เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 438 ลูกอกตัญญู
บทที่ 438 ลูกอกตัญญู
บทที่ 438 ลูกอกตัญญู
โลกนี้แตกต่างไปจากโลกเดิมของซูอันอย่างสิ้นเชิง เขยที่แต่งเข้าบ้านภรรยา ผู้ลี้ภัย และคนระดับชั้นต่ำทั้งหลายล้วนอยู่ในลำดับชั้นทางสังคมเดียวกัน เมื่ออาณาจักรตกอยู่ในอันตรายและถึงเวลาต้องที่เพิ่มจำนวนทหาร พวกเขาจะเป็นพวกแรกที่ถูกเกณฑ์
แม้ว่าฐานะของนายน้อยตระกูลฉู่จะทำให้เขาเป็นมากกว่าลูกเขยธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้ดีไปกว่าลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านภรรยาคนอื่น ๆ มากเท่าไหร่
แนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานไม่มีอยู่ในโลกนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะคาดหวังมากเกินไป
ถึงอย่างนั้น ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาปฏิบัติกับข้าแบบนี้เด็ดขาด!
ซูอันพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อท่านคิดกับข้าอย่างดูถูกเช่นนั้น ก็ลืมมันไปซะ! ถ้าจำเป็นจริง ๆ ข้าจะออกจากตระกูลฉู่ให้สมใจท่าน!”
ผู้หญิงคนนี้คอยรังควานข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า! ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่ชูเหยียนและน้องฮวนเจา ข้าก็คงจากไปนานแล้ว!
เขาช่วยตระกูลฉู่ไว้หลายเรื่อง รวมถึงการมอบดอกบัวเร้นลักษณ์ให้ฉู่ชูเหยียน ซึ่งทำให้การบ่มเพาะของนางทะลวงไปสู่ระดับที่เจ็ด ตอนนี้นางเป็นอัจฉริยะด้านการบ่มเพาะที่กล้าแกร่งที่สุดในโลกนี้! การมีผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ในตระกูลจะนำมาซึ่งความรุ่งโรจน์ไม่รู้จบ สถานะดังกล่าวไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยทองคำ
และตอนนี้เขาทำงานหนักทุกคืนเพื่อช่วยชีวิตลูกสาวคนโตของผู้หญิงคนนี้!
แต่ตอนนี้เขาได้อะไรกลับมาบ้าง? นางไม่เคยมอบคำขอบคุณใด ๆ ให้เขาเลย ผู้หญิงคนนี้พยายามจะหาเรื่องจับผิดเขาตลอดเวลา
สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นคือฟางเส้นสุดท้ายอย่างแท้จริง ในที่สุดเขาก็พอแล้ว!
บางทีความคิดของซูอันอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากประสบการณ์ชีวิตหรือความตายของเขาในมิติลับหยกจรัส ชายหนุ่มได้ต่อสู้กับผู้บ่มเพาะระดับเก้า และบางคนที่มีระดับสูงกว่านั้นมาแล้ว!
การกลับมาที่เมืองจันทร์กระจ่าง ก็เหมือนกับการได้กลับมายังเมืองเริ่มต้นของมือใหม่ แม้ว่าจะมีผู้บ่มเพาะมากมายในเมืองนี้ที่สามารถบดขยี้เขาให้ตายได้อย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ตัวเองไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนอย่างตอนที่มาโลกนี้แรก ๆ อีกต่อไป
ท้ายที่สุด แม้แต่สถานที่สุดอันตรายเช่นมิติลับหยกจรัสยังพรากชีวิตของเขาไปไม่ได้ ดังนั้นสถานการณ์ปัจจุบันนี้จะทำให้ซูอันกลัวได้ยังไง?
มันก็แค่การย้ายออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉู่เท่านั้น เขามีระดับการบ่มเพาะที่เพียงพอแล้วที่จะสามารถปกป้องตัวเองได้ และเขาก็มีเงิน มีแม้กระทั่งที่พักสำหรับเขาในสถาบันจันทร์กระจ่าง
สำหรับฉู่ชูเหยียน เขาสามารถแอบกลับมาดูแลนางได้ตลอดเวลา
ที่ผ่านมาเขาต้องอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ แม้ว่ามันจะเป็นความอยุติธรรมที่ตระกูลฉู่ก่อขึ้นก็ตาม แต่ตอนนี้ชายหนุ่มก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอ และความมั่นใจของตัวเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
การระเบิดอารมณ์อย่างกะทันหันของเขา ทำให้ฉินหว่านหรูพูดไม่ออก
ข้าได้ยินผิดไปหรือเปล่า? ในที่สุดเจ้าเด็กนี่ก็บ้าไปแล้วเหรอ?
—
ท่านยั่วยุฉินหว่านหรูสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
ฉู่ฮวนเจาเกิดความกลัวขึ้นจับใจ นางจึงรีบวิ่งไปหาแม่ของนางทันที “แม่! นั่นไม่ใช่สิ่งที่พี่เขยพยายามจะพูด! อย่าไปจริงจังกับคำพูดของเขา!”
