เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 456 ไร้ความสามารถและควบคุมอารมณ์ไม่ได้
บทที่ 456 ไร้ความสามารถและควบคุมอารมณ์ไม่ได้
บทที่ 456 ไร้ความสามารถและควบคุมอารมณ์ไม่ได้
เมื่อรู้สึกถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้น เจิ้งตานจึงก้าวเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย “อาซู” นางกล่าว “ดูเหมือนเจ้ากำลังสงสัยว่าตระกูลเจิ้งของเรามีส่วนร่วมในการค้าเกลือผิดกฎหมาย?”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้ากำลังจะบอก” ซูอันตอบ “แต่ถ้าลูกน้องของเจ้าแอบทำเรื่องผิดกฎหมายลับหลัง และพวกเจ้าไม่ยอมบอกกับทางการ ตระกูลเจิ้งของเจ้าทุกคนจะกลายเป็นมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิดในท้ายที่สุด ข้าแน่ใจว่าพวกเจ้าคงไม่อยากเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วยใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าเรายินดีให้ความร่วมมือ แต่ถ้าคนอื่นรู้ว่าพ่อบ้านของตระกูลเจิ้งถูกจับไปแบบนี้ คนทั่วไปย่อมตั้งข้อสงสัยต่อตระกูลเจิ้งอย่างแน่นอน และนั่นมันจะกลายเป็นตราบาปต่อตระกูลของเราไปอย่างยาวนาน”
เจิ้งตานโต้ตอบซูอันอย่างไม่ยอมแพ้
ซูอันยิ้ม “คนที่ขาวสะอาดไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังคงขาวสะอาดอยู่วันยังค่ำ ส่วนคนที่คิดคดไม่ว่าจะพยายามปกปิดอย่างไร ท้ายที่สุดก็จะถูกเปิดเผย ทำไมแม่นางเจิ้งถึงต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย?” เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่ยอมถอยให้
อย่างไรก็ตาม ทางด้านของซ่างเชียนก็ตั้งใจแน่วแน่ว่า เขาไม่มีทางปล่อยให้ซูอันพาโฮ่วอวิ๋นไปแน่นอน ซึ่งมันทำให้สถานการณ์ตอนนี้มีทางออกไม่มากเลย
แต่แล้วในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าจำนวนมากก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะดังลั่น “ถ้าอย่างนั้น ทำไมพวกท่านไม่ส่งเขามาให้เราล่ะ?”
ซูอันหันกลับมาและพบว่าเสียงนี้เป็นของใบหน้าที่คุ้นเคย รองผู้พิพากษาผางชุนพร้อมกับกลุ่มเจ้าหน้าที่
ซ่างเชียนกล่าวอย่างเย็นชาทันที “พื้นที่นี้อยู่ภายใต้เขตอำนาจของกองทหารลาดตระเวนลำน้ำ! ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของรองผู้พิพากษาอย่างท่าน!”
ผางชุนหรี่ตาลงแต่ยังคงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ผู้บัญชาการซ่าง คิดมากเกินไปแล้ว ข้าแค่เห็นว่าพวกท่านทั้งสองฝ่ายต่างตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะได้ตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำ ดังนั้นข้าก็เลยมีน้ำใจยอมเป็นบุคคลที่สามที่เป็นกลางทำการสอบปากคำเขาให้พวกท่านเอง!”
เป็นกลางก้นข้าเถอะ! ซ่างเชียนก่นด่าในใจ
ผางชุนพูดต่อโดยไม่ขาดตอน “ผู้บัญชาการซ่างและตระกูลเจิ้งได้หมั้นหมายกันแล้ว ดังนั้นเนื่องจากเรื่องนี้มีคนจากตระกูลเจิ้งเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจึงควรจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ให้โปร่งใสเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยที่จะตามมาให้มากที่สุดไม่ใช่หรือไงผู้บัญชาการซ่าง?”
