เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] - บทที่ 520 ท้าแข่ง
บทที่ 520 ท้าแข่ง
บทที่ 520 ท้าแข่ง
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าของหวางหยวนหลงพลันเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวทันที เขาเป็นเจ้าภาพเชิญพวกซูอันและคนอื่น ๆ มายังภัตตาคารของตระกูลตัวเอง แต่ใครที่ไหนไม่รู้กลับกล้าที่จะหักหน้าเขา “พวกเขาเป็นแขกที่ข้าเชิญเอง เจ้าพูดได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปชั้นบนสุด?”
ชายคนเดิมตอบว่า “นายน้อยหวางเป็นนายน้อยของภัตตาคารจตุรทิศ ดังนั้น แน่นอนว่าท่านมีสิทธิ์ที่จะขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ข้ากลัวว่าชื่อเสียงของภัตตาคารจตุรทิศจะด่างพร้อยหลังจากนี้อย่างแน่นอน”
“ทุกคนรู้ดีว่าชั้นบนสุดของภัตตาคารจตุรทิศเป็นสถานที่ที่มีแต่เฉพาะคนที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปหาความสำราญได้ แม่นางเซี่ย เป็นอัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชน แม่นางเจิ้งก็เป็นอัจฉริยะในชั้นเรียนนภา ในขณะที่ผู้บัญชาการซ่างมีระดับการบ่มเพาะสูงส่งและดำรงตำแหน่งสูงตั้งแต่อายุยังน้อย ข้าไม่มีข้อตำหนิแม้แต่น้อยหากพวกเขาขึ้นไปที่ชั้นบนสุด ทว่าคนที่อยู่ตรงนั้นมีสิทธิ์อะไรไปทานอาหารที่ชั้นบนสุด? เพียงเพราะเขาเป็นบุตรเขยของตระกูลฉู่เท่านั้นเหรอ?”
บรรดาผู้ยืนดูต่างหัวเราะคิกคักกับคำพูดสุดท้ายนั้น เห็นได้ชัดว่าหลายคนไม่พอใจเช่นกัน
“ขนาดพวกเรายังไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปที่นั่น เขามีสิทธิ์อะไร?!”
“ใช่! ข้าคิดว่าภัตตาคารจตุรทิศของเจ้าควรเลิกเสแสร้งแล้วพูดตรง ๆ ว่าผู้ที่มีเงินและมีอำนาจทุกคนจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปชั้นบนได้”
…
ใบหน้าของหวางหยวนหลงมืดหม่นลง ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากใจจริง ๆ เขาควรปล่อยให้ซูอันขึ้นไปชั้นบนหรือไม่?
ถ้าหากทำเช่นนั้น จะเท่ากับเขาทำลายความพยายามหลายปีที่ภัตตาคารจตุรทิศทุ่มเทเพื่อสั่งสมชื่อเสียงมา
อย่างไรก็ตาม การปฏิเสธไม่ให้ซูอันขึ้นไปจะเท่ากับเป็นการปฏิเสธแขกที่เขาเชิญเป็นการส่วนตัว ซึ่งจะทำให้ซูอันอับอายขายหน้าที่สุด
ดวงตาของซูอันหรี่ลง ผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนคนเที่ยวภัตตาคารทั่วไป มีคนจงใจส่งเขามาเยาะเย้ยข้าหรือไม่?
เขากวาดตามองดูคนรอบข้าง มีรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าของซ่างเชียน เขาจำได้ว่าชายผู้นี้ลงมาทักทายพวกเขาด้วยตัวเอง และทันใดนั้นก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในตอนแรกเขาคิดว่าซ่างเชียนลงมาเพื่อรับเจิ้งตาน ปรากฏว่าที่แท้มาหาเขานี่เอง!
แต่ทำไมกัน?
เขารู้เหรอว่าข้าทำอะไรกับคู่หมั้นของเขา?
ชายคนเดิมพูดพร้อมกับเยาะเย้ย “แล้วไง? เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแก้ตัวเจ้าเองหน่อยเหรอ?”
ความสนใจของทุกคนมุ่งไปที่ซูอัน เห็นได้ชัดว่าเขยตระกูลฉู่ดูเหมือนตัวตลกในสายตาของพวกเขา
ผู้ชายคนนี้ไร้ความสามารถ แต่กลับได้แต่งงานกับสาวงามที่มีเสน่ห์ที่สุดของเมืองจันทร์กระจ่าง และมีข่าวลือที่คลุมเครือกับชิวฮัวเล่ยแห่ง หอสุขนิรันดร์ ผู้ชายคนอื่นควรจะทำเช่นไร? พวกเขาไม่สามารถยืนมองผู้ชายคนนี้แล้วแสดงความยินดีเฉย ๆ ได้!
เซี่ยเต๋าอวิ๋นดูเป็นกังวล ผู้คนเหล่านี้ล้วนโดดเด่นในสาขาวิชาที่ตนเองเรียนรู้มาทั้งยังมีความมั่นใจในตัวเองสูง สิ่งต่าง ๆ นับจากนี้ย่อมจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับซูอัน
อย่างไรก็ตาม นางก็ยังสงสัยว่าผู้ชายที่เขียนเพลงที่ยอดเยี่ยมได้ขนาดนั้นจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร?