ในที่สุด ฉินหว่านหรูก็หลุดจากความงุนงงของนาง นางผลักลูกสาวของนางออกไปและจดจ่อกับซูอัน
“ในที่สุดเจ้าเผยความคิดในหัวของเจ้าออกมา!” นางพูด น้ำเสียงของนางเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง “ฮึ่ม! เจ้าต้องการสยายปีกและออกจากตระกูลฉู่ใช่ไหม? แต่เจ้าอย่าได้คิดว่ามันจะง่ายนัก! ถ้าตระกูลฉู่ของเราไม่ยินยอม เจ้าก็อย่าได้ฝันว่าจะสามารถจากไปเพียงเพราะตัวเองต้องการได้!”
ซูอันตกตะลึง ในที่สุดเขาก็นึกถึงตัวอย่างคดีที่ถูกยกขึ้นมาในวิชากฎหมายอาญาของสถาบันจันทร์กระจ่าง บุตรสะใภ้ที่แต่งเข้าบ้านไม่สามารถผิดสัญญาได้ตามใจตัวเอง หญิง/ชายผู้นั้นต้องได้รับการยินยอมจากตระกูลของคู่สมรสก่อน
แต่ฝั่งภรรยาของเขาจะเห็นด้วยได้ยังไง? หากพวกเขาทำให้ลูกสาวต้องกลายเป็นม่ายด้วยการไล่ลูกเขยออกไป มันคงจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับนางที่จะแต่งงานใหม่ในอนาคต!
ใบหน้าของเขามืดลงด้วยความคิดนี้ นี่คือสิ่งที่เหมือนกรงขังในชีวิตนี้หรือไม่?
แม้ว่าซูอันจะไม่รังเกียจภรรยาของตัวเอง แต่เขาก็ต้องการอิสระที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เขาเกลียดความรู้สึกราวกับว่าถูกลักพาตัวมาและถูกขังอยู่ในกรง
ฉู่ฮวนเจาเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ นางเดินไปมาระหว่างทั้งสองคน พยายามทำให้พวกเขาสงบลง อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็โกรธจัด และไม่มีฝ่ายใดเต็มใจที่จะเป็นฝ่ายถอย
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองติดอยู่ในทางตัน และไม่มีใครรู้ว่าต้องทำอย่างไร ในตอนนี้ฉู่ชูเหยียนที่ได้ยินข่าวก็รีบวิ่งเข้ามา
“ท่านแม่ อาซู ทั้งสองคนกำลังทำอะไร?” ในขณะที่พูด ฉู่ชูเหยียนก็ไอออกมาด้วย
เมื่อได้ยินเสียงไอของลูกสาว ฉินหว่านหรูก็รีบวิ่งเข้าไปลูบหลังนางทันที “ทำไมเจ้าถึงออกจากห้อง? ข้างนอกลมแรงมาก! เจ้าอาจเป็นหวัดได้!”
ฉู่ชูเหยียนยิ้มจาง ๆ “ท่านแม่ ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
ฉินหว่านหรูยังไม่มั่นใจ “อาการป่วยของเจ้านั้นแปลกมาก เมื่อหมอเปาตรวจอาการเจ้าก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างร้ายแรง แต่อาการของเจ้ากลับดีขึ้นอย่างลึกลับในภายหลัง เราไม่มีทางรู้หรอกว่ามันจะเลวร้ายลงอีกหรือเปล่า ดังนั้นเจ้าต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดี!”
เปาโหย่วหลูรับใช้ตระกูลฉู่มาหลายปีแล้ว และทุกคนก็รู้ความสามารถของเขาในด้านการแพทย์เป็นอย่างดี ซึ่งไม่ใช่คนที่จะพลาดได้ง่าย ๆ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมอ๋องฉู่ และภรรยาของเขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า จี้เติ้งถูไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย เรื่องที่อาการของลูกสาวพวกเขาดีขึ้นนั้นมันเหมือนกับปาฏิหาริย์ที่จู่ ๆ ก็บังเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การรู้เช่นนี้ทำให้พวกเขายิ่งระมัดระวังมากขึ้นไปอีก เนื่องจากอาการของนางดีขึ้นอย่างกะทันหัน ดังนั้นมันจึงอาจเลวร้ายลงในลักษณะเดียวกันโดยไม่มีใครสามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้
แต่แล้วจู่ ๆ ฉู่ฮวนเจาก็พูดขึ้น “อาการของท่านพี่ไม่ได้จู่ ๆ ก็ดีขึ้นเองนะท่านแม่! มันเป็นเพราะการรักษาของพี่เขยต่างหาก!”
“เขา?” ฉินหว่านหรูมองซูอัน น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ เห็นได้ชัดว่านางมั่นใจว่าเขาไม่มีทักษะแบบนี้
“เป็นพี่เขยจริง ๆ!” ฉู่ฮวนเจาเริ่มกังวล นางกลัวว่านี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้เปิดเผยเรื่องนี้กับแม่ของนาง ถ้าแม่ของนางโกรธจนไล่พี่เขยออกจากตระกูลฉู่จริง ๆ แล้วนางจะทำยังไงต่อไป?