ซ่างเชียนรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองพ่ายแพ้แล้ว และเข้าใจว่าไม่มีทางที่จะได้ตัวพ่อบ้านตระกูลเจิ้งไปได้แน่นอน แต่การมอบโฮ่วอวิ๋นให้กับผางชุนก็ยังดีกว่าการมอบให้กับตระกูลฉู่
ซูอันไม่คัดค้านใด ๆ เช่นกัน ผางชุนเป็นคนของเจ้าเมืองเซี่ย พูดชัด ๆ คือ เจ้าเมืองเซี่ยไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับตระกูลฉู่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายซ่างหง เช่นกัน นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของตระกูลเซี่ยและตระกูลฉู่ก็ยังถือว่าใกล้ชิดกันอีกด้วย
ผางชุนรีบนำตัวโฮ่วอวิ๋นและลูกเรือทั้งหมดไปควบคุมตัว ขณะที่นำคนของเขาเองมาทำหน้าที่เป็นพยาน
ซูอันและทหารคุ้มกันของเขาก็รีบกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่เพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อทั้งสองฝ่ายจากไป ซ่างเชียนก็เรียกเจิ้งตานไปยังมุมที่เงียบสงบ เขาทำหน้าไม่พอใจ “ทำไมโฮ่วอวิ๋นถึงยังอยู่ที่นี่? แล้วทำไมกระสอบในเรือส่วนใหญ่ถึงเต็มไปด้วยทราย? ต่อให้คนโง่ที่สุดก็ยังรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเรือของเจ้า!”
เจิ้งตานตอบกลับอย่างจนใจ “ข่าวที่ท่านส่งมามันกระชั้นชิดเกินไป และต่อให้ทั้งท่านและข้าจะพยายามถ่วงเวลาซูอันให้นานขึ้น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ ข้าจะหาฝ้ายมายัดแทนเกลือที่เราขนมามากขนาดนั้นได้ที่ไหนในเวลาอันสั้นแบบนี้? การใช้ทรายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถจัดการได้ แค่เรารอดตัวไปได้ครั้งนี้ก็ถือว่าสวรรค์ช่วยเราแล้ว
“ส่วนการที่โฮ่วอวิ๋นยังอยู่ที่นี่ เป็นเพราะเราจำเป็นต้องมีคนที่มีความสามารถคอยดูแลทุกอย่างและทำให้มั่นใจว่างานเสร็จลงอย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเรา”
ซ่างเชียนรู้ว่านางกำลังพูดความจริง อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่า โฮ่วอวิ๋นกำลังถูกควบคุมตัวในเวลานี้ก็ทำให้เขารู้สึกกังวล “แต่โฮ่วอวิ๋นก็ยังถูกคนของผางชุนพาตัวไปในท้ายที่สุด! เรื่องจะยุ่งยากทันที ถ้าเขาพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด!”
เจิ้งตานยิ้ม “อย่าห่วงเลย ลุงโฮ่วได้ทำงานให้กับตระกูลของข้ามานานมากแล้ว เขาเป็นคนที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้เขาก็เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายมาแล้วมากมายในชีวิตของเขา ดังนั้นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขากลัวได้หรอก อีกทั้งผางชุนและซูอันต่างก็ไม่มีหลักฐานเอาผิดอะไรพวกเราได้สักอย่าง”
ซ่างเชียนเยาะเย้ย “หลายครั้งที่ศาลไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานใด ๆ ในการจัดการคดีเลย เจ้าไม่มีทางรู้หรอกว่าแท้จริงแล้วพวกเจ้าหน้าที่ศาลนั้นมีวิธีการที่โหดร้ายมากมายในการรีดเค้นข้อมูล มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทนต่อการทรมานของพวกเขาได้! แม้แต่ข้าเอง ถ้าโฮ่วอวิ๋นอยู่ในมือข้าและข้าต้องการให้เขาคายความลับบางอย่างที่ข้าต้องการออกมา ข้ารับประกันได้ว่าเขาจะคายทุกอย่างออกจากปากภายในสามวัน!”
