าไม่ได้มาที่นี่เพราะสาว ๆ เลย มันเป็นแค่แผนการกอบโกยคะแนนความโกรธแค้นจริง ๆ นะ!
หลังจากคำนวณคร่าว ๆ ซูอันก็พบว่าจำนวนคะแนนความโกรธแค้นที่เขาได้รับในหอสุขนิรันดร์นั้น มันมากกว่าที่เขาเคยได้จากเหตุการณ์อื่น ๆ ในอดีตมาก
หากชายหนุ่มสามารถสะสมคะแนนความโกรธแค้นได้มากมายเช่นนี้ทุกวัน หนทางแห่งความเป็นอมตะคงไม่ใช่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้!
แต่แล้วทันใดนั้น บริเวณโดยรอบก็มืดลง ชายหนุ่มสังเกตว่าตัวเองได้ออกจากด้านในของหอสุขนิรันดร์แล้ว และกำลังยืนอยู่บนระเบียง มองเห็นแม่น้ำส่องประกายระยิบระยับ ท้องฟ้าเริ่มมืดและมีการจุดตะเกียง แสงสะท้อนของตะเกียงบนผิวน้ำทำให้ดูเหมือนมีดวงจันทร์นับไม่ถ้วนบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
มีเพียงถนนสุขสวรรค์เท่านั้นที่สามารถมีทิวทัศน์ที่สวยงามและมีชีวิตชีวาเช่นนี้ได้
ซูอันถอนหายใจขณะที่เขาถามสาวใช้ว่า “น้องสาวคนสวย เราจะไปที่ไหนกัน?”
เขามองไปรอบ ๆ ตัว ที่นี่ดูไม่เหมือนห้องของชิวฮัวเล่ย
“น้องสาวคนสวยเหรอ?” สาวใช้คนนั้นตกใจ เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยได้ยินใครเรียกขานนางในลักษณะนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับวิธีที่คนอื่นปฏิบัติต่อสาวใช้อย่างนางราวกับเกิดมาเพื่อรองรับการดูหมิ่นเหยียดหยาม คำเรียก ‘น้องสาวคนสวย’ นี้ฟังดูค่อนข้างดี
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุข “คุณหนูกำลังรอท่านอยู่บนเรือ”
“เรือ?” ซูอันรู้สึกสับสน นี่เขากำลังถูกพาไปขึ้นเรืองั้นเหรอ?
สาวใช้นั่งยอง ๆ แล้วเลื่อนเปิดประตูไม้ที่พื้นระเบียง เผยให้เห็นขั้นบันไดลงไปยังเรือลำเล็กที่มีห้องโดยสารอยู่ตรงกลางลำซึ่งผูกเอาไว้ด้านล่าง
“ขอเชิญนายน้อย” สาวใช้ชี้ไปที่บันได
“ไม่ต้องมากพิธี” ซูอันหัวเราะคิกคัก
ทันทีที่เขาลงบันไดไปและยืนอยู่บริเวณหน้าเรือ เรือก็ค่อย ๆ เริ่มเคลื่อนไปยังกลางแม่น้ำ
ซูอันขมวดคิ้ว…นี่คงไม่ใช่กับดักใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าชายหนุ่มก็ละทิ้งความคิดนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป
นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะของชายหนุ่มก็ได้เพิ่มขึ้นมาก ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร เขาก็ยิ่งกล้ามากขึ้นเท่านั้นเป็นธรรมดา แล้วก็สงบอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
“น่าเสียดายที่น้องสาวคนสวยไม่ได้ลงมาด้วย ข้าลืมถามชื่อนางไปเลย” ซูอันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“อย่างที่ข้าคิดเอาไว้จริง ๆ นายน้อยซูแตกต่างจากคนทั่วไป ดูเหมือนท่านจะไม่รู้สึกกลัวใด ๆ เลย”
เสียงอันอ่อนโยนดังออกมาจากภายในห้องโดยสาร ผู้พูดไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชิวฮัวเล่ยที่มีเสียงอันไพเราะ
“ข้าต้องกลัวอะไรด้วยเหรอ? กลัวว่าเจ้าจะกินข้า?” ซูอันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“นายน้อยเข้าใจล้อเล่นจริง ๆ ข้าควรจะเป็นฝ่ายที่กลัวถูกท่านกินไม่ใช่เหรอ?” เสียงเย้ายวนของชิวฮัวเล่ยดึงความสนใจของเขา
“รีบเข้ามาข้างในเถอะ ลมข้างนอกแรงเกินไป”
…
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ร่างของหญิงสาวที่ดูเย้ายวนก็ปรากฏขึ้นที่บนระเบียงที่ซูอันเพิ่งจากมา
เพ่ยเหมียนหมานกระทืบเท้าของนางขณะที่นางดูเรือค่อย ๆ ลอยห่างออกไป “จิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่น!”