น่าเสียดายที่พฤติกรรมและบุคลิกภาพตามปกติของนางไม่ได้ทำให้คำพูดของตัวเองน่าเชื่อถือ และเป็นเรื่องยากสำหรับคนมีอคติอย่างฉินหว่านหรูที่จะเชื่อคำพูดของนาง
ดังนั้นนางจึงหันไปมองพี่สาวของนางอย่างวิงวอน
ฉู่ชูเหยียนยืนยันคำพูดของน้องสาว “ฮวนเจาพูดถูก แท้จริงแล้วเป็นอาซูที่ช่วยดึงข้ากลับจากขอบเหวแห่งความตาย”
ฉินหว่านหรูยังคงสงสัย นี่ลูกสาวของข้าพูดแบบนี้เพื่อช่วยซูอันหรือเปล่า?
แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าที่จริงจังของลูกสาวทั้งสอง ความสงสัยของนางก็ค่อย ๆ จางหายไป “เป็นเขาจริง ๆ เหรอ”
ฉู่ชูเหยียนพยักหน้ายืนยัน
“แต่ข้าอยู่กับเจ้าตลอดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ เขารักษาเจ้าโดยที่ข้าไม่รู้ได้ยังไง?” ฉินหว่านหรูขมวดคิ้วแน่น นางยังคงพบว่าสิ่งนี้ยากที่จะเชื่อ
“ข้าวางยาสลบท่าน” ฉู่ฮวนเจาพูดอย่างกระอักกระอ่วน
ฉินหว่านหรูรู้สึกประหลาดใจ นางมองลูกสาวคนรองอย่างว่างเปล่า
ฉู่ฮวนเจายอมสารภาพออกมา นางยอมถูกด่าดีกว่าจะต้องเห็นพี่เขยของตัวเองถูกไล่ออกจากตระกูล หลังจากนี้นางจะถูกทำโทษยังไงก็ช่างสิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือนางต้องปกป้องพี่เขยของนางให้ได้
เมื่อตระหนักในคำพูดของลูกสาว ฉินหว่านหรูก็เกือบจะเป็นลม
ข้าให้กำเนิดนางด้วยตัวเองเลยนะ!
มีลูกสาวที่ทำเรื่องแบบนี้กับแม่ของพวกตัวเองจริง ๆ งั้นเหรอ?
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้ารู้สึกมึนงง และจำอะไรไม่ได้มากเกี่ยวกับช่วงตอนเย็น ที่แท้ทั้งหมดเป็นเพราะลูกโง่คนนี้!
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ นางลากฉู่ฮวนเจามาและเริ่มจะตีนางอย่างดุเดือด วันนี้เด็กหญิงคนนี้จะได้เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของ ‘ความเมตตาของแม่ และการเชื่อฟังของลูกสาว’!
ด้วยการทุบตีอย่างโหดเหี้ยม นางตบฉู่ฮวนเจาจนกระทั่งลูกสาวของนางอ้อนวอนขอความเมตตา
ฉู่ชูเหยียนพูดอย่างเร่งรีบ “ท่านแม่ น้องรองทำไปเพื่อช่วยข้าเท่านั้น นางไม่ใช่คนเดียวที่ทำอย่างนั้น เมื่อคืนข้าเองก็กดจุดชีพจรของท่านเพื่อทำให้ท่านสลบไป!”
คำพูดของลูกสาวคนโตทำให้นางหยุดนิ่งโดยสิ้นเชิง นางกะพริบตาอย่างไม่เข้าใจ นางไม่สามารถประมวลผลสิ่งที่นางเพิ่งได้ยินได้ในทันที
เพื่อช่วยน้องสาวของนางและแบ่งปันภาระของการลงโทษ นางอธิบายว่า “อาซูดูแลรักษาข้าตลอดทุกค่ำที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเมื่อคืนนี้ท่านแม่ยืนกรานที่จะอยู่เป็นเพื่อนข้า ดังนั้นโดยที่ไม่รู้ว่าท่านอยู่ในห้องกับข้า เขาก็เลยแอบเข้ามาตามปกติ และ…และจากนั้นด้วยความกังวลว่าความจะแตก ข้าก็เลย…ข้าก็เลยกดจุดชีพจรของท่านทำให้ท่านสลบไป…”
เมื่อตอนที่นางอธิบายเสร็จ ผิวที่ซีดก่อนหน้านี้ของนางก็แดงระเรื่อไปหมดแล้ว นางเชื่อฟังพ่อแม่มาตลอดตั้งแต่เกิดมา และไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน!
ฉินหว่านหรูตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
ข้าทำบาปอะไรมากมายในชีวิตที่ผ่านมา? ข้าถึงได้ให้กำเนิดลูกอกตัญญูสองคนนี้ได้อย่างไร?