เจิ้งตานถอนหายใจ “นั่นคือเหตุผลที่เราต้องช่วยเขาออกมาโดยเร็วที่สุด”
“เขาอยู่ในมือของผางชุนแล้ว และตระกูลฉู่ก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน เราจะช่วยเขาได้ยังไง?” ซ่างเชียนกล่าวด้วยความหงุดหงิด
เจิ้งตานยังคงสงบนิ่ง “อย่ากังวล ข้าได้คิดหาแผนสำรองทันทีที่ได้รับข่าวจากท่านก่อนหน้านี้แล้ว ข้าได้บอกลุงโฮ่วแล้วด้วย ให้เขาเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการจับกุมที่อาจเกิดขึ้น”
“เจ้าวางแผนอะไรอยู่?” ซ่างเชียนถามอย่างเร่งรีบ
“พรุ่งนี้เช้าท่านจะได้รู้” เจิ้งตานตอบ “แน่นอนว่าข้าจะต้องได้รับความร่วมมือจากพ่อของท่านด้วย”
ซ่างเชียนไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะอยากรู้อยากเห็นอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจิ้งตานทำตัวลึกลับ เขาไม่อยากทำให้ตัวเองดูโง่ เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน “ว่าแต่ เกลือทั้งหมดหายไปไหน?”
เจิ้งตานถอนหายใจด้วยความหดหู่ “ด้วยความรีบร้อนดังนั้นแน่นอนว่าเราจึงทิ้งมันลงในแม่น้ำทั้งหมด เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้ ตระกูลเจิ้งของข้าคงถึงจุดจบ”
“ไอ้ลูกหมาซูอัน ทำให้เราสูญเสียเงินจำนวนมากอีกแล้ว!” คำพูดของนางทำให้ซ่างเชียนสาปแช่งด้วยความโกรธ
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
มองจากภายนอก เจิ้งตานยังคงสามารถรักษารอยยิ้มของหญิงสาวที่แสนฉลาดและอบอุ่นเอาไว้ได้ แต่ในใจนางคิดว่าคู่หมั้นของนางคนนี้ค่อนข้างไม่ได้ความ แค่ประสบปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ เขากลับโมโหเป็นฟืนเป็นไฟไม่สามารถรักษาความสงบได้เลย! ในแง่นี้ ซ่างเชียนด้อยกว่าพ่อของเขามากราวกับไม่ใช่พ่อลูกกัน!
ในทางตรงกันข้าม ซูอันซึ่งปกติแล้วดูเหมือนคนโง่เง่า แต่พอถึงเวลาจริงเขากลับสงบจนน่ากลัวซึ่งทำให้ยากมากที่จะรับมือในช่วงเวลาที่สำคัญ
เมื่อนางนึกถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสองคนนี้ นางกลับรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นเร็วขึ้น แก้มขาวของนางระเรื่อด้วยสีแดงจาง ๆ
ซูอันรีบกลับไปที่ตระกูลฉู่ เพื่อแจ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุด
“ฮี่ม! สุดท้ายแล้วเจ้าก็ไม่พบเกลือเถื่อนเลยใช่ไหม!” ฉินหว่านหรูอยากจะระเบิดอารมณ์เมื่อนางได้ยินรายงานของซูอัน แต่ทันใดนั้นนางก็รั้งตัวเองเอาไว้ก่อน เนื่องจากนางจำได้ว่าครั้งล่างสุดที่นางด่าเขา เขากลับระเบิดอารมณ์กลับใส่นาง ซึ่งหลังจากนั้นมา นางก็ไม่ค่อยอยากที่จะเผชิญหน้ากับซูอันอีกสักเท่าไหร่ด้วยเหตุผลที่นางเองก็อธิบายไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้จึงทำได้แค่เพียงประชดประชันอย่างโกรธเคือง
ทำไมนางถึงต้องทำเหมือนกลัวเขยคนนี้ด้วย? เขาเป็นแค่เขยที่แต่งเข้ามาในตระกูลของนางเท่านั้นเอง!
ยิ่งนางคิดถึงเรื่องนี้ นางก็ยิ่งทุกข์มากขึ้นเท่านั้น และนางก็เกือบจะพูดออกมาด้วยความโกรธอยู่หลายรอบ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางพบว่าตัวเองสงบปากสงบคำมากขึ้น
ท้ายที่สุด นางทำได้เพียงจ้องเขาอย่างขุ่นเคือง และวางแผนหาโอกาสต่อไปที่จะจัดการกับเด็กเหลือขอคนนี้!
—
ท่านยั่วยุฉินหว่านหรูสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +9…9…9…
—