ตอนนี้พวกเขาอยู่บนเรือแล้ว ไม่มีทางที่นางจะฟังการสนทนาของพวกเขาได้เลย
“ช่างมันเถอะ ข้าจะไปค้นห้องของนางก่อน หวังว่าข้าจะพบบางสิ่งที่นั่น!” เพ่ยเหมียนหมานเอ่ยขึ้นอย่างขุ่นเคือง ก่อนที่ร่างของนางจะหายไปอย่างรวดเร็วไร้ร่องรอย
…
ตามคำเชิญของหญิงงาม ซูอันยกม่านบังตาขึ้นแล้วเข้าไปด้านในห้องโดยสาร
แม้ว่าเรือจะมีขนาดเล็ก แต่ภายในห้องโดยสารก็อบอุ่นสบาย ซูอัน สังเกตเห็นโต๊ะแกะสลักเล็ก ๆ วางจานอาหารที่ดูประณีตสองสามจาน ชิวฮัวเล่ยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและยิ้มให้เขา
ดวงตาที่งดงามของนางดูเหมือนจะปิดบังซ่อนเร้นความในใจเอาไว้
ถ้าเขาไม่รู้ดีเช่นนี้ ซูอันก็คงคิดว่านางเป็นภรรยาที่รอคอยสามีกลับบ้านอย่างใจจดใจจ่อ
โคมไฟขนาดเล็กและสวยงามห้อยลงมาจากขื่อหลังคาเรือ แสงไฟสีเหลืองจาง ๆ ฉาบเคลือบไปทั่วร่างกายของนาง ซึ่งมันทำให้นางยิ่งดูน่าดึงดูด ราวกับว่านางมีผิวสีเหลืองอำพันที่แสนอบอุ่น
“นายน้อยมองโคมเล็ก ๆ นั่นอย่างตั้งใจ เป็นไปได้ไหมว่าข้าไม่สวยเท่ามัน?” เสียงของชิวฮัวเล่ยฟังดูเจ็บปวดเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสีหน้าของนางไม่ได้เจ็บปวดเหมือนกับคำพูดของนาง
“ข้าไม่เคยเห็นโคมไฟสีเหลืองแบบนี้มาก่อน” ซูอันพูดขณะที่เขานั่งลงที่โต๊ะ
ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะนั่งข้างชิวฮัวเล่ยเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับนางมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เรือลำนี้มีขนาดเล็กเกินไป! แค่โต๊ะตัวเดียวก็แทบเต็มห้องโดยสาร ซูอันไม่สามารถหาทางนั่งข้างนางได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงนั่งลงฝั่งตรงข้าม
ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจทำแบบนี้หรือไม่? นางกำลังปกป้องตัวเองจากข้าหรือเปล่า? ซูอันคิดอย่างเคือง ๆ
“ถ้านายน้อยไม่ชอบโคม ข้าสามารถดับมันได้” ชิวฮัวเล่ยค่อย ๆ ลุกขึ้นเผยให้เห็นรอบเอวที่เย้ายวนใจของนาง
ซูอันยกมือขึ้นหยุดนางและพูดว่า “ไม่จำเป็น แสงสีเหลืองทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่นดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ ข้าคงไม่สามารถชื่นชมความงามของแม่นางชิวได้หากปราศจากมัน ซึ่งคงจะน่าเสียดายมาก ๆ”
“ปากของนายน้อยช่างหวานเหลือเกิน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านจะสามารถพิชิตใจสาวใช้ของข้าได้อย่างง่ายดาย” ชิวฮัวเล่ยกล่าวด้วยท่าทางที่เย้ายวน
ซูอันกระเด้งด้วยความตกใจ “เจ้ามีญาณทิพย์หรืออะไรหรือเปล่า?” นางรู้ได้อย่างไรว่าเขาไปทำอะไรมาระหว่างที่นางยังคงอยู่บนเรือนี่
ชิวฮัวเล่ยยิ้ม นางไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแต่ชี้ไปที่หม้อเล็ก ๆ สองใบที่อยู่ข้าง ๆ นาง “นายน้อยต้องการดื่มชาหรือสุราหรือไม่?”
“ย่อมเป็นสุรา!” ซูอันพูดโดยไม่ลังเล
“ข้าก็คิดเช่นนั้น ใครก็ตามที่สามารถแต่งเพลงที่เร่าร้อนเช่น ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ ได้นั้นย่อมเป็นวีรบุรุษผู้รักการร่ำสุรา” ชิวฮัวเล่ยหยิบไหสุราขึ้นมาและเทใส่จอกหยกให้เขา
ด้วยความกังวลว่าแขนเสื้อของนางจะสัมผัสอาหารบนโต๊ะ นางจึงค่อย ๆ เลิกมันขึ้น เผยให้เห็นแขนที่เรียวยาวขาวผ่องงดงามราวกับหยกขาว