หวางหยวนหลงเริ่มวิตกกังวลเช่นกัน ถ้าเขาออกหน้าให้ซูอัน เขาคงทำให้ภัตตาคารจตุรทิศเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากเขาปฏิเสธซูอัน เขาก็จะทำให้ชายหนุ่มขุ่นเคือง และบางทีแม้แต่ตระกูลฉู่ก็จะพาลมองหน้ากันไม่ติด
เมื่อคิดว่าตัวเองไม่สามารถออกหน้าได้แน่ เขาจึงทำได้แต่ขยิบตาให้ลูกน้องของเขาหาวิธีพาคนเหล่านี้ออกไปในแบบที่ดูสมเหตุสมผลมากที่สุด
แต่ขณะที่คนของหวางหยวนหลงกำลังจะก้าวมาขวาง ซ่างเชียนก็ก้าวออกมาขวางพวกเขาไว้
ริมฝีปากของเจิ้งตานมีรอยยิ้มขี้เล่น นางรับรู้ได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน แต่นางไม่กังวลอะไร ซูอันเป็นดั่งชายที่ได้รับพรจากเทพแห่งความชั่วร้าย เขาฉลาดแกมโกงแถมยังไหลลื่นเป็นที่สุด จะแพ้พวกคนธรรมดาเหล่านี้ได้ยังไง?
แน่นอนว่าเสียงหัวเราะของซูอันก็ดังขึ้น “ข้าขอถามหน่อยได้มั้ยว่าเจ้าชื่ออะไร?”
ไม่มีความตื่นตระหนกใดในน้ำเสียงของเขา
ชายคนเดิมทุบอกตัวเองเบา ๆ “แน่นอนว่า ข้าผู้นี้คือ ซวีฉินซ่ง แห่งเมืองดาวอัคคี”
เขาทำท่าอวดดีราวกับว่าชื่อของเขามีศักดิ์ศรีบางอย่าง ฝูงชนที่เหลือเริ่มพูดพึมพำกันเองเมื่อได้ยินเขาประกาศชื่อ
ซูอันทำท่าป้องหู “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาก่อนเลย เจ้าโด่งดังจริง ๆ งั้นเหรอ?”
—
ท่านยั่วยุซวีฉินซ่งสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
เซี่ยเต๋าอวิ๋นแอบบอกกับซูอันเบา ๆ “ซวีฉินซ่ง ผู้นี้เป็นบัญฑิตบุ๋นที่มีพรสวรรค์จากเมืองดาวอัคคีที่อยู่ใกล้เคียง เจ้าต้องระวัง”
ซวีฉินซ่งยิ้มและประสานมือไปทางนาง “แม่นางเซี่ย ยกย่องข้าเกินไป ข้าได้ยินมาว่าแม่นางเซี่ยเป็นบุคคลที่มีความสามารถมากที่สุดของ เมืองจันทร์กระจ่าง และข้าก็ชื่นชมท่านมานาน ข้าต้องการโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนบทกวีกับท่านเสมอ”
“นายน้อยซวีชมเกินไปแล้ว” เซี่ยเต๋าอวิ๋นพยักหน้าให้เขา มารยาทของนางนั้นไร้ที่ติ แต่ไม่มีอาการหวั่นไหวในสายตาของนางเลย
ใบหน้าของซวีฉินซ่งถึงกับแข็งค้างเมื่อเห็นว่านางดูไม่สนใจเขาเลย เขาตระหนักในทันทีว่านางคงสนิทสนมกับซูอันอยู่บ้าง ดังนั้นจึงไม่เต็มใจที่จะให้ความสนใจเขามากนัก
—
ท่านยั่วยุซวีฉินซ่งสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +334!
—
ไอ้หยา ทำไมเจ้าถึงโกรธข้าในเมื่อคนที่เจ้าชอบไม่ชอบเจ้า?
“ก็ได้ ก็ได้ เจ้าเริ่มเรื่องทั้งหมดนี้เพราะเจ้าต้องการท้าทายข้าถูกต้องไหม? เอาล่ะ ถ้างั้นก็บอกมาว่าเจ้าต้องการแข่งกับข้ายังไง? เจ้าต้องการแข่งขันอย่างยุติธรรมหรือไม่เป็นธรรม?”
น่าตลกจริง ๆ ข้ามีประสบการณ์การศึกษาภาคบังคับมาเก้าปีแล้ว และจัดการกับเกรียนออนไลน์มาจำนวนนับไม่ถ้วน คิดว่าข้าจะแพ้ให้กับคนโง่ ๆ คนหนึ่งของโลกนี้งั้นเหรอ?
เซี่ยเต๋าอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจที่ซูอันไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย มันสายเกินไปแล้วที่จะหยุดความขัดแย้งนี้
นางสงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้จึงใจร้อน สถานการณ์นี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ถ้าเขาเพียงแค่ยอมโอนอ่อน อย่าบอกนะว่าซูอันมีปมด้อยติดตัวอยู่?
ในขณะเดียวกัน ซวีฉินซ่งก็มีความสุขมาก เขาได้เดินทางมายังเมืองจันทร์กระจ่างเพื่อให้เป็นที่รู้จัก ซูอันจะเป็นบันไดให้เขาเหยียบขึ้นไปยังจุดหมาย